‘บิ๊กเด่น’ มอบ 10 นโยบายขับเคลื่อน ตร.มืออาชีพ ทำงานเชิงรุก ที่พึ่ง ปชช. ‘ไม่ใช่มีเวลา 365 วัน แต่ทำมาตลอดชีวิต’ | บทความโล่เงิน

บทความโล่เงิน

 

‘บิ๊กเด่น’ มอบ 10 นโยบายขับเคลื่อน

ตร.มืออาชีพ ทำงานเชิงรุก ที่พึ่ง ปชช.

‘ไม่ใช่มีเวลา 365 วัน แต่ทำมาตลอดชีวิต’

 

เริ่มต้น 1 ตุลาคม 2565 ทำหน้าที่ ผบ.ตร.คนที่ 13 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ หรือ ‘บิ๊กเด่น’ ได้เชิญข้าราชการตำรวจระดับนายพล ตั้งแต่รอง ผบ.ตร.-ผบก. จำนวน 250 นาย เข้ารับฟังนโยบายการบริหารราชการ ตร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ห้องแจ้งยอดสุข ชั้น 2 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยผู้ใต้บังคับบัญชาต้องถือปฏิบัติตามนโยบายนี้นับจาก 1 ปีต่อจากนี้ไปจน “บิ๊กเด่น” เกษียณอายุราชการ

“พิทักษ์ 1” ได้เริ่มฉายภาพตั้งแต่นโยบายเร่งด่วนเพื่อประชาชน 3 ลำดับแรก

1. การแก้ปัญหาแพร่ระบาดยาเสพติด

2. การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตั้งเป้าหมายลดสถิติจากกลโกงมิจฉาชีพ ที่หลอกเหยื่อบนโลกออนไลน์ 18 รูปแบบจะเข้าร่วมประชุม ศปอส.ตร. และ ศอ.ปส.ตร. ประจำเดือนด้วยตนเอง

“นโยบายเร่งด่วนเน้นการปราบปรามอาชญากรรมตามการสั่งการนายกรัฐมนตรี เน้นการปราบปรามยาเสพติด และอาชญากรรมออนไลน์ รวมถึงการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของตำรวจ สำหรับเรื่องยาเสพติดผมจะลงมากำกับดูแลเร่งรัดด้วยตัวเอง โดยจะร่วมมือกับภาคีเครือข่ายสำรวจผู้เสพที่มีความเสี่ยงคลุ้มคลั่ง ก่อความเดือดร้อน จะเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการกับกลุ่มนี้ก่อน” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว

และ 3. การยกระดับการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจ ทำให้โรงพักเป็นโรงพักเพื่อประชาชน ที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องร้องเรียนของประชาชน ความทุกข์ร้อนประชาชน เป็นหน้าที่ของตำรวจ ต้องเข้าไปแก้ไขอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที เพื่อให้ตำรวจทุกนายเป็นตำรวจที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา

ส่วนนโยบายเร่งด่วนทำให้ข้าราชการตำรวจ มี 2 เรื่อง คือ

การสร้างความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ สร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน หรือ SOP รวมถึงการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ที่ป้องกันอันตรายให้เพียงพอ

อีกเรื่องคือการดูแลสวัสดิการและขวัญกำลังใจกำลังพล เช่น หากตำรวจบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ต้องได้รับการเยียวยาทันที อาคารที่ทำการ ที่พักอาศัย ต้องมีอย่างเพียงพอ โครงการทำดีมีรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจ เป็นต้น

“สำหรับตำรวจมีนโยบายเร่งด่วนดูแลความปลอดภัยในการทำงาน สร้างขวัญกำลังใจ และสวัสดิการ ให้ตำรวจมีความสุขมากขึ้น เชื่อมั่นว่าถ้าคนทำงานมีความสุข จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ผบ.ตร.ใหม่ระบุ

 

การทำงานของ “บิ๊กเด่น” ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน”

“ความเป็นตำรวจมืออาชีพ” ได้แก่ แม่นยำกฎหมาย ระเบียบ เชี่ยวชาญยุทธวิธีและเทคโนโลยี มีบุคลิกภาพและทักษะการสื่อสารที่ดี มีจริยธรรมประจำใจ

“การทำงานเชิงรุก” เป็นการพบปะประชาชน เพิ่มช่องทางการรับฟัง แสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เตรียมการและวางแผนก่อนเกิดเหตุ ถอดบทเรียนและสร้างต้นแบบการปฏิบัติ

ส่วน “เพื่อความสงบสุขของประชาชน” เน้นให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน บังคับใช้กฎหมาย ให้ความเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว ในปีงบประมาณ 2566 จะปรับเปลี่ยนการประเมินผลงานตำรวจ ลดการวัดตัวเลข แต่เน้นประเมินผลจากความต้องการที่แท้จริงของประชาชน

นโยบายการบริหารราชการ มี 10 เรื่อง คือ

1. พิทักษ์ เทิดทูน และเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ถวายความปลอดภัยเป็นภารกิจสำคัญสูงสุด

2. เสริมสร้างภาพลักษณ์ด้วยการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตํารวจ

3. การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนและขับเคลื่อนนโยบายสําคัญรัฐบาล

4. แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติอย่างเป็นระบบ โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วน กวดขันมิให้ตำรวจเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องยาเสพติด หากฝ่าฝืนให้ดำเนินการทางอาญา วินัย ทางปกครองอย่างเด็ดขาด

5. เพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างตํารวจกับประชาชน โดยเปิดช่องทางรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชน

6. พัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างขวัญกําลังใจให้แก่ข้าราชการตํารวจ

7. พัฒนาองค์ความรู้ข้าราชการตํารวจทุกสายงานโดยมุ่งเน้นการฝึกอบรมทบทวนยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง

8. พัฒนาระบบฐานข้อมูลและนําเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้

9. ปรับปรุงระเบียบกฎหมายให้สอดคล้องกับการทํางานของตํารวจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

10. เสริมสร้างระเบียบวินัยควบคุมดูแลความประพฤติและป้องกันมิให้ข้าราชการตํารวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต

 

ผบ.ตร.บอกว่า หัวใจสำคัญของการทำงานคือการควบคุมความประพฤติของตำรวจ ที่ผ่านมาตรวจสอบความประพฤติ อบรมจริยธรรมมาอย่างต่อเนื่อง พบเนื้อร้ายต้องไม่ช่วยเหลือกัน ต้องตักเตือน ลงโทษ หากทำผิดลงโทษทางวินัย อาญา รู้สึกเศร้าใจทุกครั้ง ที่ตำรวจถูกดำเนินคดี แต่หากผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาน นิ้วไหนร้าย ต้องตัดทิ้ง

“ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองมีเวลา 365 วัน แต่คิดว่าเราทำมาตลอดชีวิตราชการ ตอนนี้ได้รับโอกาสจากผู้บังคับบัญชาแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด อยากให้ตำรวจทุกคนเห็นความทุกข์ร้อนของประชาชนเป็นหน้าที่ที่ต้องเข้าไปแก้ไขอย่างรวดเร็วและทันท่วงที อยากให้ตำรวจเป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน” ผบ.ตร.กล่าว

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ได้ลงนามคำสั่งแบ่งและมอบหน้าที่รับผิดชอบให้รอง ผบ.ตร. ดังนี้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานมั่นคงและกิจการพิเศษ

พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานบริหาร

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานกฎหมายและคดี

และ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานจเรตำรวจ