เช็กขุมกำลัง’บิ๊กบี้’4กองพลปฏิวัติ กลางกระแสไร้เลือกตั้ง กับฐานที่มั่น’บิ๊กตู่’ยึดกลาโหม

การปลุกกระแสว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ส่งผลให้กระแสข่าวลือเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร ในช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยวาระ 8 ปีนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 30 กันยายน กำลังถูกจับตามองว่า เป็นแค่การขู่ฝ่ายค้านและกลุ่มเคลื่อนไหวจะชุมนุม หาก พล.อ.ประยุทธ์รอด และได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ต่อ เท่านั้นหรือ เพราะมี “กลิ่น” รัฐประหาร

ด้วยเพราะนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่พูดเรื่องนี้ออกมา เป็นฝ่ายรัฐบาล และถูกมองว่าเป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์

ท่ามกลางกระแสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ที่จะชนะเลือกตั้งครั้งหน้า และได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล อำนาจเปลี่ยนขั้ว และมีการล้างบาง คสช. ที่อาจทำให้ 3 ป. และฝ่ายสนับสนุน จึงไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง เพราะพรรคพลังประชารัฐอาจแพ้เลือกตั้ง หรืออาจจะไม่ได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 1 หรือ 2

จนที่สุด นายชัยวุฒิถูกสะกิดให้หยุดพูดในเรื่องนึ้ จนบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ 3 ป. และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องออกมาสยบข่าวด้วยการยืนยันว่า ทุกอย่างปกติ และมีการเลือกตั้ง

แต่ความคลางแคลงใจยังคงมีอยู่ และส่งผลให้ฝ่ายรัฐบาล ฝ่าย 3 ป. และโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกจับตามองว่ามีแผนอะไรหรือไม่ ในห้วงเวลากว่า 1 เดือนที่นั่งทำงานที่กระทรวงกลาโหม มีเวลาอยู่กับตัวเอง ใช้ความคิด หรือวางแผนต่างๆ

แม้ว่าจะมีการปล่อยข่าวว่า หากมีรัฐประหาร ก็ไม่เกี่ยวกับ 3 ป. แต่เป็นเรื่องของคนที่มีอำนาจ มีกำลัง ซึ่งก็หมายถึงฝ่ายทหารเองก็ตาม แต่หากมี “กลิ่น” จริง พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องรู้ เพราะยังมีลูกน้องอยู่ในกองทัพ

ประเด็นนี้อาจเป็นเพราะการแต่งตั้งโยกย้ายทหารที่ผ่านมา ที่ถูกมองว่า พี่น้อง 3 ป. ถูกลดอำนาจในกองทัพภาคที่ 1 ที่เป็นขุมกำลังรบหลัก และเป็นกำลังหลักในการรัฐประหาร

บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คอแดง และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 กระชับอำนาจในการโยกย้าย ทั้งการตั้งบิ๊กปู พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เพิ่งจบหลักสูตรการฝึกทหารรักษาพระองค์ ทม.รอ. และกลายเป็นนายทหารคอแดง ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เลย

ส่วนบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธราพงษ์ มะละคำ แม่ทัพน้อยที่ 1 รุ่นพี่ ตท.24 บูรพาพยัคฆ์คอแดง สายตรง 3 ป. และโดยเฉพาะบ้านป่ารอยต่อฯ ที่เป็นเต็งหนึ่ง ถูกเด้งไปอยู่ บก.ทบ. พ้นคุมกำลัง ได้เป็นพลเอก ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ปลอบใจ

แถมทั้ง 4 กองพลรบหลักของกองทัพภาคที่ 1 ที่ถูกเรียกว่าเป็นกองพลขุมกำลังปฏิวัติในอดีต ก็มีแกนนำเตรียมทหาร 28 รุ่นที่เป็นสายตรง ฐานอำนาจ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ “กองหนุนพิเศษ” คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ

มีทั้ง “รองแอ้ม” ว่าที่ พล.ต.ณัฐเดช จันทรางศุ ที่จะขึ้นเป็น ผบ.พล.1 รอ. คุมกองพลวงศ์เทวัญคอแดง ผบ.กอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ จะเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ คุมกองพลบูรพาพยัคฆ์คอแดง และรองต็อป ว่าที่ พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ที่จะเป็น ผบ.พล.ร.9 กองพลคอเขียว ที่มักเข้ามาเป็นกำลังในการรัฐประหาร โดยที่มีบิ๊กมด พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร เป็น ผบ.พล.ม.2 รอ. คุมกองพลทหารม้าคอแดง ที่เคยเป็นกองพลทหารม้าปฏิวัติในอดีตมาอยู่แล้ว

