อาชญากรรม AI ขโมยลายเส้น | จิตต์สุภา ฉิน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

หลายปีที่ผ่านมาเราถกเถียงกันว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะเข้ามาแย่งอาชีพอะไรไปจากมนุษย์บ้าง

อาชีพที่มักจะถูกจัดอันดับให้เป็นอาชีพที่คนทำเสี่ยงตกงานที่สุดก็อย่างเช่น พนักงานคอลเซ็นเตอร์ พนักงานต้อนรับ พนักงานในโรงงาน คนพิสูจน์อักษร ไปจนถึงล่ามแปลภาษาเพราะคอมพิวเตอร์สามารถแปลได้หลากหลายภาษาในอัตราที่เร็วขึ้นและแม่นยำมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม อาชีพอย่างนักวาดภาพ ศิลปิน จิตรกร หรืออาชีพใดๆ ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มักจะถูกมองว่าอยู่ในโซนที่ปลอดภัย คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหนก็คงไม่อาจมีจินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์ที่สลับซับซ้อนเท่ามนุษย์ได้

มาถึงทุกวันนี้ AI เริ่มเก่งกาจขึ้นจนสามารถผลิตภาพวาดออกมาได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีด้วยราคาที่ถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับการจ้างนักวาดภาพที่เป็นมนุษย์

คุณผู้อ่านอาจจะเคยเห็นเพื่อนๆ บนโซเชียลมีเดียแชร์ภาพตัวเองในสไตล์สวยแปลกตาที่ AI สร้างสรรค์ขึ้นมาให้จากการอัพโหลดภาพถ่ายเข้าไป หลายๆ ภาพที่ AI วาดออกมาก็นับว่าเก๋ไก๋ไม่หยอกเลยทีเดียว ดูไปดูมาแทบไม่ต่างจากการจ้างคนวาดภาพเก่งๆ มาวาดให้เราโดยเฉพาะ

ภาพที่สร้างสรรค์โดย AI ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ บางภาพถูกใช้เป็นหน้าปกนิตยสาร ในขณะที่บางภาพก็ถูกส่งประกวดและคว้ารางวัลเอาชนะนักวาดภาพที่เป็นมนุษย์มาได้ก็มี

แอพพลิเคชั่นอย่าง Lensa สามารถสร้างภาพเหมือนของคนในสไตล์แบบสวยเท่ออกมาได้ 10-20 ภาพจากการที่ผู้ใช้งานอัพโหลดภาพของตัวเองหรือคนอื่นเข้าไปในแอพพ์โดยคิดราคาถูกแสนถูกสำหรับการสร้างภาพให้เป็นล็อตใหญ่ ชอบภาพไหนก็เลือกใช้ได้เลย จะเอาไปใช้เป็นภาพโปรไฟล์ หรือใช้ทำงานอื่นๆ ต่อก็ได้ ภาพไหนไม่ได้ใช้ก็โยนทิ้งไปแบบไม่ต้องเสียดมเสียดายอะไรมาก

หากมีข้อมูลแค่นี้เราก็อาจจะเข้าใจว่าสาเหตุที่วงการศิลปะไม่พอใจ AI ก็เพราะว่ามันสามารถผลิตภาพวาดได้สวยกว่า เยอะกว่า และถูกกว่า

แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อนกว่านั้น

Top view of attractive woman hands drawing amazing picture on canvas in modern cozy art workshop

การที่ AI จะเรียนรู้วิธีทำอะไรสักอย่างได้โดยพื้นฐานแล้วจะมาจากการเรียนรู้ผ่านข้อมูลจำนวนมาก ในกรณีนี้ก็คือการเรียนรู้ด้วยภาพวาดดิจิทัลเป็นล้านล้านภาพที่มีอยู่บนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง

เมื่อเรียนรู้เสร็จแล้วอัลกอริธึ่มก็จะสร้างสรรค์ภาพขึ้นมาใหม่โดยหยิบสไตล์การวาดจากรูปต่างๆ ที่มันได้เรียนไปแล้วมาใช้ หลายๆ ครั้งภาพก็จะออกมาราวกับนักวาดภาพคนนั้นเป็นคนวาดด้วยตัวเองเพราะได้เส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์มาครบ

ปัญหาก็คือ เจ้าของภาพทั้งหลายไม่ได้ให้ความยินยอมให้ผู้พัฒนา AI หยิบภาพของตัวเองไปใช้ หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาพถูกเอาไปให้ AI ใช้ในการเรียนรู้

เรื่องนี้สร้างความเจ็บใจให้นักวาดภาพเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาถือว่าเป็นการขโมยผลงานไปใช้กันดื้อๆ

นักวาดภาพคนหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า “แทนที่จะเอาเงิน 12 ดอลลาร์ไปจ่ายให้ AI ผิดศีลธรรมที่ขโมยภาพวาดคนอื่นไปใช้แถมยังทำออกมาได้ไม่สวยอีกต่างหาก ยอมจ่ายให้ฉัน 30 ดอลลาร์ดีกว่าไหม ให้ฉันสเกตช์ภาพให้แล้วคุณก็เอาไปใช้เป็นภาพโปรไฟล์ได้เลยแบบไม่ต้องรู้สึกผิด หรือไม่ต้องกังวลว่าบริษัทเจ้าของ AI จะแอบเก็บภาพหน้าของคุณไปใช้”

ส่วนใหญ่เวลาภาพวาดถูกขโมยภาพไปใช้ฝึก AI เจ้าของภาพมักจะทำอะไรไม่ค่อยได้ บางกรณีอาจจะสามารถยื่นเรื่องให้มีการถอดภาพออกได้ แต่จะทำแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อในภาพมีผู้ยื่นเรื่องหรือมีชื่อของผู้ยื่นเรื่องติดอยู่

ถ้าหากภาพที่ AI สร้างหยิบลายเส้น หรือสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของนักวาดภาพไปใช้โดยไม่มีรายละเอียดอื่นๆ เหล่านี้อยู่ด้วยก็แทบจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย

นักวาดภาพเหล่านี้นอกจากจะถูกขโมยผลงานไปแบบไม่ได้รับเครดิตแม้แต่นิดเดียวแล้ว เงินที่คนจ่ายเพื่อซื้อภาพจาก AI ก็ไม่ได้กระเซ็นมาเข้ากระเป๋าแม้แต่สตางค์เดียว เพราะคนที่รับไปเต็มๆ ก็คือเจ้าของซอฟต์แวร์ที่วางตัวเป็นคนกลาง

 

ไม่ได้รับเครดิตก็ว่าแย่แล้ว แต่นักวาดภาพบางคนเจอชะตากรรมที่โหดร้ายกว่านั้น เว็บไซต์ Futurism ยกตัวอย่าง Greg Rutkowski นักวาดภาพแนวแฟนตาซีที่ถูกขโมยลายเส้นไปใช้ฝึกฝน AI บ่อยเสียจนลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาถูกนำไปเชื่อมโยงเข้ากับภาพราคาถูกที่ AI สร้างออกมาเลียนแบบ จนทำให้เขาเชื่อว่าเขาไม่น่าจะหางานได้แล้ว เพราะใครเห็นก็นึกว่านี่เป็นศิลปะที่ AI สร้างขึ้นมา

ชุมชนนักวาดภาพต่างก็ช่วยกันส่งเสียงว่าตัวเองได้รับผลกระทบจาก AI มากแค่ไหน ประเด็นที่ดีมากก็คือมีคนหนึ่งบอกว่าการที่ AI หยิบฉวยภาพไปใช้ในการสร้างภาพเลียนแบบออกมาก็เหมือนมันขโมยตัวอย่างภาพวาดที่เกิดจากการฝึกฝีมือนานหลายปี บวกกับการเข้าเรียนคอร์สศิลปะแสนแพงหลายต่อหลายคลาสเพื่อให้ได้ฝีมือในการวาดภาพที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา นักวาดภาพไม่ควรต้องมาถูกเขี่ยทิ้งเพราะให้หุ่นยนต์ไร้จิตวิญญาณมาแทนที่แบบนี้

ครั้นจะตอบโต้ด้วยการไม่อัพโหลดภาพวาดของตัวเองไปบนออนไลน์ก็ไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรออนไลน์ก็คือแพลตฟอร์มในการหาลูกค้า ที่ผ่านมานักวาดภาพต่างก็ต้องขยันอัพโหลดงานของตัวเองเพื่อสร้างโปรไฟล์ให้ลูกค้าเห็น สร้างฐานแฟนที่เหนียวแน่น และสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง

แต่ภาพที่อัพโหลดขึ้นไปกลับถูก AI ขโมยไปไม่พอ ยังใช้เพื่อวาดเลียนแบบภาพสไตล์เดียวกันออกมาอีก

การใช้ AI วาดภาพให้ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ดังนั้น จึงยังไม่มีกรอบที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ชัดเจนว่าเราจะสามารถปกป้องลิขสิทธิ์ทางปัญญาของนักวาดภาพได้อย่างไรบ้าง จะตัดสินอย่างไรว่าภาพไหนเข้าข่ายเลียนแบบ ภาพไหนไม่ใช่ เพราะมันก็ไม่ได้ตัดสินกันได้ง่ายๆ เหมือนการขโมยภาพไปใช้

ไม่ว่ากฎหมายจะพร้อมหรือไม่พร้อม แต่ที่เดินหน้าต่อไปแน่ๆ ก็คือการพัฒนา AI ให้สามารถวาดรูปได้สมจริงภายใต้โจทย์ที่หลากหลายมากขึ้น เทคโนโลยีนี้ทำเงินให้กับผู้พัฒนาได้ ดังนั้น จึงคาดการณ์ได้เลยว่ามันจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ

และก็คาดการณ์ได้ด้วยว่าเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับแวดวงความคิดสร้างสรรค์อื่นๆ เช่นกัน