เช็กโพรไฟล์ 5 ผู้ท้าชิง กกต. สายศาลยุติธรรม

เมื่อวันที่ 22มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการรับสมัครผู้เข้ารับการเลือกกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สายศาลรอบใหม่ที่ปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่21มีนาคมปรากฏว่ามีผู้พิพากษา 5 รายที่ยื่นใบสมัคร ประกอบด้วย

1.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นผู้ที่ทางศาลฎีกา เคยลงมติเลือกให้ไปเป็นกกต. แต่ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ลงมติลับ ไม่เห็นชอบ ทั้งนี้ นายฉัตรไชย เกิดวันที่ 28มิถุนายน 2496 อายุ 64 ปี 6เดือน จบการศึกษา นิติศาสตร์บัณฑิตจุฬาลงกรณ์ เเละเนติบัณฑิตไทย ในปีเดียวกันคือ ปี2519 สมรสกับ นางนุจรินทร์ จันทร์พลายศรี ประธานศาลอุทธรณ์ภาค5 เพิ่งดำรงตำเเหน่งคณะกรรมการตุลาการในการลงคะเเนนรอบล่าสุดที่ผ่านมา

นายฉัตรไชย เคยดำรงตำเเหน่งสำคัญ อาทิ ประธานเเผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค1 ผู้พิพากษาศาลฎีกา กรรมการบริหารศาลยุติธรรม(ก.บ.ศ.)ชั้นศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา กรรมการตุลาการ(ก.ต.)ชั้นศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค1 ก.ต.ชั้นศาลอุทธรณ์ ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

2.นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา อายุ 63ปี เป็นผู้ที่ทางศาลฎีกา เคยลงมติเลือกให้ไปเป็นกกต. แต่ถูกสนช. ลงมติลับ ไม่เห็นชอบเช่นเดียวกับนายฉัตรไชย โดยนายปกรณ์เกิดวันที่ 9กุมภาพันธ์ 2498 อายุ63ปี จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำเเหง พ.ศ.2518 เเละปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ พ.ศ.2548 เคยดำรงตำเเหน่งสำคัญ อาทิ รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค9 รองประธานศาลอุทธรณ์ เเละปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ตามประวัติไม่เคยมีบุคคลในครอบครัวมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง เเละไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบวินัยในตำเเหน่งผู้พิพากษามาก่อน

3.นายเกษม เกษมปัญญา ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 1 เกิดวันที่ 8กรกฎาคม 2495 ปัจจุบันอายุ 66ปี วุฒิการศึกษา ปริญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2518 ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 2547 เคยดำรงตำเเหน่งสำคัญ อาทิ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา (ชั้นตำแหน่งเทียบเท่ารองประธานศาลฎีกา) ตามประวัติไม่เคยมีบุคคลในครอบครัวมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง

4.นายทวีป ตันสวัสดิ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เกิดวันที่ 5เดือนเมษายน 2495 ปัจจุบันอายุ66ปี จบปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2518 เนติบัณฑิตไทย พ.ศ.2519
เคยดำรงตำเเหน่งสำคัญ คือ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 (อีสาน) ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาเเละปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ตามประวัติไม่เคยมีบุคคลในครอบครัวมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง เเละไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบวินัยในตำเเหน่งผู้พิพากษามาก่อน

และ5.นายประพาฬ อนมาน ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ เกิดวันที่ 21มีนาคม2494 อายุ67ปี จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2516 เคยดำรงตำเเหน่งสำคัญ อาทิ รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค6 อธิบดีผู้พิพากษาศาลเเขวงกรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ตามประวัติไม่เคยมีบุคคลในครอบครัวมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง เเละไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบวินัยในตำเเหน่งผู้พิพากษามาก่อน

อย่างไรก็ตามในการคัดเลือกผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กกต.ที่มีผู้สมัคร 5คนที่กล่าวมานั้นที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกานั้น จะมีการลงมติในวันที่ 26 เมษายน เวลา 09.30 น. โดยนายชีพ ประธานศาลฎีกา กำหนดวันประชุมใหญ่ศาลฎีกาผู้พิพากษาทั้ง 176 คน เพื่อลงคะแนนเลือกต่อไป

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สาเหตุที่สนช.ลงมติไม่เห็นชอบ ว่าที่กกต.รอบเเรก เพราะสนช.เกรงว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจากมีข้อทักท้วงว่า การลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่เลือกนายฉัตรไชยกับนายปกรณ์ ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่ใช่การลงมติแบบเปิดเผย ทำให้สนช.เทเสียง โหวตไม่เห็นชอบ

โดยการรับสมัครรอบนี้ ปรากฏว่าทั้งนายฉัตรไชยและนายปกรณ์ กลับมาสมัครเป็นกกต.อีกรอบ กรณีของนายฉัตรไชยกับนายปกรณ์ ที่เข้ามาสมัครรอบ2นั้น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเคยออกมายืนยันว่า กรณีการสมัคร กกต.ของศาลฎีกามีความแตกต่างจากกรณีของชื่อที่ส่งมาจากกรรมการสรรหาฯ โดยชื่อส่งมาจากศาลฎีกา แล้วหากถูกสนช.ลงมติไม่เห็นชอบ บุคคลที่ถูกลงมติไม่เห็นชอบ ยังสามารถมาสมัครได้อีก ไม่เสียสิทธิแต่กรณีของชื่อที่มาจากกรรมการสรรหาฯ หากถูกสนช.ลงมติไม่เห็นชอบ ไม่สามารถมาสมัครคัดเลือกได้อีกต่อไป หลังมีการออกมาเคลียร์เรื่องดังกล่าว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นายฉัตรไชยและนายปกรณ์ กลับมาสมัครใหม่อีกรอบ