‘หมอเหรียญทอง’ หนึ่งในทีมศก.รทสช.  โชว์วิชั่นพัฒนาเศรษฐกิจด้วยการสาธารณสุข ท้า ‘ถ้าคิดว่าผมเป็นไอ้ขี้โม้ ลองเลือก รทสช.ซิครับ’

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา หนึ่งในทีมเศรษฐกิจ พรรครวมไทยสร้าง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า การสร้างรายได้เข้าประเทศด้วยการบริการสาธารณสุขที่กำหนดเป้าหมายให้ไทยเป็น ‘เมดิคัลฮับ (Medical Hub)’ นั้น ไม่ได้หมายความเพียงแค่การดำเนินการโดย ‘เอเจนซี่เอกชน’ เพื่อนำผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษากับ รพ.เอกชนในไทยเท่านั้น แต่แนวความคิดของผมที่จะเสนอต่อ รทสช. คือ

1.กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำงานเชิงรุกด้วยการเดินสายทำการตลาดต่างประเทศเองด้วย ทั้งนี้เพื่อแสวงหาลูกค้าจากต่างชาติอีกช่องทางหนึ่งด้วย

พูดง่ายว่ากระทรวงสาธารณสุขจะมีบทบาทหน้าที่ในการทำการตลาดบริการสุขภาพในเชิงพาณิชย์เพื่อให้มีรายได้เข้าประเทศ รายได้เข้าประเทศจากการตลาดโดยกระทรวงสาธารณสุขนี้ ครึ่งหนึ่ง (50%) จะสมทบให้ ‘กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า(บัตรทอง)’ อีกครึ่งหนึ่ง (50%) จะสมทบเข้างบประมาณแผ่นดินเพื่อการบริหาราชการแผ่นดินโดยรวม

2. การสร้างแพ็กเก็จเหมาจ่ายโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการรักษาโรคต่างๆ สำหรับชาวต่างชาติ , การสร้างระบบหลักประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายประชาคมคาบสมุทรสุวรรณภูมิ (ลาว-กัมพูชา-พม่า) จะเป็นผลิตภัณฑ์บริการสุขภาพแบบราคาถูก แต่ราคาสูงกว่าอัตราที่ สปสช.จ่ายให้แก่ รพ.คู่สัญญา ในการรักษาผู้ป่วยบัตรทอง จะสามารถจูงใจให้มี รพ.เอกชน เข้าร่วมเป็นคู่สัญญาในระบบบัตรทองมากขึ้น สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลน รพ.ในระบบบัตรทอง อีกทั้งรายได้จากต่างชาตินี้จะสามารถเพิ่มงบประมาณอัตรารักษาพยาบาลเฉลี่ยต่อรายให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองของไทยได้

แนวความคิดของผมนอกจากจะต้อง “ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน” แล้วยังจะต้อง “หารายได้จากต่างชาติ” เข้ามาด้วย

อาจจะดูเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน นะครับ แต่อย่าลืม ผมไม่ใช่เป็นแค่อดีตทหารหมอ แต่ผมเป็นนักธุรกิจที่เป็นผู้บริหาร รพ.เอกชนด้วย ผมจึงมีความรู้ ประสบการณ์ และทักษะทางธุรกิจในการหาเงินด้วยนะครับ

หากคิดว่าผมเป็นไอ้ขี้โม้ ก็ต้องลองเลือก รทสช.ซิครับ จะได้รู้ว่าของจริง

เลือกลุงตู่ เลือก รทสช. ทั้ง 2 ใบครับ
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
คณะทำงาน รทสช.
24 มี.ค.66 เวลา 9.09 น.

ปัจจุบันพลตรี นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา เป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ และเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีหน้าที่ให้ความเห็นทางวิชาการ เสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

มีบทบาททางการเมืองเข้าร่วมกลุ่มกปปส. เมื่อปี 2556 ในการปิดกรุงเทพ เป็นข่าวดังหลายครั้งจากการแสดงจุดยืนทางการเมือง ประกาศจุดยืนเป็นผู้นิยมสถาบัน และพร้อมชนและจัดการกับผู้ที่คิดต่าง ล่าสุดมีข่าวเตรียมวางมือทางการเมือง เตรียมย้ายไปใช้ชีวิตหลังเกษียณที่ออสเตรเลีย แต่ก็ถุกต่อต้านอย่างหนัก จากนักวิชาการต่างประเทศ ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดคือมาเปิดตัวเป็นทีมงานพรรครวมไทยสร้างชาติ