ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 กันยายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
เหตุวินาศกรรมสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ที่ผู้ก่อการร้ายรวม 19 คนขับเครื่องบินก่อเหตุ ทั้งพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พุ่งชนตึกเพนตากอน และที่ตกลงที่ทุ่งหญ้าที่เพนซิลเวเนีย ที่ถือเป็นการโจมตีดินแดนอเมริกาครั้งแรกของต่างชาติในรอบเกือบ 200 ปี
และกลายเป็นการก่อการร้ายครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย
และยังคงเป็นภาพที่ติดตาชาวโลกอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานถึง 15 ปีแล้วก็ตาม
เช่นเดียวกับผลพวงต่างๆ ที่ตามมา หลังเหตุการณ์ที่ถูกเรียกสั้นๆ ว่า 9/11 นับตั้งแต่การที่รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ที่ประกาศทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ด้วยการเปิดฉากโจมตีอัฟกานิสถานในปีเดียว เพื่อไล่ล่า “บิน ลาเดน” หัวหน้าเครือข่ายก่อการร้ายอัลเคด้า ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรม 9/11 ตามด้วยการเปิดฉากโจมตีอิรัก โค่นอำนาจ “ซัดดัม ฮุสเซน” ผู้นำเผด็จการของอิรัก
ทั้งๆ ที่ผู้ก่อการร้ายในเหตุวินาศกรรม 9/11 ไม่มีใครมาจากอัฟกานิสถานหรืออิรักเลย แต่มีถึง 15 คน ที่มาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย
หากแต่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐ กลับทำให้อัฟกานิสถานและอิรักต้องสูญเสียประชาชนไปจำนวนมาก
หลังจากนั้น สงครามก็เริ่มลุกลามในหลายประเทศในตะวันออกกลาง นับตั้งแต่ลิเบีย ไปจนถึงซีเรีย และทำให้หลายประเทศกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะของกลุ่มก่อการร้ายทั้งหลาย รวมถึงกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ที่ได้กลายเป็นเครือข่ายก่อการร้ายที่ก่อเหตุโจมตีไปหลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่ตกเป็นเป้าการโจมตีร้ายแรงมาหลายครั้ง
และนับตั้งแต่เหตุการณ์ 9/11 เป็นต้นมา สหรัฐอเมริกาเอง ก็กลายเป็นผู้นำโลกในการเดินหน้า ทำสงครามกับการก่อการร้ายเรื่อยมา ที่ดูเหมือนสงครามไม่ได้จบลงง่ายๆ และดูจะเป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่งของ “ประธานาธิบดี บารัค โอบามา” แห่งสหรัฐอเมริกา
ไม่ว่าจะเรื่องการนำทหารอเมริกันที่ไปทำสงครามอยู่ที่อัฟกานิสถานและอิรัก กลับสู่บ้านเกิด หากแต่ตอนนี้ก็ยังคงมีทหารอเมริกันอยู่ทั้งในอัฟกานิสถานและอิรัก
หรือแม้แต่ความพยายามที่จะสานสัมพันธ์กับโลกมุสลิมให้มากขึ้น ก็ดูเหมือนว่า แต่โอบามาเองก็ยังไม่สามารถทำให้ชาวอเมริกันรู้สึกสนิทใจกับมุสลิมได้ ขณะที่โอบามากำลังจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งลงในต้นปีหน้านี้แล้ว ภารกิจที่ตั้งเป้าหมาย กลับดูยังไม่ประสบผลเท่าที่ควร
ทามารา คอฟแมน วิทเทส ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายตะวันออกกลาง แห่งสถาบันบรู๊กลิน ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากกลุ่มก่อการร้ายอิสลาม ทำให้โอบามาไม่สามารถทำตามความต้องการได้
และทำให้สหรัฐต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพในอิรักอีกครั้ง หลังจากนั้น ก็ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทั้งเรื่องของซีเรีย และลิเบีย อีก
“ไม่ว่าจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง หรือการแผ่ขยายของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ และการก่อเหตุโจมตีอย่างต่อเนื่องในยุโรปและหลายเมืองในอเมริกา ทำให้ยากอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงต่อการทำสงครามกับการก่อการร้าย แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 15 ปีแล้วหลังเหตุการณ์ 9/11” วิทเทสกล่าว
นอกจากนี้แล้ว สหรัฐอเมริกา ก็ยังเข้าไปมีส่วนทางการทหารในรูปแบบที่จำกัด หรือในรูปแบบของการช่วยด้านการขนส่ง ทั้งในอัฟกานิสถาน ไนจีเรีย โซมาเลีย และเยเมน เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน
ฮุสเซน ไอบิช นักวิชาการอาวุโส แห่งสถาบันรัฐอ่าวอาหรับ กล่าวกับเอเอฟพีว่า ความคิดของรัฐบาลโอบามายิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง ไม่เพียงแค่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาสงบลง หากแต่ยังทำให้อเมริกาเข้าสู่สงครามยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยโดรน กองกำลังพิเศษ และการฝึกนักรบท้องถิ่น
ขณะที่สหรัฐอเมริกาเองต้องสูญเสียทั้งคนและเงินไปจำนวนมหาศาลกับสงครามต่อต้านการก่อการร้าย โดยตัวเลขของทางการสหรัฐระบุว่า นับตั้งแต่สงครามอัฟกานิสถานเมื่อปี 2544 เป็นต้นมา มีทหารอเมริกาต้องตายไประหว่างปฏิบัติหน้าที่ในอิรักและอัฟกานิสถานแล้วทั้งสิ้น 5,300 นาย บาดเจ็บอีก 50,000 นาย
แม้ว่าหลายอย่างดูจะล้มเหลวสำหรับโอบามา สิ่งที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับยุทธศาสตร์ของโอบามาคือ การที่สามารถสังหาร “บิน ลาเดน” หัวหน้าอัลเคด้าได้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 ที่ดูจะเป็นผลงานด้านการต่อสู้กับการก่อการร้ายที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงของโอบามา
ขณะที่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนจะยังไม่จบลงง่ายๆ แม้ว่าจะหมดยุคของ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ไปถึงโอบามา ที่กำลังจะหมดวาระลงในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ และส่งไม้ต่อให้กับประธานาธิบดีคนต่อไป เพื่อทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายต่อไป
หากแต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี เหตุการณ์ 9/11 ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องถูกหยิบยกขึ้นมาทุกปี นอกเหนือไปจากรำลึกถึงเหยื่อที่เสียชีวิตแล้ว คงต้องมีการพูดถึงเรื่องสงครามที่ขึ้นตามมาและงอกเป็นดอกเห็ดแบบไม่จบสิ้นลงง่ายๆ ด้วยเช่นกัน