เผยแพร่ |
---|
เหตุปัจจัยอะไรทำให้ชัยชนะจากการเลือกตั้งที่จังหวัดร้อยเอ็ดจึงก่อให้เกิดความหวาดกลัว และกำลังส่งแรงสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
กระทั่ง เกิดคำถามและกลายเป็นบทสรุปที่อาจจะกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งก่อให้เกิด”รัฐประหาร”
ทำให้เสียงเตือน”ระวัง จะไม่ได้เลือกตั้ง”อันก้องกังวานมาจากปาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เพิ่มความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นแม้จะมาจากปัจจัยวันที่ 30 กันยายนก็ตาม
นั่นเนื่องจากกลุ่มกุมอำนาจกำลังดำรงอยู่บนสถานการณ์ที่มี ความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่จากสถานะทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากแต่แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพ้นวิกฤตเพราะคำวินิจฉัยในวันที่ 30 กันยายน สามารถ”ไปต่อ”ทางการเมืองได้ เส้นทางแห่ง”การไปต่อ”ก็ไม่แน่ว่าจะราบรื่น
ไม่เพียงเพราะผลสะเทือนจากคำสั่งเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมจะ
ดำเนินไปในลักษณะบั่นทอน หากแต่กระแสสูงของพรรคเพื่อไทย ก็ยังสร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างสูง
เหมือนที่เคยหวาดกลัวก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 เหมือนที่เคยหวาดกลัวก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
มาถึง ณ ห้วงเวลานี้ แม้กระทั่งคนของพรรคเพื่อไทยที่เคยออกมา ปรามมวลชนว่าอย่าได้เคลื่อนไหวอะไรรุนแรงเพราะอาจทำให้ไม่ได้เลือกตั้งก็ต้องย้อนกลับมาทบทวน
เนื่องจากคำเตือนจากพรรคเพื่อไทยก็แทบไม่แตกต่างไปจากคำเตือนจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
ในที่สุด แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวที่พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าอยู่ ในกรอบ ภายในกฎกติกาผ่านกระบวนการเลือกตั้งก็กลับกลายเป็นปัญหา เป็นปัญหาอันเนื่องจากชัยชนะ
เหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2548 เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยเคยได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
กลายเป็น”รัฐประหาร”อันมีพื้นฐานมาจาก”ความกลัว”
ความน่าสนใจอย่างยิ่งในสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันอยู่ที่เป็นสถานการณ์ซึ่งสังคมไทยได้รับบทเรียนมาแล้วอย่างอุดมสมบูรณ์
เป็นบทเรียนเมื่อประสบเข้ากับสถานการณ์”รัฐประหาร”
โดยพื้นฐานอย่างที่สุด คือ บทเรียนจากรัฐประหารเมื่อเดือน กันยายน 2549 และจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ถามว่าพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะ”เผชิญ”อย่างไร