ปฏิบัติการ ‘ลับ’ อาฮุย จับมือ ลิ่มเซียนยี้ ปลุก บ๊วยฮวยเต๋า

บทความพิเศษ

 

ปฏิบัติการ ‘ลับ’

อาฮุย จับมือ ลิ่มเซียนยี้

ปลุก บ๊วยฮวยเต๋า

 

ปฏิบัติการของ 2 ปู่หลาน ไม่เพียงแต่ไล่เรียงลำดับการปรากฏขึ้นของ “บ๊วยฮวยเต๋า” และสถานการณ์ ณ ตึกเมฆเรืองโรจน์

อันเป็น “ปัจจัยกำหนดชะตากรรม” ของ “ลี้คิมฮวง”

หากยังได้รายงานและวิเคราะห์สถานการณ์ “ล่าสุด” ที่ลี้คิมฮวงและวัดเสียวลิ้มยี่ประสบร่วมกันอย่างยากที่จะหา “หนทาง” ออกได้อย่างง่ายดาย

“วัดเสียวลิ้มยี่แม้มีศิษย์ 800 กว่ารูป แต่จะมีผู้ใดกล้าชิงลงมือก่อน”

“มีผู้ใดกล้าไปรับมีดแรกของลี้ถ้ำฮวย เพราะมีดสั้นเทพยดาของเซี่ยวลี้มิเคยผิดเป้ามาเลย ศิษย์เสียวลิ้มยี่แม้ไม่มีปัญญาทำอันตรายท่าน แต่ท่านก็ไม่มีปัญญาทะลวงออกจากวงล้อมศิษย์เสียวลิ้มยี่ได้”

ทางออกที่ซุนเล่าซิงแซเสนอพร้อมกับทอดตามองอาฮุยย่อมเป็น

“หากบ๊วยฮวยเต๋าตัวจริงยังไม่ตายและพลันปรากฏตัวอีกครั้ง ย่อมยืนยันได้ว่าลี้คิมฮวงมิใช่บ๊วยฮวยเต๋า หากลี้คิมฮวงไม่ใช่บ๊วยฮวยเต๋าก็ย่อมไม่มีเหตุผลไปประทุษร้ายหมายชีวิตซิมไบ๊ไต้ซือแล้ว”

นี่ย่อมเป็น “ข้อเสนอ” นี่ย่อมเป็น “โจทย์” ที่ก้องขึ้นมาอย่างมีเป้าหมายแจ่มชัดว่าพุ่งตรงไปยังอาฮุย

 

เมื่อออกจากโรงแรมอันเป็นสถานที่ “เล่านิทาน” ด้านหนึ่ง จำเป็นต้องไป “เพราะจะอย่างไร แม้นั่งอยู่ในที่นี้อีกทั้งชาติก็ไม่มีทาง”

นั่นก็คือ ไม่มีหนทางช่วย “ลี้คิมฮวง” ได้

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง โกวเนี้ยเปียยาวเมื่อเดินถึงปากประตู ก็เหลียวมองอาฮุยแวบหนึ่งคล้ายดังจะว่า

“หากท่านนั่งจับเจ่าในที่นี้ตลอดไปไหนเลยจะช่วยมันได้”

สภาพของอาฮุยกับลิ่มเซียนยี้จึงมีทั้งที่เห็นร่วมและมีความขัดแย้งลึกๆ ดำรงอยู่ในท่ามกลางความเงียบ

ลิ่มเซียนยี้ใช้ 2 ตาส่งปู่หลานออกพ้นประตูห้อง

จึงค่อยแค่นหัวร่ออย่างเย็นชา กล่าวว่า “ท่านเห็นว่า หนึ่งชรา หนึ่งเยาว์วัย คู่นี้มีความเป็นมาอย่างไร”

“ความเป็นมาอันใด” เป็นการถามอย่างเลื่อนลอยจากอาฮุย

สะท้อนให้เห็นว่า อาฮุยตกอยู่ในห้วงแห่งความนึกคิดอันมากด้วยความสับสน ขณะที่ลิ่มเซียนยี้ดำเนินไปอย่างวิเคราะห์ จำแนก

พร้อมกับ “คำถาม” ตามมามากมาย

 

เฒ่าชราสายตากระจ่างเจิดจ้า แสดงว่ามีกำลังภายในไม่ต่ำทราม โกวเนี้ยน้อยนั้นมีฝีเท้าคล่องแคล่ว ความเคลื่อนไหวปราดเปรียว

วิชาตัวเบาก็ไม่อ่อนด้อยไปกว่าข้าพเจ้า

ในความเห็นของข้าพเจ้า คนทั้งสองนี้ต้องมิใช่นักเล่านิทานร่อนเร่ หากแต่มีจุดมุ่งหมายเคลือบแฝง

มันจงใจเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง ไม่แน่ว่าต้องการให้ท่านไปหาที่ตาย

ท่านเมื่อทราบว่าลี้ชิ้มฮัวถูกกักอยู่ที่เสียวลิ้มยี่ย่อมต้องรุดไปช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงทุกสิ่ง

แต่ท่านลำพังคนเดียวไหนเลยรับมือศิษย์เสียวลิ้มยี่ทั้ง 800 รูปได้

อย่าว่าแต่ที่พวกมันกล่าวอาจเป็นความเท็จทั้งสิ้น จุดประสงค์เพื่อล่อลวงให้ท่านหลงกล ต่อให้ที่พวกมันกล่าวไม่แปลกปลอมตอนนี้ลี้ชิ้มฮัวก็ไม่มีอันตรายใด

หากท่านรุดไปกลับแบ่งแยกสมาธิ

หากศิษย์เสียวลิ้มยี่ใช้ท่านเป็นเครื่องข่มขู่เขาก็ต้องช่วยเหลือท่านโดยไม่คำนึงถึงทุกสิ่ง อย่างนั้นท่านมิเพียงไม่อาจช่วยเหลือ

ตรงกันข้าม ยังรุดไปทำร้าย

 

ระหว่างลิ่มเซียนยี้กับอาฮุยไม่เพียงแต่กระบวนการวิเคราะห์จะมีความแตกต่างหากแต่อากัปกิริยาก็แตกต่าง

ท่ามกลางการวิเคราะห์ของลิ่มเซียนยี้ อาฮุยพูดน้อยอย่างยิ่ง

เมื่อลิ่มเซียนยี้จำแนกแจกแจงออกมาเป็นฉากๆ อาฮุยอึ้งอยู่เนิ่นนานจึงถอนใจยาวกล่าว “ท่านใคร่ครวญได้รอบคอบกว่าข้าพเจ้ามาก”

ถามจากลิ่มเซียนยี้คือ “ท่านรับปากข้าพเจ้าไม่ไปเสี่ยงอันตรายที่เสียวลิ้มยี่เป็นอันขาด”

คำตอบของมันคือ “ตกลง” คำตอบของอาฮุยถึงกับรับปากรวดเร็วปานนี้ ลิ่มเซียนยี้กลับมีความสงสัยขึ้นบ้างแล้ว

แต่ละการแสดงออกของอาฮุยชวนให้สงสัยอย่างยิ่ง

เริ่มจากเมื่อทั้งสองเดินกลับไปห้องพักอย่างเงียบงัน ในใจของทั้งสองต่างมีเรื่องราวหนักอึ้ง ลิ่มเซียนยี้เพิ่งเทน้ำชาคิดจะส่งให้

อาฮุยพลันกล่าว “ในเมื่อข้าพเจ้าไม่ไปเสียวลิ้มยี่แล้วท่านยังคงกลับไปเถิด”

ต่อคำถามของลิ่มเซียนยี้ที่ว่า “ท่านเล่า” คำตอบจากอาฮุยคือ “ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดจะไปเที่ยวที่แห่งอื่น”

ได้ยินดังนั้นมือลิ่มเซียนยี้สั่นระริก

สั่นระริกจนน้ำชากระฉอกใส่ร่าง ร้องโพล่งขึ้น “หรือท่านคิดจะไปแอบอ้างเป็นตัวบ๊วยฮวยเต๋า”

“ใช่” เป็นคำตอบอันเด็ดเดี่ยวจากอาฮุย

 

ระหว่างอาฮุยกับลิ่มเซียนยี้มีความแตกต่างอย่างเด่นชัด เป็นความแตกต่างที่แม้อาฮุยจะได้ชื่อว่าเป็นมือกระบี่ที่รวดเร็วและสร้างความตื่นตะลึง

แต่ในเรื่องของการพูด ในเรื่องของการวางแผนไหนเลยจะสู้ลิ่มเซียนยี้ได้

พิจารณาได้จากการโต้ตอบ เมื่ออาฮุยยืนยันว่า “นี่เป็นเรื่องของข้าพเจ้า” คำตอบจากนางก็คือ “เรื่องของท่านเท่ากับเป็นเรื่องของข้าพเจ้า”

“แต่ลี้ชิ้มฮัวมิใช่สหายของท่าน” เป็นเสียงแย้งจากอาฮุย

“สหายของท่านเท่ากับเป็นสหายของข้าพเจ้า” คำยืนกรานนี้ของลิ่มเซียนยี้ ทำให้สีหน้าของอาฮุยปรากฏแววพลุ่งพล่านตื้นตัน

