ก่อน ‘ตัวตลก’ จะกลายเป็น ‘ผู้บัญชาการรบแห่งยูเครน’/กาแฟดำ สุทธิชัย หยุ่น

สุทธิชัย หยุ่น

กาแฟดำ

สุทธิชัย หยุ่น

 

ก่อน ‘ตัวตลก’ จะกลายเป็น

‘ผู้บัญชาการรบแห่งยูเครน’

 

เมื่อผมเขียนถึงชีวิตของวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียก่อนจะขึ้นมามีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จในรัสเซียมาหลายตอน…ก็ต้องเอามาเปรียบกับชีวิตก่อนจะมาถึงวันนี้ของวลาดีมีร์ เซนเลนสกี บ้าง

เพราะมากันคนละเส้นทางโดยสิ้นเชิง และต่างก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องมาทำสงครามกันอย่างดุเดือดจนเข้าสู่เดือนที่ 7 แล้ว

สองคนนี้เป็นคนละเรื่องคนละแนวกันจนกลายเป็นปรากฏการณ์เหลือเชื่อว่าทั้งสองคนจะมากลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่กำลังเผชิญหน้าจนสั่งสะเทือนไปทั่วโลก

ทำให้ผมมีความฝันว่าถ้าได้สัมภาษณ์ทั้งสองคน (พร้อมล่าม) พร้อมๆ กันตัวเป็นๆ จะต้องถือเป็นความท้าทายอันใหญ่หลวงที่สุด

ผมเชื่อว่าสื่อในโลกนี้ไม่น้อยคงจะคิดเหมือนผม

แต่ทุกคนรู้ว่ามันเป็นไปได้ยากยิ่ง

แค่หวังว่าจะได้เห็นปูตินกับเซเลนสกีเจอกันเพื่อเจรจาหาทางหยุดยิงชั่วคราวในยูเครนยังถือว่าเป็น “ความฝันลมๆ แล้งๆ” อยู่เลย

หนึ่งในหนังสือที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตของเซเลนสกีคือเล่มนี้ที่เพิ่งวางตลาดเมื่อเร็วๆ นี้

แม้จะเป็นงานเขียนค่อนข้างเร่งร้อนและแปลอย่างคร่าวๆ เป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็มีรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของ “ตัวตลกกลายเป็นวีรบุรุษสงคราม” ที่น่าสนใจไม่น้อย

ตอนหนึ่งของเบื้องหลังการตัดสินใจกระโดดเข้าการเมืองของเซเลนสกีเขียนไว้ว่า

ในวันส่งท้ายปีเก่าปี 2018 Volodymyr Zelenskyy “ขัดจังหวะการแสดงของตัวเอง” เพื่อประกาศทางโทรทัศน์แห่งชาติว่าเขาจะเป็นประธานาธิบดีของยูเครน

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นมุขตลกของนักแสดงที่ผู้คนชอบเพราะทำให้หัวเราะสนุกสนานเท่านั้น

ไม่มีใครเชื่อว่าตัวแสดงเป็นดาราในซีรีส์ฮิตทางทีวีเรื่อง Servant of the People (“ผู้รับใช้ประชาชน”)

ซึ่งเขารับบทเป็น “ครูสอนประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นประมุขของรัฐโดยไม่คาดคิด” จะเลิกพูดเล่นแล้ว

จะจริงจังกับการเปลี่ยนบทบาทของตัวเองแบบ 360 องศาเช่นนี้ได้

แต่เซเลนสกีไม่ได้ล้อเล่น

เขาได้ก่อตั้งพรรคการเมืองโดยใช้ชื่อ Servant of the People อย่างเงียบๆ มาก่อน

และแล้วประวัติศาสตร์ก็บันทึกไว้ว่าในเดือนเมษายน 2019 เขาได้รับชนะอย่างท่วมท้นจากเสียงประชาชน

ด้วยเสียงข้างมากในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของยูเครนถึง 73%

แน่นอน วันนี้เซเลนสกีเป็นชื่อที่คนทั้งโลกรู้จัก

และสำหรับคนที่ชื่นชมเขา เขาคือ “ประธานาธิบดีที่เป็นวีรบุรุษแห่งสงคราม”

บางคนเรียกเขาว่า “เชอร์ชิลล์แห่งยูเครน”

