รายงานพิเศษ / เปิดตัว “ปัฐวาท สุขศรีวงศ์” เจ้าของนาฬิกา “เพื่อน” เดิมพันเก้าอี้ “บิ๊กป้อม” เดิมพันอนาคต “บิ๊กตู่” และความฝัน “บิ๊กแดง” ย้อนรอย “4 ป.” และ “เซนต์คาเบรียล คอนเน็กชั่น”

รายงานพิเศษ

เปิดตัว “ปัฐวาท สุขศรีวงศ์” เจ้าของนาฬิกา

“เพื่อน” เดิมพันเก้าอี้ “บิ๊กป้อม” เดิมพันอนาคต “บิ๊กตู่”

และความฝัน “บิ๊กแดง” ย้อนรอย “4 ป.”

และ “เซนต์คาเบรียล คอนเน็กชั่น”

ไม่ใช่แค่เก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น ที่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ป.ป.ช. กรณีแหวนเพชร และนาฬิกาหรู

แต่ทว่า รัฐบาล คสช. และเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ย่อมกระทบกระเทือนไปด้วย

และอาจจะสะเทือนถึงอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนนอก หลังการเลือกตั้งอีกด้วย

เพราะอย่าลืมว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เป็นแค่พี่ใหญ่ของ คสช. และบูรพาพยัคฆ์ แต่ทว่าเป็นคนที่โอบอุ้ม ประคอง และกรุยทางให้น้องๆ มาตลอด ทั้งบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์

ในหมู่บูรพาพยัคฆ์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มี “พี่ป้อม” อาจจะมาไม่ถึงวันนี้

บารมีที่ พล.อ.ประวิตร สั่งสมมาตลอดชีวิตรับราชการทหารจนปัจจุบัน ทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้รับฉายา “พี่ชายที่แสนดี” ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยขึ้นเวทีร้องเพลง “พี่ชายที่แสนดี” ให้ พล.อ.ประวิตร มาในหลายโอกาส

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตัวเป็น “นักการเมือง” มีความเคลื่อนไหว และทีท่า พร้อมคำพูดที่ทำให้เข้าใจได้ว่าพร้อมที่จะกลับมาเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง เพื่อทำภารกิจให้เสร็จสิ้น และป้องกัน “การเสียของ” ด้วยแล้ว

พล.อ.ประวิตร จึงเป็นคนสำคัญ ที่จะต้องเคลียร์ทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่ได้ชื่อว่า “มิสเตอร์ดีล” เพราะรู้จักนักการเมืองหลายพรรค หลายขั้ว รวมทั้งกลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ อยู่

ประกอบกับกระแสข่าวการตั้งพรรคทหาร และการทาบทามดึงตัว ส.ส. สะพัดขึ้นอีก หลังปรากฏภาพ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมบิ๊กฉัตร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ เพื่อนรัก และบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. และว่าที่ ผบ.ทบ. คนต่อไป ไปพบปะกับนักการเมืองตระกูลสะสมทรัพย์ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยืนยันว่าเป็นการพบกันโดยบังเอิญ เพราะไปเล่นกอล์ฟ แค่นั้นก็ตาม

แต่ในหมู่นักการเมืองต่างไม่มีใครเชื่อ จนนำมาซึ่งข่าวลือ การต่อรองกับพรรคพลังชล ของตระกูลคุณปลื้ม ในการให้หนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แลกกับการให้กำนันเป๊าะ นายสมชาย คุณปลื้ม ได้พักโทษออกจากเรือนจำ จน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาปฏิเสธ

ไม่แค่นั้น ยังมีความพยายามโยงไปที่ความสัมพันธ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ กับ นายสนธยา คุณปลื้ม ที่แนบแน่นกันมายาวนาน ตั้งแต่รุ่นบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ กับกำนันเป๊าะ

อีกทั้งในหมู่นักการเมืองก็จับตาความเคลื่อนไหวของ พล.อ.อภิรัชต์ กันอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า พล.อ.อภิรัชต์ เป็นมือเดินเกมทางการเมืองลับๆ ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ อีกคนหนึ่ง นอกเหนือจาก พล.อ.ประวิตร และทีมงาน

จึงไม่แปลกที่ในเวลานี้ พล.อ.อภิรัชต์ ไม่ได้ถูกบรรดาฝ่ายต่อต้าน คสช. หรือสายเสื้อแดง จับตาจับจ้องและจับผิดเท่านั้น แต่คนเคยรักเคยหนุน คสช. ก็จ้องตาเขม็ง

ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ก็รู้ดีว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าอย่างไร แต่ก็ทำใจ เพราะตลอดชีวิตเส้นทางรับราชการทหาร เขาก็โดนมรสุมการเมืองมานับครั้งไม่ถ้วน

