ในประเทศ/จากอ่างบัว-กระถางข่อย จากโคมแดง-ธูป 36 ดอก โหร’จับยาม’การเมืองร้อน

ในประเทศ

จากอ่างบัว-กระถางข่อย

จากโคมแดง-ธูป 36 ดอก

โหร’จับยาม’การเมืองร้อน

ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องว่าเป็น “ลางร้าย” รัฐบาลในช่วง “ขาลง” หลังอยู่นานเกือบ 4 ปี
เหตุการณ์แรก 15 กุมภาพันธ์ ตรงวัน “ตรุษจีน” เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจขับมาส่งเอกสารในทำเนียบรัฐบาล ถอยชน “อ่างบัว” สนามหญ้าหน้าตึกบัญชาการ แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
เป็นอ่างบัวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. สั่งนำมาประดับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาล จำนวน 10 ใบ นอกจากความสวยงาม ยังเชื่อว่าเป็นการเสริมสิริมงคลให้รัฐบาลและผู้นำ
เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลคือศูนย์กลางอำนาจปกครองบ้านเมือง เป็นสถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี และแกนนำคนสำคัญในรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย
เมื่ออ่างบัวมีอันต้องแตกเป็นชิ้นๆ ไม่ว่าเพราะอุบัติเหตุหรือสาเหตุใดก็ตาม ย่อมนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางร้ายมากกว่าดี
จึงไม่แปลกหากในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจะนำโคมจีนสีแดง หรือ “โคมเต็งลั้ง” จำนวน 6 คู่ มาติดประดับประตูทางเข้า-ออกรอบทำเนียบรัฐบาล ตามคำสั่งด่วนสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ทีมโฆษกรัฐบาลยอมรับ นายกฯ เป็นผู้สั่งการผ่านสำนักงานเลขาธิการนายกฯ ให้ประดับโคมไฟดังกล่าว
ปฏิเสธไม่ใช่การแก้เคล็ด “อ่างบัวแตก”
แต่เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นสัญลักษณ์ฉลองเทศกาลตรุษจีนของรัฐบาลร่วมกับคนไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศ

เหตุการณ์ถัดมา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก่อนเที่ยง
มีคนพบ “ธูป 36 ดอก” จุดใช้แล้วไหม้จนเหลือแต่ก้าน ปักอยู่บริเวณกอดอกเข็ม ซึ่งปลูกล้อมรอบปืนใหญ่ หน้าตึกไทยคู่ฟ้า
สอบถามเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล ทราบว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันนั้นเอง
มีการทำพิธีขอขมาและอโหสิกรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และองค์เทพต่างๆ ประจำทำเนียบรัฐบาล ช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า ราบรื่นไม่ติดขัด
แต่ไม่บอกว่าใครคือผู้ทำพิธีดังกล่าว
ความหมายธูป 36 ดอก หมายถึงไตรภูมิ 36 ชั้น ประกอบด้วย 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน อบายภูมิ 4 มนุษย์โลก 1 พิธีดังกล่าวต้องทำก่อนเที่ยงวัน ต้องปักธูปในที่กลางแจ้ง
ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เช่นเดียวกับกรณีสั่งประดับโคมเต็งลั้งว่า จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการแก้เคล็ดสะเดาะเคราะห์ เหตุการณ์อ่างบัวแตกวันตรุษจีน
เพียงแต่ไม่ประกาศออกมาตรงๆ
เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลในยุค 4.0

ทุกอย่างคล้ายกำลังจะผ่านพ้นไปได้
ออกจากช่วงเทศกาลตรุษจีน วันที่ 19 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ปลดโคมเต็งลั้งลงจากประตูทำเนียบรัฐบาล พร้อมนำอ่างบัวใบใหม่มาวางทดแทนใบเก่าที่แตก
แต่ลางร้ายดูเหมือนจะไม่ยอมหายไปง่ายๆ
เป็นเช่นนั้น เพราะบังเอิญมีคนสังเกตเห็น “กระถางต้นข่อย” หน้าตึกนารีสโมสร ศูนย์แถลงข่าวทำเนียบรัฐบาล แตกชำรุด 1 กระถาง จากที่ตั้งเรียงรายอยู่ 10 กระถาง


