ประชานิยมของเผด็จการทหารจำแลง | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองซึ่งด่าคุณทักษิณ ชินวัตร และคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากที่สุดในรอบเกือบยี่สิบปี และต่อให้นับสื่อที่ปลุกระดมให้ทหารยึดอำนาจปี 2549 อย่าง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ว่าเป็นนักการเมืองในคราบสื่อ ระยะเวลาที่คุณสนธิด่าคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ก็เทียบไม่ได้กับคุณประยุทธ์เลย

แน่นอนว่าคุณประยุทธ์ไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ที่มีค่าจนควรเปลืองสมองจดจำ แต่ 9 ปีที่คุณประยุทธ์มีในอำนาจคือ 9 ปีที่วิสัยทัศน์ย่ำแย่ กลายเป็นนโยบายที่ทำประเทศเสียหายเยอะไปหมด ความย่ำแย่จึงเป็นเรื่องที่อยากลืมกลับจำ ลบจากสมองไม่ได้ มองไปที่ไหนก็เห็นเต็มตา ต่อให้ไม่อยากจำเลยก็ตาม

ป่วยการที่จะสรุปว่าอะไรคือต้นเหตุที่ทำให้คุณประยุทธ์วิสัยทัศน์ย่ำแย่อย่างที่รู้กัน แต่ที่พูดได้แน่ๆ ก็คือคุณประยุทธ์เก็บความคิดแย่ๆ จากสื่อและนักวิชาการแย่ๆ ที่ปลุกระดมให้ประเทศไทยตกอยู่ในวังวนการรัฐประหาร, ล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง และข่มเหงประชาชนด้วยวิธีต่างๆ จนปัจจุบัน

 

จริงอยู่ว่าแต่ละคนนึกถึงความโหลยโท่ยของคุณประยุทธ์ไม่เหมือนกัน แต่หากพินิจพิเคราะห์ให้ดี ความคิดและคำพูดที่คุณประยุทธ์หลุดออกมาล้วนพบได้ในโทรทัศน์บางช่อง, หนังสือพิมพ์บางฉบับ, นักวิชาการกำมะลอบางคน, ส.ส.สอบตกซ้ำซาก หรือ ส.ว.ที่ได้ดีเพราะชเลียร์เผด็จการ

ด้วยน้ำมือของคุณประยุทธ์ ประเทศไทยเลี้ยวขวาหลุดโลกถึงขั้นเอาผิดคดี 112 กับเด็กอายุ 13 แต่ต่อให้มีหรือไม่มีคุณประยุทธ์ ความเปลี่ยนแปลงนี้มีโอกาสเกิดในสังคมไทยอยู่แล้ว เพียงแต่คุณประยุทธ์ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดโดยไร้ความอาย

เป็นเวลานานแล้วที่รัฐบาลและชนชั้นนำในประเทศไทยไม่ยอมรับว่า “ชนชั้น” และ “การแบ่งแยกชนชั้น” มีอยู่จริงในสังคมไทย

แต่ถึงที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงประเทศสู่ระบอบขวาจัดเป็นผลผลิตของความคิดและความเชื่อที่ไหลวนอยู่ใน “ชนชั้นนำ” ซึ่งมีแกนกลางอยู่ที่ชนชั้นสูงในสังคม

“ชนชั้นนำ” และ “ชนชั้นสูง” หมายถึงใครและคนกลุ่มไหนแบบชัดๆ คงเป็นเรื่องที่ต้องเถียงกันอีกยาว

ตัวอย่างเช่น “เจ้าสัว” กับ “เสี่ย” จะถือเป็น “ชนชั้นสูง” หรือ “ชนชั้นนำ” แต่ที่ไม่มีอะไรให้เถียงคือการปกครองแบบชนชั้นสูงมีหัวใจอยู่ที่การทำให้ประเทศเป็นเหมือนมรดกประจำตระกูล

คนแต่ละกลุ่มสรุปว่าคุณประยุทธ์ทำประเทศเสียหายตรงไหนไม่เหมือนกัน คนบ่นเรื่องรายได้ต่ำก็มี คนบ่นเรื่องกำไรในพอร์ตไม่เพิ่มก็มาก, บางคนบ่นความไม่เป็นประชาธิปไตย, บางคนบ่นรัฐมนตรีห่วย ฯลฯ

แต่โดยภาพรวมแกนกลางของความห่วยคือการปกครองประเทศโดยไม่ฟังใครเลย

 

เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าใจผิดว่าคุณประยุทธ์ไม่ฟังใครแค่เรื่องการเมืองหรือการปกครอง ต้องระบุด้วยว่าคุณประยุทธ์ไม่ฟังทุกคนและทุกสิ่งตามทุกเรื่องที่ชนชั้นสูงไม่ฟังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ, ศาสนา, วัฒนธรรม, การเมือง, การทหาร, ทรงผม, ระบบการศึกษา หรือแม้แต่จารีตประเพณี

9 ปีของคุณประยุทธ์คือ 9 ปีที่รัฐบาลออกนโยบายซึ่งหลายเรื่องเหมือนคิดตอนดื่มน้ำกระท่อมพร้อมพี้กัญชา บางนโยบายเลอะจนต้องเลิกก่อนมีผลบังคับใช้ บางนโยบายออกแล้วต้องปรับรายละเอียดภายหลัง บางนโยบายใช้แล้ววุ่นไปหมด และบางนโยบายอาจทำให้คุณประยุทธ์ติดคุกหากถูกคดี

ประชานิยมคือนโยบายที่คุณประยุทธ์ด่าคุณทักษิณ, คุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยมากที่สุดตั้งแต่ยึดอำนาจปี 2557 แบบเดียวกับที่คุณสนธิ, TDRI และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ สลับกันด่ามายี่สิบปี

พูดง่ายๆ คือคนเหล่านี้อ้างว่านักการเมืองและพรรคการเมืองชนะเลือกตั้งเพราะนโยบายแจกเงินสร้างคะแนนนิยม

ด้วยความที่ชนชั้นสูงดูถูกประชาชนว่าโง่, ไร้การศึกษา และคิดไม่เป็น ชนชั้นสูงไทยจึงคิดต่อไปว่าชาวบ้านเลือกใครเป็นรัฐบาลเพียงเพราะขายเสียงหรือได้รับเงินแจก ผลก็คือคนกลุ่มนี้เข้าใจไปเองว่าคุณทักษิณ, คุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเพราะซื้อเสียงหรือแจกเงินคนจน

อย่างไรก็ดี เพี่อไทยหรือพรรคอื่นในเครือไทยรักไทยไม่เคยทำนโยบายแจกเงิน นโยบายที่ถูกโจมตีว่าเป็นประชานิยมอย่างบัตรทอง, กองทุนหมู่บ้าน, รถเมล์ฟรี, บ้านเอื้ออาทร, แท็กซี่เอื้ออาทร, รถไฟฟรี ฯลฯ ล้วนเป็นนโยบายลดรายจ่ายเพื่อให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้นโดยเปรียบเทียบเท่านั้นเอง

นอกเหนือจากนโยบายประเภทรถเมล์ฟรีและรถไฟฟรีซึ่งเป็นสวัสดิการเพื่อประชาชน นโยบายของเพื่อไทยที่มักถูกกล่าวหาว่า “แจกเงิน” คือนโยบายที่มุ่งทำให้ประชาชนเข้าถึง “โอกาส” และปัจจัย 4 ซึ่งเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์

โดยแทบไม่มีนโยบายไหนเอาเงินยัดใส่มือประชาชนฟรีๆ

 

ไม่ว่าจะเพราะความเขลาจากอวิชชาของชนชั้นสูงหรือความต้องการซื้อประชาชน คุณประยุทธ์ทำนโยบายที่เอาเงินภาษีไปแจกประชาชนเยอะไปหมด บัตรคนจนคือนโยบายแจกเงินแน่ๆ เหมือนกับเบี้ยคนชรา, การเพิ่มเบี้ยเลี้ยง อสม.เป็นเดือนละ 2,000 หรือเพิ่มเงินเดือน อบต.ก่อนเลือกตั้งไม่กี่เดือน

ด้วยวิธีแจกเงินแบบที่คุณประยุทธ์ทำ คนไทยไม่ได้อะไรในแง่ “โอกาส” เช่นเดียวกับคนจนไม่ได้อะไรในแง่การเข้าถึงปัจจัย 4 นอกเหนือจากได้ตัวเงินวันละ 20 บาท ซึ่งเท่ากับได้ค่าข้าวเพียงมื้อละ 6.50 บาท ซึ่งต่ำกว่าค่าครองชีพในชีวิตจริงมากจนแทบไม่มีใครได้อะไรจริงๆ เลย