อย่าลืมว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีนี้ ราวปลายกันยายน พล.อ.อภิรัชต์ ถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ทบ. คนต่อไป เพื่อคุมกำลัง และมาดูแลสถานการณ์ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง อีกทั้งมีอายุราชการถึงตุลาคม 2563 ก็สามารถอยู่ดูแล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ต่อเนื่อง พร้อมๆ กับเพื่อนเตรียมทหาร 20 ที่กำลังขึ้นมาเป็นแผงในทุกเหล่าทัพ

นอกจาก พล.อ.อภิรัชต์ ที่เป็นอาวุธลับของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ ก็คือว่าที่ผู้จัดการรัฐบาล เฉกเช่นที่เคยจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมาแล้วนั่นเอง

จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ เมื่อ พล.อ.ประวิตร พลาดเรื่องนาฬิกาหรู จะถูกโจมตี เกาะติดจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายต่อต้าน คสช.

แต่ที่สำคัญที่สุดจากฝ่ายที่เคยเป็น “แนวร่วม” หรือ “กองหนุน” ของ คสช. เสียเอง

โดยเฉพาะแกนนำ ส.ว.บางกลุ่ม หรือแม้แต่สมาชิก กปปส. และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เอง ที่ออกมาจี้ให้ พล.อ.ประวิตร ลาออก และสะกิด พล.อ.ประยุทธ์ ในหลายเรื่อง

จนทำให้คำเตือนของป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ว่า “กองหนุนแทบไม่เหลือแล้ว” นั้น สะท้อนความเป็นจริง

คนที่เคยเป็นกองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. กลับกลายมายืนอยู่ตรงกลาง บางส่วนมายืนตรงข้ามเลยด้วยซ้ำ

“พรรคประชาธิปัตย์เขาเคยเป็นกองหนุนผมด้วยเหรอ ผมเห็นเขาโจมตีผมมาตั้งนานแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ เปรย

ด้วยเพราะความสำคัญของ พล.อ.ประวิตร นี่เอง ที่ทำให้เขากลายเป็นเป้าใหญ่ เพราะหาก คสช. ไม่มีเขาสักคน ย่อมนำมาซึ่งความอ่อนแอ

ดังนั้น ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะมองเหมือนกันว่ามีแผนในการจะแยก พล.อ.ประวิตร ให้ออกไป

แต่เกมการเมืองขั้นเทพกว่านั้น ตรงที่ไม่ได้แค่สะกิดให้ พล.อ.ประวิตร พักงาน หรือลาออก แต่ทว่าหยิบยกประเด็นที่ว่า พล.อ.ประวิตร จะพลอยทำให้คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ตกต่ำลงไปด้วย

เพื่อตอกลิ่มให้ พล.อ.ประยุทธ์ รีบเอาตัวรอด เพื่อที่จะกดดันให้ พล.อ.ประวิตร ตัดสินอนาคตตัวเอง

แต่เพราะความแนบแน่นที่พี่น้อง 3 ป. มีต่อกันมายาวนาน ลึกซึ้ง จึงทำให้ไม่มีใครสามารถตอกลิ่มให้ขัดแย้ง แตกแยก ทะเลาะกันเองได้

พล.อ.ประยุทธ์ จึงติงฝ่ายการเมืองว่า อย่าสร้างวาทกรรม แล้วเอามาเป็นประเด็นทางการเมือง รวมทั้งต้องการให้กลไกในการตรวจสอบชัดเจนเสียก่อน

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ที่หลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์เรื่องนาฬิกามาตลอดกว่า 1 เดือน ก็ออกมาประกาศเลยว่า “ให้ ป.ป.ช. สอบ ถ้าผมผิดผมก็ออก”

อันหมายถึงว่าจะยังไม่ลาออก จนกว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ เพราะ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีว่าหาก พล.อ.ประวิตร ลาออกตอนนี้ หรือพักงาน จะไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา แต่ปัญหาจะตามมา เพราะจะกลายเป็นว่า ลาออก หรือพักงาน เพราะยอมรับว่าผิด

พล.อ.ประวิตร จึงยืนยันว่าจะทำงานต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้นอยด์หรือท้อแท้ แต่จิตใจยังเข้มแข็งทำงานต่อได้ ไม่เป็นอะไร และยืนยันว่าจะไม่แทรกแซงการทำงานของ ป.ป.ช.

