“ณัฏฐา-วีระ” ยื่นร้องศาล รธน.วินิจฉัย “คำสั่ง คสช.”หรือ “รัฐธรรมนูญ” เป็นกฎหมายสูงสุด?

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา ครูและนักกิจกรรม นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน และประชาชนบางส่วน ได้เดินทางมายังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยืนคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การที่ คสช.แจ้งข้อกล่าวหาต่อประชาชนว่าร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งที่ 3/2558 ข้อ12 นั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญของบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา213 ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังจากที่ คสช.แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ต่อประชาชนที่ร่วมชุมนุมคนอยากเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม บริเวณสกายวอล์กแยกปทุมวันและวันที่ 10 กุมภาพันธ์ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า วันนี้มายื่นวินิจฉัยว่า จนท.ตำรวจดำเนินคดีกับประชาชนโดยใช้คำสั่ง คสช.ที่ 3/58 ข้อ 12 เป็นคำสั่งที่ขัดต่อรธน. เพราะว่า รธน.ระบุไว้ชัดโดยเฉพาะมาตรา 44 ว่าด้วยสิทธิการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธจริงๆแล้วคำสั่งที่มีอยู่มันขัดต่อหลายมาตรา เช่น ล่าสุด มาตรา 3 ที่ว่าอำนาจอธอปไตยเป็นของปวงชน เราใช้อำนาจตามส่วนต่างๆ แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมประเทศชาติและความผาสุกของประชาชน มีการตั้งข้อสังเกตว่า การใช้คำสั่งต่างๆ มีขึ้นเพื่อไม่ให้มีการชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ดังนั้นเป็นการออกคำสั่งเพื่อประโยชน์ต่อ คสช. ไม่ใช่เพื่อประโยชน์รัฐหรือประชาชน และยังมีมาตรา 4 ว่าด้วยการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพย่อมได้รับความคุ้มครองตามรธน.เสมอกัน มาตรา 5 รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด จะมีกฎ คำสั่งจะขัดต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ และมาตรา 25 ชัดที่การจำกัดสิทธิเสรีภาพจะต้องมีเหตุจำเป็นว่าการจำกัดสิทธิที่ไม่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น จะกระทำไม่ได้ โดยเฉพาะการกระทำนั้นไม่ได้กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐ

น.ส.ณัฏฐากล่าวอีกว่า การชุมนุมของประชาชนที่ผ่านมาทั้งของตนเองและคนอื่นที่เป็นเหตุคือขอให้มีการจัดการเลือกตั้ง ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สัญญาไว้กับชาวโลกและชาวไทยถึง 4 ครั้งแต่เลื่อนมาตลอด และการเลื่อนเกิดขึ้นด้วยกลไกของ คสช.ทั้งสิ้น ไม่ว่าด้วยเหตุของ สปช. สนช. หรือโดย คสช.เอง เพราะฉะนั้นจะเอามาเป็นเหตุจำกัดสิทธิไม่ได้

“เราจะเห็นได้ว่า สิทธิในการชุมนุมได้รับรองตามปฏิญญาสากลว่าด้วยหลักสิทธิมนุษยชน ทำไมถึงต้องให้สิทธิในชุมนุมเอาไว้ ก็เพราะว่ากลไกของรัฐไม่ได้ทำงานราบรื่นเสมอไป เช่น เราไม่มีฝ่ายค้านในรัฐสภา สื่อมวลชนถูกจำกัดสิทธิ มีรัฐบาลออกคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คนแบบนี้ เราไม่มีเสียงผ่านช่องทางต่างๆ การชุมนุมจึงเป็นทางออกเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของเรา และมาตรา  44 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ เรียกว่าพูดเพียงมาตรานี้ก็เพียงพอแล้วว่าคำสั่งมันขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และคำสั่ง คสช.ที่ 3/58 ข้อ 12 ถูกใช้ในการจำกัดสิทธิมาโดยตลอด บางวันเรียกว่ามีถึง 2-3 กรณีเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างกรณีกลุ่ม We Walk จัดกิจกรรม “เดินมิตรภาพ” หรือชาวบ้านในพะเยาที่ให้กำลังใจกลุ่ม We Walk ก็ถูกทหารแจ้งความดำเนินคดี หรือกรณีกลุ่ม YPD แสดงละครใบ้บนลานสกายวอล์กช่องนนทรีก็ถูกตั้งข้อหา” น.ส.ณัฏฐา กล่าว