เมื่อรัฐบาลเพื่อไทยทำนโยบายประเภทบัตรทอง, รถคันแรก, กองทุนหมู่บ้าน หรือบ้านเอื้ออาทร สิ่งที่คนไทยได้รับคือโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตจากรายจ่ายที่ลดลงหรือปัจจัย 4 ที่เพิ่มขึ้น

แต่โอกาสนี้ไม่ใช่ของฟรี และทั้งหมดนี้ประชาชนเป็นผู้จ่ายระดับใดระดับหนึ่งโดยรัฐออกบางส่วนเท่านั้นเอง

นโยบายแบบนี้ทำให้ประชาชนจำคุณทักษิณกับพรรคเพื่อไทย แต่ทุกนาทีที่ประชาชนจ่ายค่าบ้านค่ารถด้วยตัวเองก็คือทุกเดือนที่ประชาชนตระหนักว่าเขาคือผู้รับผิดชอบชีวิตตัวเองทั้งหมด

คุณทักษิณและพรรคจึงไม่ใช่ผู้มีพระคุณต่อประชาชน แต่คือคนออกนโยบายตามความต้องการของประชาชน

นโยบายแจกเงินคนจนยุคคุณประยุทธ์ทำกับประชาชนต่างกัน นั่นคือให้ประชาชนลงทะเบียนเป็นคนจนตามเกณฑ์รัฐบาล จากนั้นกลับไปนอนอยู่บ้านแล้วรอเงินโอนเข้าบัญชีทุกเดือน

ผลคือทุกคนถูกปั่นหัวว่าเงินที่ได้คือบุญคุณจากคุณประยุทธ์จนต้องเลือกคุณประยุทธ์กลับไปเป็นรัฐบาล

คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยทำนโยบายซึ่งเป็นที่นิยมของประชาชน แต่เหตุที่ประชาชนนิยมเพราะนโยบายเหล่านั้นหมายถึงโอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้น

ยิ่งกว่านั้นก็คือนโยบายแบบนี้มาจากการเลือกของประชาชนเอง การได้โอกาสที่ดีในชีวิตจึงมาจากอำนาจต่อรองในชีวิตของประชาชนเอง

 

น่าสังเกตว่าขณะที่คุณประยุทธ์, “ชนชั้นนำ” และ “ชนชั้นสูง” ด่านโยบายสวัสดิการของคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยว่าเป็น “ประชานิยม” จนควรถูกทหารยึดอำนาจ คนเหล่านี้กลับหุบปากเงียบกับการแจกเงินของคุณประยุทธ์ที่เป็นประชานิยมซึ่งเห็นได้ว่าใช้เงินภาษีสร้างคะแนนเสียงให้ตัวเอง

มองในแง่นี้ การโจมตีคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยเป็น “ประชานิยม” คือวาทกรรมซึ่งชนชั้นสูงใช้เป็นข้ออ้างรัฐประหารเพื่อสกัดไม่ให้สำนึกในอำนาจของประชาชนขยายตัว

ขณะที่การเพิกเฉยต่อการแจกเงินของคุณประยุทธ์คือหลักฐานว่าการใช้เงินภาษีหาเสียงทำได้ หากคนทำเป็นพวกเดียวกัน

 

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่ปี 2566 โดยผู้มีอำนาจที่ต้องการใช้หีบเลือกตั้งคุมประชาชน เป้าหมายของคนกลุ่มนี้คือทำทุกทางให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน หรือไม่อย่างนั้นก็คือเปลี่ยนนายกฯ ใหม่เป็นใครก็ได้ที่จะควบคุมประชาชนได้ดีที่สุดเท่านั้นเอง

ไม่น่าแปลกใจที่ ส.ว.บางกลุ่มส่งสัญญาณหนุนคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ แทนคุณประยุทธ์ เพราะหากคุณประยุทธ์ชะตาขาดทางการเมือง คุณประวิตรคือทางเลือกที่ดีที่สุดในการควบคุมประชาชนให้สยบยอมอำนาจของชนชั้นสูงต่อไปได้ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยหรือแม้แต่พรรคภูมิใจไทย

ตรงข้ามกับนิทานเรื่องเล่าซึ่งคุณประวิตรฟอกขาวว่าตัวเองเข้าใจความสำคัญของประชาธิปไตย คุณประวิตรคือตัวละครในฉากใหญ่เรื่องการยึดครองประเทศแทนคุณประยุทธ์

ประเทศไทยภายใต้คุณประวิตรจึงเป็นเพียงการเปลี่ยนตัวแสดงเก่ามาสู่ตัวแสดงใหม่เพื่อจรรโลงระบอบเดิมต่อไป