พร้อมๆ กับการพูดชัดเจนต่อสังคมเป็นครั้งแรกว่านาฬิกาที่ใส่อยู่นั้น เป็นของ “เพื่อน” ที่เอามาให้ใส่ แต่ไม่ได้ให้ เมื่อใส่แล้วก็คืนไปหมดทุกเรือน

นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์

เพื่อนคนที่ พล.อ.ประวิตร อ้างถึงก็คือ “เสี่ยคราม” นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่รู้จักกันในนาม เจ้าสัวคอมลิ้งค์ ที่เป็นเพื่อนรักของ พล.อ.ประวิตร แบบที่เรียกว่าซี้ปึ้ก ผูกพันกันมาตั้งแต่เรียน ป.1 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และคบหาสนิทสนมกันมาตลอดกว่า 60 ปี

และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาพร้อมกับหม่อมอุ๋ย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ด้วย

กล่าวกันว่า นายปัฐวาท คนนี้ ก็กลายเป็นเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร ในทุกกลุ่ม รวมทั้งเมื่อไปเรียนเตรียมทหารรุ่น 6 และ จปร.17 และ วปอ. เรียกได้ว่า ไม่ว่าใครเป็นเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร ก็จะรู้จักสนิทสนมกับนายปัฐวาทไปด้วย

นายปัฐวาทจึงเป็นประหนึ่งสมาชิกเตรียมทหารรุ่น 6 และ จปร.17 ของ พล.อ.ประวิตร ไปด้วย จึงไม่มีลูกน้องหรือเพื่อน พล.อ.ประวิตร คนไหนที่ไม่รู้จักนายปัฐวาท คนนี้

ไม่แค่นั้น ครอบครัวสุขศรีวงศ์ และวงษ์สุวรรณ ก็สนิทสนมใกล้ชิดกันมายาวนาน

ทั้งนี้ เพราะรู้กันดีว่านายปัฐวาทเป็นเพื่อนรักที่คอยดูแล พล.อ.ประวิตร ในทุกๆ เรื่อง อาจเรียกได้ว่าเป็นสปอนเซอร์ส่วนตัว ที่ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร จะทำอะไร เขาก็จะมาช่วยสนับสนุน เช่น การให้ทุนการศึกษา การดูแลครอบครัว และกำลังพลในหน่วยของ พล.อ.ประวิตร มายาวนาน

ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตร และนายปัฐวาท ก็เป็นคนมีรสนิยมเหมือนกัน คือชอบเดินสายทำบุญ สร้างวัด สร้างโบสถ์ รวมทั้งไปทอดกฐินด้วยกัน จึงไม่แปลกที่ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร ไปทำบุญที่ไหน ก็จะมียอดทำบุญหลายล้านบาท

ที่สำคัญคือ นายปัฐวาทเป็นเพื่อนรักที่เป็นศิษย์เอกของ อาจารย์วารินทร์ บังวิรัตน์เลิศ หรือโหร คมช. ด้วยกัน

ที่พิสูจน์ใจและทำให้ความเป็นเพี่อนแนบแน่นตั้งแต่สมัยเรียน เพราะ พล.อ.ประวิตร แม้จะตัวเล็กแต่ก็ใจนักเลง ออกแนวช่วยเหลือปกป้องเพื่อน อีกทั้งบิดาเป็นนายทหาร ก็จะช่วยดูแลเพื่อนไม่ให้ใครมารังแก

แต่ที่ทำให้พิสูจน์ใจกันยิ่งขึ้น ก็เมื่อนายปัฐวาทมีปัญหาเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่เกือบจะเดินไม่ได้ พล.อ.ประวิตร ก็ช่วยพาไปหาหมอเก่งๆ ในทุกๆ ด้านด้วยตนเอง จนอาการดีขึ้น

เรียกได้ว่าเจ้าสัวปัฐวาทนั้นมีฐานะมาตั้งแต่เดิม และมีธุรกิจที่มั่นคง ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร จะเป็นใหญ่ในกองทัพด้วยซ้ำ

นายปัฐวาทกลายเป็นขาประจำบ้าน ร.1 รอ. ของ พล.อ.ประวิตร ทุกเที่ยงวัน หาก พล.อ.ประวิตร เข้ามาทานข้าวกลางวันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ใน ร.1 รอ.แห่งนี้ นายปัฐวาทก็จะเข้ามาทานข้าวเที่ยงด้วยทุกวัน

นี่เอง จึงเป็นที่มาของ “เซนต์คาเบรียลคอนเน็กชั่น” และนายปัฐวาทก็ถูกมองว่าเป็นกลุ่มทุนสายบูรพาพยัคฆ์ ซึ่งเป็นหน่วยที่ พล.อ.ประวิตร เติบโตมา

เจ้าสัวปัฐวาทก็เป็นที่รักเคารพของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตรด้วย จนเรียกกันขำๆ วงในในระยะหลังๆ ว่า ไม่ได้มีแค่ “3 ป.” ป้อม-ป๊อก-ประวิตร” เท่านั้น แต่มี “ป.ปัฐวาท” อีกคน รวมเป็น 4 ป.