ด้านนายวีระกล่าวว่า กรณีของตนนี้ ด้วยในฐานะที่ตนตรวจสอบการคอรัปชั่นทุกรัฐบาล ครั้งแรกที่ถูกดำเนินคดีชุนนุมเมื่อเดือนมีนาคม หลังจากที่ตนกลับจากตรวจสอบบ่อนสายตะปู ปรากฎวันรุ่งขึ้น ช่วงบ่าย ตนไปพบเพื่อนที่เขาดิน ปรากฎว่าตำรวจจับกุมดำเนินคดีหาว่าไปร่วมชุมนุมยื่นหนังสือคัดค้าน พรบ.ปิโตเลี่ยม คือตนเป็นที่ไม่พอใจกับรัฐบาล ซึ่งกรณีบ่อนสายตะปูยังไม่เป็นที่ชัดเจนจนถึงตอนนี้ การที่จะปิดปากตนปรากฎสู้กันถึงศาล ศาลแขวงดุสิตตัดสินชนะคดี ล่าสุดเมื่อ 27 มกราคม ตนได้รับเชิญจาก น.ส.ณัฏฐา พูดเรื่องคอรัปชั่นเสร็จก็เดินทางไปยังมาบุญครอง ก็ไปเห็นนักศึกษาทำกิจกรรม ตนโดนมาตรา 116 ที่เป็นเช่นนี้เพราะตนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล ตนไม่ก้มหัวให้รัฐบาลอำนาจนิยม ตนกลายเป็นคนที่รัฐบาลต้องการปิดปาก กฎหมายแบบนี้ไม่ควรจะมี เพราะมีรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2560 และรัฐบาล คสช.ไม่ชอบกฎหมายเพราะแย่งอำนาจจากประชาชน

“คำสั่งต่างๆของ คสช. ในความเห็นของตนถือว่ายอมรับไม่ได้ เมื่อ น.ส.ณัฏฐามายื่นหนังสือ ตนก็ต้องมาเพื่อสนับสนุน เพราะมิเช่นนั้น ตนคนหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบอยู่ไม่จบ ตนต้องวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบรัฐบาล ดังนั้นเรื่องนี้ ต้องทำให้ชัดเจน ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ตกลงแล้วประเทศไทยที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว ตกลงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นกฎหมายสูงสุดหรือไม่ เพราะเราต้องยอมให้คำสั่ง คสช.ออกมายิ่งใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ มาละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนต่อไปหรือ ตนว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง จะเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องดำเนินโดยด่วน” นายวีระ กล่าว

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่แม้จะมีคนละอุดมการณ์กับประชาชนอีกฝ่ายแต่ถูกจัดรวมอยู่ในผู้ขัดขืนคำสั่ง คสช.นั้น นายวีระกล่าวว่า ตนอยากเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญประกาศใช้มาเป็นปีกว่า แต่รัฐบาลประกาศ สัญญาเองว่าจะรีบให้มีการเลือกตั้ง พูดมาตั้งแต่ยึดอำนาจ เลื่อนเรื่อยมาจนถึงปี 62 มันผิดตรงไหนที่ตนอยากให้มีการเลือกตั้ง อยากให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

“ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำประเทศเสียหาย ประชาชนยังตรวจสอบง่ายกว่ารัฐบาลทหาร เพราะรัฐบาลทหารใช้คำสั่งแบบนี้มาปิดปากประชาชน รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนส่วนใหญ่ ยังตรวจง่ายกว่า ที่จริงประชาชนต้องควบคุมตรวจสอบและลงโทษ แต่ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้ที่ตรวจสอบไม่ได้แล้วยังจะเอาเราไปปรับทัศนคติ พวกเรายอมไปได้ยังไง คสช.ควรคืนอำนาจและจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ถ้าอยากลงเลือกตั้งก็ลงสมัคร แล้วดูว่าประชาชนจะเลือกหรือไม่”

จากนั้น ทั้ง น.ส.ณัฏฐาและนายวีระ พร้อมด้วยประชาชนได้เดินเข้ายื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินขอให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการวินิจฉัยตามที่ร้องขอต่อไป