ตอกย้ำกระแสลางร้ายช่วงขาลง จนเจ้าหน้าที่ต้องเร่งซ่อมแซมเป็นการด่วน
และที่น่าแตกตื่นสะท้านขวัญยิ่งไปกว่านั้น กรณี “อีกา” 2 ตัวไล่จิกตี “นกพิราบ” ตายในสภาพสยดสยองกลางทำเนียบรัฐบาล ระหว่างเสร็จสิ้นการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังประชุม ครม. ประจำสัปดาห์วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์
ทำให้เกิดเสียงร่ำลือในทางที่ไม่ดีต่อรัฐบาลอีกครั้ง
บ้างก็ว่านกพิราบเป็นสัญลักษณ์ของความดี ถูกอีกาสัญลักษณ์สิ่งเลวร้ายรุมทำร้ายจนตาย
บ้างก็ว่านกพิราบเป็นสัญลักษณ์สื่อมวลชน กำลังถูกฝ่ายไม่ดีรุมโจมตี นอกจากนี้ นกพิราบยังเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพอีกด้วย
จากเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
นำมาซึ่งคำทำนายของนักโหราศาสตร์ชื่อดังหลายคน ที่ล้วนทำนายไปในทิศทางใกล้เคียงกัน นั่นคือ
“ร้าย” มากกว่า “ดี”

โสรัจจะ นวลอยู่ โหรชื่อดัง เจ้าของฉายานอสตราดามุสเมืองไทย กล่าวถึงกรณีอ่างบัวแตกว่า เป็นลางร้ายและอาเพศ
เกิดขึ้นในช่วง “วันไหว้” เทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือกันตามความเชื่อว่าห้ามทำสิ่งของชำรุด แตกหักเสียหาย ประกอบกับดวงเมืองคล้องจองกันช่วงนี้พอดี
แตกร้าวแล้วก็ยากประสาน ไม่สามารถต่อติดเหมือนเดิม ต่อจากนี้บ้านเมืองจะเกิดความขัดแย้งรุนแรง
การแตกร้าวของกระถาง สื่อได้ว่าผู้ร่วมคณะรัฐบาลจะขัดแย้งกันเอง เกิดความไม่ไว้วางใจ หักหลังกัน เกิดความร้อนแรง หากทำอะไรผิดนิดเดียวก็จะผิดไปหมด
อารมณ์ผู้นำและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองร้อนผิดปกติ เกิดการกลั่นแกล้งกันเอง เกิดความขัดแย้งทางความคิด กระทั่งมีกลุ่มการเมืองต่างๆ ออกมาเดินต่อต้านมากขึ้น ทำให้ความขัดแย้งถึงขั้นรุนแรงมาก
ราหูตั้งฉาก นอกจากการทะเลาะกัน อาจเกิดจากบุคคลภายนอกไม่มีหน้าที่ในรัฐบาลต้องการเข้ามีบทบาทเรื่องผลประโยชน์ ส่งผลให้เกิดการยั่วยุถึงขั้นรุนแรง
การแตกร้าวจะนำไปสู่ความผิดปกติทางด้านการคอร์รัปชั่นเยอะมาก ส่งผลถึงด้านเศรษฐกิจตกต่ำถึงขั้นสุด จนอาจเหมือนเหตุการณ์ปี 2540
ดวงดาวของดวงเมืองอยู่ในมุมเสียหมด

