แมลงวันในไร่ส้ม จับตา “ปลดล็อก” “ไพ่” ใบสำคัญ ในมือรัฐบาล-คสช.

แมลงวันในไร่ส้ม

จับตา “ปลดล็อก” “ไพ่” ใบสำคัญ ในมือรัฐบาล-คสช.

ท่ามกลางความคาดหมายของฝ่ายต่างๆ ว่า หลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะมีการ “ปลดล็อก” คำสั่ง คสช. ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้เตรียมตัวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีผลใช้บังคับไปแล้ว และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้กล่าวไปแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561

อย่างไรก็ตาม เมื่อพระราชพิธีสำคัญลุล่วงลงด้วยดี ท่าทีของผู้นำรัฐบาลและ คสช. กล่าวทำนองเดียวกันว่า ยังไม่มีการพิจารณาปลดล็อก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ว่า คสช. ยังไม่ได้ประชุมกันในเรื่องนี้ เพราะงานพระราชพิธีเพิ่งจะเสร็จสิ้น ดังนั้น จะมาทำอะไรกัน และจะมาทวงสัญญาอะไร เพราะ คสช. ต้องพิจารณาถึงความร่วมมือต่างๆ ก่อน รวมถึงในแต่ละพื้นที่ต่างๆ ด้วย

แต่ที่ผ่านมาฝ่ายที่ทำให้เกิดความวุ่นวายก็ยังดำเนินการกันมาตลอด ส่วนที่เคยระบุไว้ว่าวันที่ 1 พฤศจิกายน จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองนั้น คสช. ยังไม่ได้ประชุมร่วมกันในเรื่องนี้

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า ต้องไปถาม คสช.

ต่อมาวันที่ 31 ตุลาคม พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ตอนนี้เพิ่งเสร็จสิ้นงานพระราชพิธี รัฐบาลเองคงดูงานพระราชพิธีให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ค่อยว่ากันไป

ส่วนการที่นักการเมืองออกมาเร่งรัดถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเขา ขณะที่สถานการณ์ในต่างจังหวัดยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อย่างไรก็ตาม การประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ไม่ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าว เพราะตอนนี้คิดช่วยชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยอย่างเดียว

เมื่อถามว่า หากมีการปลดล็อกพรรคการเมืองคิดว่านักการเมืองจะออกมาเคลื่อนไหวเหมือนเดิมหรือไม่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า คิดว่าน่าจะดีขึ้น เพราะว่าช่วงตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาคนไทยมีความรักความสามัคคีกันมากขึ้น ไม่มีการทะเลาะกัน ดังนั้น เมื่อปลดล็อกแล้วหลายๆ คนน่าจะตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อในหลวงมาก

ขณะที่เสียงเรียกร้องให้มีการปลดล็อก ยังดังขึ้นตามปกติ

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า กฎหมายพรรคการเมือง หนึ่งในกฎหมาย 4 ฉบับที่รัฐธรรมนูญบังคับให้มีก่อนจัดการเลือกตั้ง ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2560

เป็นผลให้พรรคการเมืองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายภายใน 180 วัน เช่น ดำเนินการให้มีสมาชิกครบตามจำนวนที่กำหนด จัดให้มีทุนประเดิมครบ 1 ล้านบาท จัดให้สมาชิกชำระค่าบำรุงพรรค จัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับ เลือกหัวหน้า เลขาฯ และกรรมการอื่นของพรรค รวมถึงจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบ

หลายฝ่ายจึงออกมาเรียกร้องให้ คสช. ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม รองหัวหน้า คสช. ตอบสนองเรื่องนี้อย่างไม่สำเหนียกว่ายังไม่มีการประชุม