แต่ไม่อาจกล่าววาจาใดได้ เป็นลิ่มเซียนยี้ที่กล่าว

“ท่านเมื่อมีคุณธรรมน้ำมิตรต่อสหายถึงเพียงนี้ข้าพเจ้าไฉนไม่สามารถ ข้าพเจ้าแม้ไม่มีประโยชน์อันใดแต่ผู้คน 2 คนร่วมทางกัน เมื่อเผชิญเรื่องราวอย่างน้อยต้องหารือกันได้ย่อมดีกว่าลำพังคนเดียว”

จากนั้นแผนก็ออกจากสมองอันแหลมคมของนาง

“หากท่านคิดแอบอ้างปลอมเป็นโจรดอกเหมย ต้องเสาะหาเป้าหมายสำหรับลงมือก่อนสักหลายคน”

ปฏิบัติการ “ปลอม” เป็น “โจรดอกเหมย” จึงได้เริ่มขึ้น

 

เป้าหมายแรกที่เสนอขึ้นมาโดยลิ่มเซียนยี้เป็นเตียเซ่งคี้ “คนผู้นี้เมื่อกาลก่อนเป็นมหาโจรร้าย พออายุ 50 จึงล้างมือถอนตัว แต่ยังลอบกระทำเรื่องไม่เปิดเผยอยู่บ่อยครั้ง”

เตียเซ่งคี้ ย่อมเป็นนามเดิมของมัน

“ตอนนี้ผู้คนทั้งหลายเรียกมันเป็นเตียอ้วนวัว (ขุนนางบำนาญแซ่เตีย) เตียตั้วเซี่ยงยิ้น (คนใจบุญที่สุดไปแล้ว)

มันปล้นเงินมา 10 หมื่นตำลึง ใช้ 100 ตำลึงไปสร้างสะพานสร้างทาง

กลางคืนฆ่าคนไป 100 กลางวันกลับบริจาคยา บริจาคข้าว หากมหาโจรคิดจะเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ ย่อมง่ายดายกว่าคนธรรมดามากนัก”

อาฮุยพร้อมอย่างยิ่งที่จะลงมือ

เป็นการลงมือโดยไม่ได้บังเกิด “ความเฉลียว” แม้แต่น้อยว่า เหตุปัจจัยอะไรลิ่มเซียนยี้จะอุดมไปด้วย “ข้อมูล” ระดับนี้

เมื่อเป็นการลงมือของอาฮุยทุกอย่างจึงรวบรัดและรวดเร็ว

 

เตียเซ่งคี้เอนกายอยู่บนเก้าอี้นอนตัวใหญ่ เหม่อมองเปลวไฟที่โชติช่วงในกระถางเบื้องหน้า หิมะด้านนอกโปรยปรายลงอีกแล้วแต่ในห้องอบอุ่นดุจชุนเทียน

จุ้ยเซียนในกระถางมุมห้องกำลังเบ่งบาน แมวลายอวบอ้วนนอนอยู่ข้างกระถาง

เพียงพริ้มตาหมายหลับพักผ่อน พลันได้ยินเสียงร้อง เสียงเพล้งดังตามมา เตียเซ่งคี้ในยามตื่นตระหนก รีบลืมตามอง

คนชุดดำผู้หนึ่งปรากฏเบื้องหน้าดุจดังวิญญาณร้าย มิว่าผู้ใดไม่ทราบมันมาจากที่ใด

เตียเซ่งคี้แม้ล้างมือถอนตัวนานปี แต่มิได้ทอดทิ้งวิชาฝีมือ ตวาดออกด้วยเสียงกราดเกรี้ยว ในเสียงตวาดคว้าแจกันข้างเตียงฟาดใส่ศีรษะคนชุดดำ

ขณะเวลานั้นพลันมีประกายแวววับพุ่งวาบขึ้นวูบหนึ่ง

เตียเซ่งคี้ดูไม่ออกว่าฝ่ายตรงข้ามลงมือเยี่ยงไร กระทั่งยังไม่ทันเห็นอาวุธในมือของฝ่ายตรงข้ามเป็นเยี่ยงไร

เพียงรู้สึกเย็นวาบขึ้นที่ทรวงอก ปรากฏโลหิตซึมออกมา 5 จุด

“บ๊วยฮวยเต๋า” “โจรดอกเหมย” ปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว

 

การปรากฏตัวขึ้นของโจรดอกเหมยในเบื้องต้นบรรยายกันว่า ในร้านน้ำชา เหลาสุรา มีคนมากหลายที่ลอบซุบซิบด้วยความหวาดกลัว

หรือที่ฆ่าเตียเซ่งคี้เป็นบ๊วยฮวยเต๋าตัวจริง

เป้ารายต่อไปของมันคือผู้ใด สถานการณ์เยี่ยงนี้คนที่มีเงิน เปี่ยมด้วยอำนาจ ย่อมนอนไม่หลับและอยู่ไม่เป็นสุข

เสียงซุบซิบนี้ดังกระหึ่มจนถึงวัดเสียวลิ้มยี่