‘การเมืองดี’ แบบ ‘ก้าวไกล’ ทำแบรนด์ขายยาก …แต่อยากให้ขายได้

ประกิต กอบกิจวัฒนา

‘การเมืองดี’ แบบ ‘ก้าวไกล’ ทำแบรนด์ขายยาก …แต่อยากให้ขายได้

 

“การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” คือสโลแกนที่พรรคก้าวไกลใช้ในการรณรงค์หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ในฐานะคนที่มีประสบการณ์กับการทำแบรนด์ให้กับการเลือกตั้ง อยากชวนคุณมาช่วยกันวิเคราะห์กันว่า สโลแกนนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลได้มีโอกาสได้รับชัยชนะ มีโอกาสเป็นรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ให้เป็นจริงได้อย่างไร

เนื่องจากพื้นที่ของหน้ากระดาษมีจำกัด และพรรคก้าวไกลยังไม่ได้ให้รายละเอียดของนโยบายด้านปากท้องดี มีอนาคต อย่างชัดเจน ผมจึงขอขีดวงพูดถึงการทำแบรนด์ของพรรคที่ชูเรื่อง “การเมืองดี”

ขุดรากถอนโคน เพื่อทำ “การเมืองดี”

ใช่สิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการ…จริงไหม

ต้องยอมรับว่า ตอนนี้ลูกค้าหลักของพรรคก้าวไกลคือคนที่เป็นนิวโหวตเตอร์ และกลุ่มคนวัยทำงานที่เป็นหนุ่มสาวผู้มีความสนใจในการเมือง เพราะทุกครั้งที่มีการสำรวจความนิยมผ่านโพลของสำนักต่างๆ เราพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่บอกว่าตัวเองจะเลือกลงคะแนนให้ก้าวไกล

ที่เป็นเช่นนี้ ส่วนสำคัญมาจากภาพลักษณ์ของพรรคที่มีผู้แทนหลายคนปรากฏตัวอยู่แถวหน้าร่วมเรียกร้อง และให้การสนับสนุนเมื่อมีการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมทั้งนำข้อเสนอต่างๆ ที่ถูกเรียกร้องบนท้องถนนในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เข้าไปอภิปรายในสภา ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับการแสดงความคิดเห็นชอบถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลในหลากหลายแง่มุมอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ รู้สึกว่ามี “ผู้ใหญ่” ได้ยินเสียงของพวกเขา และเข้ามาเป็นพวกเดียวกัน

ย้อนกลับไปไกลอีกหน่อย เราจำได้อยู่แล้วว่า พรรคก้าวไกลมีที่มาจากพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่เปลี่ยนแนวทางการทำพรรคในแบบ “ถูกจริต” คนรุ่นใหม่ที่ถูกตีตราว่าไม่เคยสนใจการเมือง ให้กลายมาเป็นนิวโหวตเตอร์ ตื่นมาลงคะแนนเสียงทันเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 จนปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลุ่มคนเจน Y และ Z มีส่วนให้พรรคอนาคตใหม่ได้ที่นั่งไปถึง 80 ที่ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปแล้ว

การปลูกหน่ออ่อนของความคิดในการทำการเมืองใหม่แบบ “หัวก้าวหน้า” ตามคำเรียกของเหล่ากูรูที่รู้เรื่องการเมืองไทยดี จากอนาคตใหม่ มาเป็นก้าวไกล ทำให้พรรคมีจุดขายที่ชัดเจนในเรื่องนี้นับแต่นั้นมา

เมื่อเจาะดูคำขยายความในเรื่อง “การเมืองดี” ของพรรคก้าวไกล จะเห็นว่าหนึ่งในเรื่องหลักที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ลดขนาดกองทัพ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และที่อยากให้เน้นคือ เห็นต่างไม่ติดคุก ศาลโปร่งใส ตรวจสอบได้

อ่านนโยบายแบบสั้นเท่านี้ ก็ทำให้ผมฝันหวาน อยากเห็น “การเมืองดี” แบบที่พรรคก้าวไกลหาเสียงไว้จริงๆ เพราะนี่คือการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบที่เข้าขั้น “ขุดรากถอนโคน” กันเลยทีเดียว

แต่ก็อีกนั่นแหละ ด้วยความที่ผมเห็นการทำการเมืองของพรรคกันมาเยอะ จึงเกิดอาการชะงักงัน และถามตัวเองว่า พวกเด็กๆ เขาจะเอาด้วยไหมนะ และเสียงของกลุ่มนิวโหวตเตอร์จะพอให้ก้าวไกลได้เข้ามาทำงานในสภา เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบตามที่หาเสียงไว้ได้จริงขนาดไหน

ย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้งซ่อมในหลายเขตหลายจังหวัด พรรคก้าวไกลไม่ได้ที่นั่งมาชดเชยสมาชิกที่ออกจากพรรคไปกลางคันหลายคน อีกทั้งการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นก็ได้ที่นั่งมาน้อยเกินคาด

ตัวเลขของคะแนนเสียงที่พรรคได้จากการเลือกตั้งครั้งก่อนเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การ “แจ้งเกิด” ของพรรคอนาคตใหม่นั้น เป็นปรากฏการณ์ที่มาจากการเลือกเพราะชื่นชมในตัวบุคคลที่เป็นผู้นำพรรคในตอนนั้นคือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประสานไปกับสถานการณ์ของบ้านเมืองที่ผู้คนแบ่งแยกชัดเจนแค่ว่า “เอา” กับ “ไม่เอา” คณะ คสช.