เรียกได้ว่า ใครจะมาใช้กำลังจาก 4 กองพลนี้ทำรัฐประหาร ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้ง พล. 1 รอ. ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองพลปฏิวัติ และ พล.ร.2 รอ. และ พล.ม.2 รอ. ขึ้นตรงกับ ฉก.ทม.รอ.904 ที่แม้ ผบ.ทบ.จะเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แต่ก็สั่งใช้กำลังไม่ได้ ต้องได้รับไฟเขียวในระดับที่สูงกว่านั้น

หากมองไปที่ขุมกำลังรบที่ไม่ใช่คอแดง แต่เป็นทหารคอเขียว ที่ยังขึ้นตรงกับกองทัพบก และ ผบ.ทบ.คุมอำนาจ เช่น พล.ร.9 จากชายแดนตะวันตก กาญจนบุรี และกองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) ที่อยู่ฉะเชิงเทรา และชลบุรี ที่เป็นกองพลยานเกราะ Stryker ที่ ทบ.สหรัฐอเมริกา มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนยานเกราะเข้าประจำการ ทั้งซื้อ และทั้งแถม จนเคยเกิดคำถามกันในแวดวงว่า ถ้าวันหนึ่งทหารรัฐประหารแล้วเอารถเกราะ Stryker ไปยึดอำนาจสหรัฐจะว่าอย่างไร

แต่ทว่า ผบ.พล.ร.11 คนใหม่ คือ รองโอ่ง ว่าที่ พล.ต.เอกอนันต์ เหมะบุตร นั้นก็เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31รอ.) มาเช่นเดียวกันกับว่าที่ พล.ท.พนา แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่นั่นเอง

แต่ทั้งแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ และ ผบ.พล.ร.11 คนใหม่ ก็สนิทสนม เป็นน้องรักของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. และรองราชเลขาธิการ อีกด้วย

แต่ทว่า ในแง่จุดยืนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์นั้นเป็นนายทหารอาชีพ ที่ยึดมั่นในหน้าที่ของทหาร และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่สุด จะเห็นได้จากช่วงเวลา 2 ปีที่เป็น ผบ.ทบ.นั้น ทิ้งระยะห่างในทางการเมือง จนทำให้เกิดกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่พอใจจนถึงขั้นเกิดกระแสข่าวหรือว่าจะเปลี่ยน ผบ.ทบ. ในการโยกย้ายครั้งที่ผ่านมาเลย

แต่ที่สุด พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็นั่งเป็น ผบ.ทบ.ต่อเป็นปีที่ 3 เพราะมีกองหนุนพิเศษ จึงยิ่งทำให้กระชับอำนาจแกร่งขึ้นในการจัดทัพบกครั้งที่ผ่านมา ที่ได้ยึดกองพลหลักไว้หมด

แม้แต่ พล.ร.2 รอ. กองพลบูรพาพยัคฆ์ เขตบารมีอิทธิพลของพี่น้อง 3 ป. พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ยังสามารถดัน พล.ต.สราวุธ แกนนำ ตท.28 จากสายวงศ์เทวัญ แม้จะไม่ได้เป็นทหารคอแดง และไม่เคยอยู่ในหน่วยนี้มาก่อนก็ตาม แต่เมื่อมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ก็จะต้องไปฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ และกลายเป็นทหารชั้นนายพลคอแดง ของ ทบ.อีกคน

ด้วยการคุมขุมกำลังที่เบ็ดเสร็จเช่นนี้จึงทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ถูกฝ่ายการเมือง หรือแม้แต่ 3 ป.จับตามอง และเป็นที่มาของกระแสข่าวจะไม่มีเลือกตั้ง และอาจจะเกิดการรัฐประหารขึ้น

แถมเป็นจังหวะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์สั่งเปลี่ยนการใช้รถประจำตำแหน่งของห้า 5 เสือ ทบ. จากที่เคยใช้เมอร์เซเดส-เบนซ์มายาวนานก็ให้เอารถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ ที่เป็นรถควบคุมสั่งการการสื่อสาร ที่ออกแนวลุย จึงอาจทำให้เกิดข่าวลือ

แต่หากย้อนดูจุดยืนก่อนหน้านี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็เคยยืนยันว่า โอกาสในการรัฐประหารเป็นศูนย์ และถึงขั้นติดลบ ไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น

“ทหารไม่คิดปฏิวัติ ด้วยสาเหตุพฤติกรรมนักการเมือง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนา อดทนไปด้วยกัน การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่แก้โดยทหาร” นายทหารระดับผู้นำกองทัพยืนยัน

กระแสข่าวลือที่เกิดขึ้นทำให้ “บิ๊กต้อง” พล.อ.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาสยบข่าว หลังพบ พล.อ.ประยุทธ์ในการประชุมสภากลาโหม ยืนยันว่าไม่มีการรัฐประหาร ส่วนคนที่พูด พูดอย่างไร มีวัตถุประสงค์อย่างไร ก็ต้องไปถามคนนั้น แต่ในส่วนของทหาร ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร ขอให้สบายใจได้

ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็เตรียมยืนยันจุดยืนอีกครั้ง ด้วยการนำนายทหารชั้นนายพลที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น ทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ที่ บก.ทบ.เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง

แต่หากย้อนกลับมาสำรวจขุมกำลังของฝ่าย 3 ป. โดยเฉพาะของ พล.อ.ประยุทธ์ จะพบว่า กลาโหมคือฐานที่มั่นสำคัญ เพราะจากเดิมที่มีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ น้องรักของ พล.อ.ประวิตร เป็นปลัดกลาโหมมายาวนาน 3 ปี ต่อด้วยบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นต่ออีก 1 ปี และต่อด้วยบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ที่ขึ้นมาเป็นปลัดกลาโหมคนใหม่ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้ ก็เป็นสายตรงของ 3 ป.โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร เป็นนายทหารสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ ที่มีอายุราชการถึง 2568 จะนั่งยาวถึง 3 ปี และดึงเพื่อนเตรียมทหาร 24 ขึ้นมาลงในตำแหน่งสำคัญในกลาโหม

ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังส่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ทีมตึกไทยคู่ฟ้ามาลงตำแหน่งหลักในกระทรวงกลาโหม

ทั้ง เสธ.พจน์ พล.ท.วรพจน์ ธนะธนิต ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ลงตำแหน่งหลัก เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร พล.ท.อภิชาติ ไชยะดา หัวหน้าสำนักงานประสานภารกิจทางทหาร กับกระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์ประสานภารกิจทางทหาร สำนักนโยบายและแผนกลาโหม มาเป็นเจ้ากรมการพลังงานทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร เสธ.นุ้ย พล.ต.ฐิตวัชร์ เสถียรทิพย์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC มาเป็นพลโท ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม

รวมทั้ง เสธ.เก๋ พล.ต.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงศ์ ผู้อำนวยการสานักการฝึก กรมยุทธการทหารบก ย้ายข้ามมากลาโหม เป็นพลโท หัวหน้าสำนักงานประสานภารกิจทางทหารกับ สมช. ศูนย์ประสานภารกิจทางทหาร สำนักนโยบายและแผนกลาโหม

โดยในช่วงกว่า 1 เดือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็ได้มานั่งทำงานที่กระทรวงกลาโหมตลอด โดยมีการสั่งปรับจุดนั้นจุดนี้ รวมทั้งเพิ่มสีเขียวในกลาโหมให้มากขึ้น โดยการนำกรุยทางต้นไม้มงคล ไม้ที่มีกลิ่นหอม มาตั้งตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะที่หน้าทางขึ้นห้องทำงาน รมว.กลาโหม

โดยมีบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นมือทำงานที่สำคัญในทุกเรื่องในกลาโหม ร่วมกับ พล.อ.สุชาติ หนองบัว เลขานุการ รมว.กลาโหม

 

แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหม สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ก็เป็นฝ่ายอำนวยการ ไม่ใช่หน่วยกำลังรบ

ดังนั้น กระแสข่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นการสะท้อนถึงระยะห่างของขั้วอำนาจ 3 ป.กับกองทัพบก ภายใต้การนำของ พล.เอ.ณรงค์พันธ์ โดยเฉพาะหลังการแต่งตั้งโยกย้าย 10 กันยายนที่ผ่านมา ที่ถูกมองว่าเป็นประหนึ่งการปฏิวัติเงียบ ยึดอำนาจกองทัพบกจากขั้วอำนาจ 3 ป. นั่นเอง

จึงส่งผลให้ 1 ปีนับจากนี้ กองทัพบกจะเข้มข้น จากการชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ระหว่างเพื่อน ตท.23 ด้วยกัน ทั้งบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ที่ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ทบ. น้องรักสายทหารเสือฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับบิ๊กโต ว่าที่ พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ที่ขึ้นจากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. แม้จะเป็นสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร แต่ทว่า ไม่ได้โฟกัสในจุดนี้

แต่โฟกัสกันที่ว่า ว่าที่ พล.อ.สุขสรรค์นั้นมีความสนิทสนม เป็นขั้วอำนาจของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และเป็นนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์คอแดง ที่มีความเด็ดขาดแบบขึ้นชื่อ

การวัดพลังของ 3 ป. กับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และกองหนุน อาจเกิดขึ้นอีกครั้งในสิงหาคม-กันยายน 2566 ที่ตอนนั้นสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้ง หรือจัดตั้งรัฐบาล อาจวุ่นวายพอดี

จึงทำให้กองทัพถูกจับตามองแบบไม่กะพริบตากันเลยทีเดียว