แปลว่าเซเลนสกีกำลังเล่นบทท้าทายหนักหน่วงที่ต้องแลกด้วยชีวิตเหมือนอดีตนายกฯ อังกฤษวินสตัน เชอร์ชิลล์ ตอนที่ต้องปกป้องอังกฤษอย่างสุดฤทธิ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

เพราะขณะนั้นทุกสัญญาณชี้ไปว่านาซีเยอรมนีของฮิตเลอร์กำลังจะถล่มทลายสหราชอาณาจักรให้พังพินาศเหมือนที่ทำกับฝรั่งเศสก่อนหน้านั้นไม่นาน

เชอร์ชิลล์ลุกขึ้นปลุกระดมประชาชนให้สู้ทุกหย่อมหญ้า

แม้ว่าโอกาสแพ้จะมีสูงยิ่งเพราะกองทัพเยอรมันขณะนั้นเหนือกว่าอังกฤษอยู่หลายขุม

แต่เชอร์ชิลล์ปักหลักยืนหยัดไม่ยอมแม้แต่จะพิจารณาเจรจาสงบศึกกับฮิตเลอร์

จนได้สหรัฐมาช่วยเผด็จศึกเยอรมนีสำเร็จท่ามกลางความหวาดหวั่นของผู้คนจำนวนไม่น้อย

 

หนังสือประวัติเซเลนสกีของ Serhii Rudenko เล่มนี้ต้องการจะ “ตีเหล็กตอนยังร้อน”

เพราะผู้คนสนใจที่มาที่ไปของเซเลนสกีกันอย่างล้นหลาม

แต่ก็ยอมรับว่ารายละเอียดหลายๆ ตอนนั้นสามารถจับภาพของการเปลี่ยนแปลงในตัวของเซเลนสกีอย่างน่าทึ่ง

จากคนที่ดูเหมือน “เรื่องตลกยุคใหม่” ที่แค่ต้องการเสนอความบันเทิงให้กับผู้คนเกิดอารมณ์สนุกสนานเท่านั้น

กลายเป็นปรากฏการณ์ David ใน พ.ศ.นี้ที่ยืนหยัดต่อสู้กับGoliath อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

แน่นอนว่ามีคนอีกจำนวนหนึ่งที่มองเขาเป็น “ตลกร้าย” ที่เป็นเครื่องมือของตะวันตก บังอาจท้าทายเพื่อนบ้านยักษ์อย่างรัสเซีย

ปูตินยืนยันเสมอมาว่ายูเครนไม่เคยมีความเป็น “รัฐ” ของตน หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโซเวียตมาตลอด

การที่ “เจ้าตัวตลก” รายนี้เสนอตัวจะเข้าเป็นสมาชิกนาโตก็ย่อมเท่ากับเป็นการสวามิภักดิ์ต่อสหรัฐเพื่อมาคุกคาม “เมืองแม่” ของตน

ในนัยหนึ่ง เขาก็ถูกมองเป็นผู้ทรยศ, ไร้หลักการ และ “ชักศึกเข้าบ้าน”

 

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เซเลนสกีเติบโตขึ้นมาที่เมือง Kryvyi Rih ของยูเครน

เมื่อสหภาพโซเวียตเริ่มพังทลาย ขณะที่ปูตินทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของ KGB ประจำเยอรมนีตะวันออก เซเลนสกียังเป็นหนุ่มที่มุ่งหาอาชีพในฐานะนักแสดงตัวเล็กๆ

มันเป็นช่วงเวลาที่ไร้ความแน่นอนและเต็มไปด้วยความรุนแรงบนท้องถนน

แก๊งและก๊วนต่างๆ ผุดขึ้นเต็มท้องถนนเพราะยูเครนที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตยังอยู่ในสภาพไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าสังคมจะไปทิศทางใด

เซเลนสกีไม่กลายเป็นหนุ่มร่วมก๊วนวัยรุ่นได้ก็คงเป็นเพราะคุณพ่อเป็นศาสตราจารย์ที่สอนวิทยาการคอมพิวเตอร์

และคุณแม่มีอาชีพเป็นวิศวกร

จะว่าไปแล้วครอบครัวเซเลนสกีก็ต้องถือว่าอยู่ในฐานะค่อนข้างดี มีสิทธิและรายได้พอที่จะซื้อบ้านในย่านที่อยู่ได้อย่างเป็นที่เป็นทาง

ตอนเป็นวัยรุ่น เซเลนสกีสนใจเล่นกีตาร์และเป็นแฟนเพลงร็อกอังกฤษ

มีอยู่ช่วงหนึ่ง เขาเล่นดนตรีในอุโมงค์ใต้ดินและกลับบ้านพร้อมกับกีตาร์ที่แตกหักเป็นชิ้นๆ