แต่ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เกมเปลี่ยนแล้ว จากที่นักการเมืองได้เห็นปรากฏการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ จึงพากันปรับตัวอย่างรวดเร็ว แทบทุกพรรคต่างจัดตั้งคณะทำงานของพรรค โดยมีคำว่า “คนรุ่นใหม่” เข้ามาช่วยในการทำนโยบายหาเสียงทั้งนั้น ซึ่งหลายพรรค ก็เริ่มประกาศนโยบายออกมา มีหลายเรื่องที่น่าจะทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่หันไปมองและให้ความสนใจ

แม้ตอนนี้ ผลสำรวจยังออกมาเป็นไปในทางที่ทำให้พรรคก้าวไกลมั่นใจว่ายังคงยึดกุมหัวใจคนรุ่นใหม่ไว้ในระดับหนึ่ง แต่การทำ “การเมืองดี” ให้ได้จริง โดยเข้าไปรื้อและสร้างระบบใหม่ในหลายส่วนของสังคมไทยที่ฝังรากลึกแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นดินอาจต้องอาศัย “ปาฏิหาริย์” ในช่วงเวลานี้

อยากให้ “การเมืองดี” เป็นจริงได้

ก็ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

สําหรับผม การทำแบรนด์ให้ก้าวไกลในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ยากมาก เพราะนโยบายที่เกี่ยวกับการเมืองตามที่พรรคประกาศไว้นั้น เมื่อถึงเวลาลงสนามกันจริงๆ พรรคก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องคำนึงถึงกลุ่มคนเจน X และเบบี้บูมด้วย ซึ่งคนกลุ่มนี้รวมๆ กันแล้ว เสียงของพวกเขามีผลอย่างมากต่อการทำ “การเมืองดี” ของพรรค

เราต้องยอมรับว่า คนจำนวนมากในประเทศนี้ไม่ได้คิดไปในทางเดียวกันว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลประกาศว่าต้องการเปลี่ยน ต้องการแก้ไข ต้องการยุบ ต้องการยกเลิกนั้น “เป็นปัญหา”

มีคนจำนวนมากยังเชื่อว่า ก้าวไกลไม่บริสุทธิ์ใจในการทำการเมือง จ้องจะล้มระบอบที่ใหญ่กว่านั้น จากการที่เห็นพรรคออกมาเป็นปากเสียงให้กับคนรุ่นใหม่ที่ถูกขังในเรือนจำตอนนี้ด้วยข้อหาจากการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สาธารณะ

ขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ที่เคยออกมาร่วมกันแสดงพลังเคลื่อนไหวเพราะอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบ “ทันทีทันควัน” ประมาณเดียวกับ ธานอสที่ดีดนิ้วปุ๊บ คนหายไปครึ่งโลกปั๊บ (ใครที่ไม่รู้จักธานอส ผมขอให้คุณไปค้นเอาเองนะครับ) ก็ได้เรียนรู้ว่าการเรียกร้องแบบนั้นทำไม่ได้ในตอนนี้ และยังไม่รู้ด้วยว่าจะได้มาตอนไหน พวกเขาจึงเริ่มกลับไปสนใจในสิ่งที่เติมเต็มชีวิตประจำวันของพวกเขามากกว่า เพราะมันจับต้องได้จริง

ผมเองก็ไม่มั่นใจว่า ตอนนี้ คนรุ่นใหม่ เขาอยากได้อะไรกันแน่ ถึงจะทำให้พร้อมใจตื่นมาเทคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล เหมือนที่เคยทำให้พรรคอนาคตใหม่ เพราะนโยบายทั้งการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลดขนาดกองทัพ และทำให้ศาลโปรงใส เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคนในระดับ “ฮาร์ดคอร์” เท่านั้น

แล้วคนนับแสนที่ดั้นด้นไปรวมตัวกันที่ราชมังคลากีฬาสถาน และที่สนามศุภชลาศัย ทุกครั้งเพื่อได้มองนักร้อง นักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบแม้จะต้องใช้กล้องส่องทางไกลดูก็ตาม คนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่ที่ต้องกลายมาเป็นแรงงานนอกระบบ เรียนไม่จบ ก็ต้องหางานทำแล้ว คนที่ต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูทั้งพ่อแม่และลูกด้วยเงินเดือนที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง

คนเหล่านี้ พวกเขาอยากได้การเปลี่ยนแปลงแบบขุดรากถอนโคนอย่างที่ก้าวไกลประกาศไว้หรือเปล่า

ผมตอบไม่ได้ แต่ผมรู้ว่า ก้าวไกลจำต้องประกาศนโยบายในระดับเปลี่ยนแปลงระบอบออกมา เพราะคือจุดขายของพรรค หากไม่ทำ เหล่าทวิตเตี้ยนคงได้กระหน่ำโบยกันเป็นที่สนุกสนานแน่ แม้เราจะรู้ว่า แอคหลุมมีอยู่มากมายในทวิตเตอร์ แต่พรรคก้าวไกลก็หวั่นไหวกับเสียงของชาวทวิตเตี้ยน เพราะนี่คือฐานเสียงของพวกเขา (มาถึงตอนนี้ ฐานเสียงนี้มีอยู่เท่าไหร่เป็นเรื่องที่พรรคคงต้องทำการบ้านอย่างจริงจัง)

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่ผมเห็นคือ นโยบายที่ประกาศออกมาในเรื่องการทำการเมืองดี โดยจะทำแบบขุดรากถอนโคนนี้ ส่งผลให้พรรคกีดกันคนกลุ่มใหญ่สองวัยคือ เจน X และเบบี้บูม ออกไปชนิดเรียกได้ว่าปิดประตูการลงคะแนนเสียงของกลุ่มนี้เลย

แล้วจะทำให้พรรคได้มีโอกาสสร้างฝันให้เป็นจริงได้อย่างไร

ช่วยกันทำการบ้านนะครับ •

 

ชาติ ศาสนา และแบรนดิ้ง | ประกิต กอบกิจวัฒนา