รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย สยบข่าวลือดีลพรรค “ส” ยันยังไม่มีการพูดถึงตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ย้ำการรวมกันเพื่อเป็น ”ทางออก” ของบ้านเมือง มุ่งสร้างนโยบายที่แก้ปัญหาประชาชน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ระบุทั้งสองฝ่ายไม่ยึดติดตัวตนหรือตำแหน่ง ชูประสบการณ์และความสามารถ ของคุณหญิงสุดารัตน์และดร.สมคิด ที่เคยแก้ไขปัญหายากๆสำเร็จมาแล้ว จะจับมือกันแก้วิกฤตประเทศให้สำเร็จอีกครั้ง

นายประวัฒน์ อุตตะโมช รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกระแสข่าวระหว่างพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทย ว่าขณะนี้มี ความคืบหน้าไปมาก ล่าสุดเพิ่งประชุมร่วมกันเมื่อวานก่อน ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาประเทศโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่ทั้งสองพรรคเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญต้องเร่งขจัดความยากจนและทุจริตให้ได้เร็วที่สุด

โดยคณะทำงานทั้ง2ฝ่ายที่ได้ร่วมหารือกัน เห็นว่าดร.สมคิด คุณหญิงสุดารัตน์ และดร.โภคิน เป็นผู้มีความรู้ และประสบการณ์ ทั้ง 3 คนเคยทำงานร่วมกันมายาวนาน เป็นผู้ที่ผลักดันนโยบายสำคัญๆ แก้ไขปัญหาให้ประเทศได้สำเร็จมาแล้วมากมาย ตั้งแต่ครั้งที่ทำงานร่วมกันเมื่อ 20 กว่าปีก่อน

ดังนั้น การรวมตัวของทั้ง 2 พรรคการเมือง จึงมุ่งแสวงหา “ทางรอด”ให้ประชาชน และเราจะเป็น ”ทางออก” ให้ประเทศ

นายประวัฒน์ ยังตอบคำถามด้วยว่าการจัดวางตัวผู้สมัครทั่วประเทศ จะเกิดปัญหาหรือไม่หากทั้งสองพรรคต้องทำงานร่วมว่า เรื่องดังกล่าวมีสื่อมวลชนร่วมถึงผู้สมัครได้สอบถามเข้ามาเยอะ จึงขอยืนยันว่าการคัดสรร คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมลงสู้ศึกเลือกตั้งไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณาแล้ว จะต้องเป็นบุคคลที่เหมาะสม เข้าใจปัญหาพื้นที่ เข้าใจความต้องการของพี่น้องประชาชน และที่สำคัญจะต้องลงพื้นที่อย่างหนัก เพื่อความพร้อมที่สุดสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง

“การประชุมร่วมกันล่าสุดเมื่อวานก่อน ผมเข้าร่วมประชุมด้วย เรากำลังเคลียร์เรื่องพื้นที่ทับซ้อน โดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ไม่มีการพูดถึงตำแหน่งใดๆเลยไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เพราะทั้งสองฝ่ายมารวมกันด้วยความเสียสละไม่ยึดติดกับตัวตนและตำแหน่งใดๆ พวกเราที่ร่วมประชุมกันก็งงว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ”

รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุด้วยว่า ในการทำงานร่วมกันสิ่งที่ทั้งสองพรรคคาดหวังคือ
เราจะปลดปล่อยประชาชนจากความเหลื่อมล้ำอย่างไร จะสร้างความเป็นธรรม สร้างหลักนิติรัฐ ที่แท้จริงได้อย่างไร โดยเฉพาะการร่วมสร้างกติกาสูงสุดคือรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย รวมถึงการปลดปล่อยผู้คนจากพันธนาการของกฎระเบียบต่างๆ ที่ล้าหลังและเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ตลอดจนการสร้างพลังให้ประชาชน นั่นคือสิ่งที่ทั้งสองพรรคหยิบยกมาพูดคุยทุกครั้งที่มีการหารือถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน