เฉียดตายเปลี่ยนชีวิต จากวันนั้นถึงวันนี้ที่ไม่เหมือนเดิม

“เราทำอะไรอยู่ เราเสียเวลาทำอะไรอยู่” ส้ม-ณัชพร สายบัว ผู้จัดรายการโทรทัศน์ที่ฮ็อตในตอนนี้ อย่าง “คุยแซ่บโชว์” เล่าถึงคำถามที่เธอถามตัวเอง เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนอายุเพียง 37 ปี และเริ่มที่จะป่วย

ส้มที่เริ่มต้นงานในวงการด้วยการแสดงบท “คนใช้” ในละครหลายต่อหลายเรื่อง ก่อนจะมาเจอ วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา และจับมือทำรายการ “เกิดมาคุย” ด้วยกัน เล่าว่า ในตอนนั้นกลุ่มของพวกเธอทำแบบทุ่มเท แบบหามรุ่งหามค่ำ ด้วยความสนุก และอยากได้ความสำเร็จ หลายต่อหลายครั้งจึงถึงขั้นทำงานโต้รุ่ง หากก็ไม่รู้สึกอะไร

แถมยังใช้ชีวิตแบบอยากกินอะไรก็กิน อยากทำอะไรก็ทำ

กระทั่งผลตรวจร่างกายระบุชัด ว่ามีแนวโน้มสูงมากที่จะเป็นมะเร็งที่หน้าอกกับลำไส้

“คือค่าทุกอย่างเขาบอกว่าใกล้ตายแล้วนะเนี่ย” ถึงตอนนี้เล่าแล้วส้มก็หัวเราะ

แต่ตอนนั้นน่ะเหรอ เครียดไม่รู้จะเครียดยังไง

“กลัวตายสิ” เธอว่า

ด้วยเหตุนี้จึงบอกกับตัวเองทันที “ฉันจะไม่ทำงานขนาดนั้นอีกแล้ว” ขณะเดียวกันก็ตัดสินใจเปลี่ยนจากภายในสู่ภายนอกด้วยการเริ่มทานอาหารคลีน และขอใช้ชีวิตแบบที่ไม่เคยได้ใช้ตอนวัยสาว ที่สูญเสียไปกับการทำงานกลับคืนมา

“ตอนทำงานส้มไม่เคยมีแฟน เพราะมัวแต่บ้างาน ต้องทิ้งผู้ชายตลอด นึกถึงผู้หญิง 37 กำลังจะตาย แล้วยังไม่มีผัว”

ซึ่งไม่ได้นะ-บอกแล้วก็หัวเราะขำ

ดังนั้น ทุกวันนี้แม้จะเป็นเจ้าของรายการ ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 1 ชั่วโมง ทางช่องวัน

ซึ่งคนทำงานทีวีคงรู้ดีว่าเป็นงานที่หนักขนาดไหน

แต่เธอก็ไม่เอามาเป็นภาระของตัวคนเดียว แต่กระจายงาน เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว อันประกอบด้วยสามีและลูกชายอีก 1 คน และแน่นอนเพื่อการพักผ่อน นอนหลับอย่างเต็มที่

และแน่นอน ความคิดนี้ก็ถูกนำมาปรับใช้กับพนักงานในบริษัททุกคน

“อยากดูแลทุกคนที่มาทำงานให้เรา ให้เขามีความสุข เพราะเราก็ไม่ใช่คนโด่งดัง มีชื่อเสียง ที่ใครๆ อยากจะมาร่วมงานด้วย เมื่อเขามาทำงานกับเรา เราก็ต้องคิดถึงใจลูกน้องให้มาก”

“คือไม่มีเขา เราก็ตาย ต่อให้เราเก่งแค่ไหน แต่ว่าทำงานคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ มันก็ต้องคิดตรงนี้เยอะๆ”

“ไม่ได้พูดเพื่อสร้างภาพนะ” ส้มบอก

“แต่อยากบอกหัวหน้างานทุกคน ว่าชีวิตคน คุณอย่าเอามาเล่นๆ นะ บาปกรรม บางทีใช้จนเขาไม่มีชีวิตส่วนตัวนี่ไม่ใช่เรื่องล่ะ คุณให้เงินเขาแค่นี้ เอาชีวิตเขาไปทั้งชีวิตเลยหรือ”

และอาจด้วยวิธีคิดและปฏิบัติเช่นนี้ ที่ผ่านมาพอถึงเวลางาน พนักงานทุกคนจึงทำงานอย่างเต็มที่ จนทุกวันนี้คุยแซ่บโชว์ก็ “ปัง” ได้อย่างใจ

“เราก็รู้สึกว่าทำไมปังขนาดนี้ ต้องให้เครดิตทีมงาน ที่หาแขกดีๆ มาได้”

แขกที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในกระแสข่าวฮ็อต ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการช่วงชิงจากรายการอื่นๆ อย่างหนัก

เพราะ “ข่าวฮ็อตยังไงคนก็ดู” เธอว่า

อย่างไรก็ดี การ “มีรายการทุกวันมันก็ยาก” ส้มบอก

“หลายคนก็พูดว่า ทำได้ยังไง บอกเลยว่ายากจริงๆ ค่ะ แต่เราตั้งไว้ว่าเราจะเป็นแบบนี้ และถ้าไม่ปังก็อย่าทำเลย”

ถึงวันนี้ ส้มในวัย 42 ปี บอกว่าเธอแบ่งความมุ่งหวังของตัวเองออกเป็น 2 ส่วน คือในทางโลก ที่อยากเป็นแม่ที่ดี และอยากเป็นเจ้านายที่ลูกน้องอยากทำงานด้วย แล้วสบายใจ

ไม่เคยคิดอยากจะเป็นอันดับ 1 ที่ได้ยืนอยู่แล้วแถวหน้า แล้วใครๆ ก็ต้องเข้ามา

“ขอเพียงแค่คนรอบข้างที่ทำงานกับเรามีความสุขก็พอ”

และแม้ความคิดดังกล่าว สำหรับบางคนอาจจะมองว่า “ไม่ก้าวหน้า” แต่สำหรับเธอ “บางทีการที่เรามองไปข้างหน้ามากเกินไปเราก็ลืมคนข้างๆ”

ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่ดี

ส่วนในอีกด้าน คือทางธรรมนั้น “ส้มไม่อยากตกอบายอีกแล้ว” เธอบอก

“คือส้มเป็นพุทธศาสนิกชน ส้มก็อยากจะฝึก โดยที่ไม่ต้องเสี่ยงว่าจะมาเกิดใหม่ แล้วต้องตกนรก”

“คนทางธรรมคงเข้าใจว่าอยากได้อะไร”