แต่ทว่า นายปัฐวาทก็มาเสียชีวิตเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา ที่ พล.อ.ประวิตร เสียใจมาก และไปร่วมงานศพเกือบทุกวัน ที่วัดโสมนัสฯ ซึ่งทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ก็ไปร่วมงานด้วยหลายวัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในวันพระราชทานเพลิงศพ

ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร จะต้องเผชิญกับวิกฤตนาฬิกาหรูเมื่อ 4 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา แต่ พล.อ.ประวิตรก็จำเป็นต้องชี้แจง ป.ป.ช. ไปตามความจริง

จนทำให้เกิดวลีที่ว่า “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน”

“ผมมีเพื่อน เพื่อนผมเอานาฬิกามาให้ผมใส่ตลอด เอามาให้ใส่ ไม่ได้เอามาให้ หรือซื้อมาฝาก เพราะใส่แล้ว ผมก็คืนไปทุกเรือน” พล.อ.ประวิตร ยอมรับเป็นครั้งแรก ว่าเป็นนาฬิกาเพื่อน หลังจากที่เป็นข่าวเม้าธ์มานาน

บรรดานายทหารเพื่อน ตท.6 และคนรอบข้าง พล.อ.ประวิตร จะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของ พล.อ.ประวิตร กับนายปัฐวาท ว่าไม่ได้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ เพราะธุรกิจของเขามั่นคง ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร จะมีอำนาจในกองทัพด้วยซ้ำ

แต่เป็นธรรมดา ที่นักธุรกิจเมื่อเพื่อนเป็นนายทหารอนาคตไกล และเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ จึงยิ่งคบหา ดูแล พล.อ.ประวิตร มายาวนาน

นั่นจึงทำให้เขาชอบนำนาฬิกามาให้ พล.อ.ประวิตร ใส่ โดยไม่ได้พูดว่าเอามาให้หรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ใส่มาตลอด บางเรือนชอบก็ใส่นานเป็นปี แต่ถ้าเรือนไหนไม่ชอบ ก็จะคืนไป แล้วเอาเรือนใหม่มาใส่ วนเปลี่ยนไปอย่างนี้

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ชี้แจงในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ว่าเป็นนาฬิกาของตนเอง เพราะเป็นเพื่อน เพื่อนรักคนนี้นี่เอง

แต่แน่นอนว่า สังคมย่อมเกิดคำถามมากมายที่ไม่อาจหาคำตอบได้ และไม่อาจจะเข้าใจความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ลึกซึ้งยาวนานนี้ ของ พล.อ.ประวิตร และเจ้าสัวปัฐวาทคนนี้

หลังเกิดปัญหาเรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร ก็นำนาฬิกาเรือนที่ค้างอยู่ไปคืนให้ครอบครัวสุขศรีวงศ์ และลูกสาว 2 คนของนายปัฐวาท พร้อมชี้แจง ป.ป.ช. พร้อมด้วยหลักฐานต่างๆ

ที่ต้องรอดูว่าหลังจากที่ ป.ป.ช.สอบสวนเพิ่มเติมกับ .บุคคลที่ พล.อ.ประวิตร พาดพิงแล้ว สรุปผลออกมาจะเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่

ท่ามกลางความไม่คาดหวังของสังคม ว่า ป.ป.ช. จะทำอะไร พล.อ.ประวิตร ได้ โดยเฉพาะสายสัมพันธ์ของ พล.อ.ประวิตรกับคณะกรรมการใน ป.ป.ช.

“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไปแทรกแซง ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช. เป็นองค์กรที่มีขั้นตอน ที่บุคคลที่ไม่มีใครไปแทรกแซงอะไรได้” พล.อ.ประวิตร ยืนยัน เพื่อปฏิเสธข้อเสนอที่ให้พักงานเพื่อเปิดทางให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องนาฬิกาได้อย่างเต็มที่

แน่นอนว่า ป.ป.ช. จึงต้องถูกกดดันอย่างหนัก ให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างช่วยเหลือ

ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเดิมพันความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. เท่านั้น แต่เดิมพันเก้าอี้ พล.อ.ประวิตร และอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ เลยทีเดียว

เพราะพี่ป้อมและน้องตู่นั้น ยากที่จะแยกออกจากกัน พี่เป็นอะไรย่อมสะเทือนถึงน้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การเมืองจึงยิ่งร้อนระอุ อย่างน่าจับตามองยิ่ง…