หนุ่มเซเลนสกีไม่ท้อและไม่ยอมแพ้

แทนที่จะคิดว่าตัวเองคงจะไร้ความสามารถทางด้านดนตรี เขากลับบอกเพื่อนอย่างค่อนข้างจะมั่นใจในตัวเอง…แต่ไม่ถึงขั้นอหังการ…ว่า

“ฉันเดาว่าเมือง Kryvyi Rih ยังไม่พร้อมสำหรับเรา”

 

เดาไม่ยากเช่นกันว่าเซเลนสกีในช่วงนั้นไม่ได้มีความสนใจเรื่องการบ้านการเมืองมากนักแม้ว่าสถานการณ์รอบๆ บ้านจะเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย

เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายและแตกกระจายออกเป็น 15 ประเทศที่ต่างคนต่างต้องเริ่มค้นหาตัวเองใหม่

เซเลนสกีดูจะติดอกติดใจกับการมีโอกาสได้ดูนักแสดงตลกแสดงมุขตลกเกี่ยวกับการเมืองอย่างเปิดเผย

นั่นได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเขาและเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสำรวจเรื่องตลกด้วยตัวเอง

เขาจึงมองการเมืองเป็นเรื่องตลก, เรื่องเสียดสี, ประชดประชันมากกว่าที่จะเป็นเส้นทางแห่งอาชีพในอนาคตสำหรับตัวเขาเอง

เมื่อต้องเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็สมัครเรียนกฎหมายที่ Kyiv National Economic University และสำเร็จการศึกษาในปี 2000

แต่นิติศาสตร์เป็นเพียงเรื่องการเรียนหนังสือเท่านั้น

ความมุ่งหวังในชีวิตคือการแสดงเรื่องตลก

เขาก่อตั้งขณะตลกชื่อ Kvartal 95 ในปี 2003

และสามปีต่อมา คณะนักแสดงตลกนี้ก็ได้เข้าสู่วงการโทรทัศน์และผลิตรายการทีวี

แต่แม่ของเซเลนสกีผิดหวังกับลูกที่ตัดสินใจเดินเส้นทางนี้

เธอต้องการเห็นลูกชายคนนี้เป็นทนายความมากกว่าจะเป็น “การ์ตูนตลก”

แต่เซเลนสกีไม่ถอย และคุณแม่ต้องยอมให้ลูกเดินตามเส้นทางนั้น

 

เขาต้องต่อสู้ดิ้นรนไม่น้อยก่อนที่จะสร้างชื่อให้ตัวเองในวงการบันเทิง

หลายปีก่อนที่ชื่อของเซเลนสกีจะเป็นที่รู้จักทั่วไป เซเลนสกีรับบทนักแสดงในหนังหลายเรื่อง

ซึ่งมักจะทำเป็นภาษารัสเซียเพราะสามารถเจาะตลาดในรัสเซียและประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายกว่า

ตามรายงานของ Forbes Ukraine ภายในปี 2021บริษัทของเขาก็เริ่มจะเติบโตได้อย่างมั่นคง

รายงานบอกว่าบริษัทนี้มีรายได้ถึง 15 ล้านดอลลาร์ต่อปี

พอกระโดดเข้าวงการ เซเลนสกีก็เรียนรู้ที่เล่นบทได้หลากหลาย

ไม่ว่าจะเป็นในบทนักแสดง โปรดิวเซอร์ นักเขียนและผู้กำกับ

ชื่อภาพยนตร์บางเรื่องของเขาก็จงใจให้สื่อถึงความคึกคะนองแห่งอารมณ์ขันไม่น้อย

เช่น ภาพยนตร์ปี 2018 เรื่อง “Me, You, He, She”, ภาพยนตร์เรื่อง “Love In Vegas” ปี 2014 และภาพยนตร์โทรทัศน์ที่ออกฉายในปี 2005 ชื่อ “The Three Musketeers”

พอปูตินตัดสินใจส่งทหารรัสเซียเข้าบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ “ตัวตลก” ก็ต้องเล่นบท “ผู้ปกป้องแผ่นดิน” ในชีวิตจริงอย่างเหลือเชื่อ

กลายเป็นตลกร้ายที่เจ้าตัวก็คงไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้แม้ถึงวันนี้