“ผมไม่ขอเรียกร้องเพราะเป็นอำนาจของประชาชนและ คสช. ไม่มีทางต้านกระแสเรียกร้องจากทุกฝ่ายได้ ที่สำคัญคือตลอดเวลาเกือบ 4 ปีที่เป็นรัฐบาล คสช. ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไร้ความสามารถในการบริหาร ประเทศเกิดความเสียหายแทบทุกด้าน และไม่เคยเห็นหัวประชาชน แม้ประชาชนจะได้รับความทุกข์ยาก แต่รัฐบาลกลับให้ความสำคัญกับการใช้งบประมาณที่ไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น การซื้ออาวุธ หรืออนุมัติงบฯ กลางที่ควรเอาไปช่วยพี่น้องประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมาซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วราคาแพงแต่หาประโยชน์ไม่ได้ พอมีคนทักท้วงก็แก้ตัวโทษรัฐบาลก่อน” นายวัฒนากล่าว

นายวัฒนากล่าวอีกว่า สิ่งที่ คสช. ควรทำคือเลิกถ่วงเวลาของประชาชน รีบปลดล็อกพรรคการเมือง นำพาประเทศเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย ยกเลิกบรรดาคำสั่ง หรือประกาศที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ยกเลิกการดำเนินคดีกับประชาชนที่เห็นต่าง รวมถึงเลิกออกคำสั่งที่เป็นเผด็จการด้วย

ส่วนทางพรรคประชาธิปัตย์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. กล่าวว่า ถึงเวลาเเล้วที่ คสช. จะส่งสัญญาณปลดล็อกให้พรรคการเมืองเข้าสู่โหมดทำกิจกรรมได้ เพื่อรองปรับตัวสำหรับกติกาใหม่ในกฎหมายพรรคการเมือง

โดยเฉพาะเรื่องการทำไพรมารีโหวตคัดตัวผู้สมัครของพรรค ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ ซับซ้อนมากกว่ากฎหมายเดิม กลไกจะต้องเดินหน้า ไม่อย่างนั้นจะฉุกละหุกกระทบต่อการเลือกตั้ง ทั้งพรรคการเมือง และความเข้าใจของประชาชน

ก่อนหน้านี้ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่า จะมีการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เกิดสัญญาณบวก ทะยานสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่านักธุรกิจเขาไม่รัก พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นเรื่องของความแน่นอนทางของนักลงทุนที่ชัดเจนแล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้นในปีหน้า ส่วนเรื่องปัญหาด้านความมั่นคง คสช. คงไม่น่ากังวล ถ้าเกิดปัญหายังมีมาตรา 44 ในมืออยู่แล้ว

แต่ถ้าไม่ให้ขยับให้ปรับตัวเลย ความซับซ้อนของกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ จะมีผลต่อการเลือกตั้งในอนาคตแน่นอน

นั่นคือท่าทีจากพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค ที่ตรงกันโดยมิได้นัดหมาย

ขณะที่ภายหลังพระราชพิธี รัฐบาลเดินหน้าในปัญหาน้ำท่วม ที่ยังมีสถานการณ์อยู่ใน 17 จังหวัดภาคกลางและอีสาน โดย พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปตรวจจังหวัดอ่างทองและขอนแก่นในวันรุ่งขึ้น

กลายเป็นข่าวใหญ่ในสื่อต่างๆ

ขณะที่กระแสเรื่องการปลดล็อกเริ่มร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ

รวมถึงคำถามในเรื่องการปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะมีรายการปรับทัพครั้งใหญ่ ก่อนเดินหน้าสู่ปีสุดท้ายก่อนเลือกตั้งตามคำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์

แต่ก็มีกระแสแทรกแซงขึ้นมาทำนองว่า การเลือกตั้งอาจจะขยับไปปี 2562 เพราะการเตรียมการต่างๆ อาจยังไม่เรียบร้อย

ข่าวสารและข้อคิดเห็นต่างๆ ในสื่อระยะนี้ ทำให้น่าจับตาว่า จะมีการใช้สถานการณ์น้ำท่วมหรือปัญหาประชาชนอื่นๆ มาเป็นเงื่อนไขในการลากเรื่องการปลดล็อกออกไปก่อนหรือไม่