นายบุญเลิศ ไพรินทร์ หรือโหร ส.ว. กล่าวว่า กรณีอ่างบัวแตกมองได้ 2 กรณี คือ เกิดโดยบังเอิญ และเป็นลางที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกว่าอาจเกิดเหตุร้าย
สำหรับดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวประจำตัวตกเรือนวินาศ ทำให้หน้าที่การงานผิดพลาดไปหมด พร้อมล้มลงตลอดเวลา
ที่อยู่ได้เพราะดาวดีคือดาวพฤหัสบดีทับราศีตุลย์ หรือราศีการงาน ทำให้อยู่ได้ หากวันใดดาวพฤหัสบดีตกเรือนวินาศ โดยเฉพาะปี 2562
จะเป็นอันตรายกับรัฐบาล คสช.
ส่วนดวงคนใกล้ชิดที่เป็นมือซ้าย-มือขวา ถูกดาวบาปเคราะห์เล่นงาน ห่วงว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลหลังเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2561
โดยเฉพาะปลายปียิ่งอันตรายมาก
สอดรับอย่างน่าสนใจกับคำทำนายของนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายาโหร คมช.
ที่กล่าวถึงเสถียรภาพรัฐบาลและ คสช. หลังเจอมรสุมอย่างหนัก จนถูกมองว่าเป็นช่วง “ขาลง” ว่า
พล.อ.ประยุทธ์ยังมีบารมีประคองรัฐบาลต่อไปได้จนกว่ามีการเลือกตั้ง ไม่น่ากังวล แม้บริวารจะทำให้หงุดหงิดบ้างก็ตาม
รวมถึงกลุ่มม็อบต่างๆ หรือกรณีนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกฯ ที่ออกมาเคลื่อนไหวก็เป็นการเคลื่อนไหวตามเวลา เมื่อถึงเวลาก็เงียบหายไป ไม่เกิดอะไรขึ้น
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่มองว่าตกเป็นเป้า ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน จะยังทำงานในรัฐบาลต่อไป เพราะยังไม่หมดหน้าที่
แม้เจอวิบากกรรมค่อนข้างมากแต่ก็ผ่านพ้นไปได้ ไม่มีอะไรหนักกว่านี้แล้ว แต่สิ่งน่าเป็นห่วงคือเรื่องสุขภาพ
ส่วนการปรับ ครม. ที่เคยดูไว้ว่าปรับอีกครั้งก่อนการเลือกตั้ง ยืนยันว่ามีแน่นอน เร็วสุดเดือนเมษายนนี้
ทุกคนมีเวลาของตัวเอง เมื่อถึงเวลาหมดหน้าที่ก็ต้องไป
แปลกที่เมื่อสิ้นเสียงคำทำนายของโหรวารินทร์ ทุกสายตากลับมองผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ไปยัง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ

ขณะที่บุคคลผู้เป็นศูนย์กลางอำนาจอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงเหตุการณ์ลางร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทำเนียบรัฐบาล หลายครั้งติดต่อกันในช่วงตรุษจีนและสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องโหราศาสตร์หรือฮวงจุ้ย ไม่ว่าอ่างบัวแตกหรือกระถางต้นข่อยแตก ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง “อุบัติเหตุ” และเรื่องของ “ธรรมชาติ”
ยืนยันตนเองไม่ได้สั่งให้จุดธูป 36 ดอก
และการติดโคมจีนสีแดง ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องฮวงจุ้ย และไม่เกี่ยวกับอ่างบัวแตก
“ผมไม่ได้ไปลบหลู่ แต่ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ” นายกรัฐมนตรีระบุ
สุดท้ายแม้บางอย่างจะไม่ได้พูดออกมา แต่ก็เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ย่อมรู้ดีว่า การที่รัฐบาลจะอยู่บริหารประเทศได้นานแค่ไหน
คำตอบไม่ได้อยู่ที่อ่างบัวหรือกระถางต้นไม้
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอีกาหรือนกพิราบจิกตีกันหรือไม่
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกราบไหว้ร้องขอต่อเทพยดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ในทำเนียบรัฐบาล
แต่ความอยู่รอดปลอดภัยของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือมาด้วยวิธีอื่น อยู่ที่ผลงานการบริหารประเทศ ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล เป็นสิ่งสำคัญ
ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่