เงื่อนงำ อำพราง จากลำแขน ระอุ ไมตรี ของ เล้งโซ่วฮุ้น/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

เงื่อนงำ อำพราง

จากลำแขน ระอุ ไมตรี

ของ เล้งโซ่วฮุ้น

 

ณ เบื้องหน้าลี้คิมฮวงประกอบด้วยจอมยุทธ์หาญกล้ามากมาย แต่ที่มันต้องการท้าทายยังพุ่งเป้าไปยัง 3 คน

1 เป็นฉั้งฉิกเอี้ย 1 เป็นเตียตั้วเอี้ย 1 เป็นกงซุนม่อฮุ้น

สำนวนแปล น.นพรัตน์ ถอดสภาพภายใต้การท้าทายของลี้ชิ้มฮัวออกมาว่า มือสัมผัสเมฆและพวกทั้งสามกลับเยือกเย็นยิ่ง

ไม่ว่าลี้ชิ้มฮัวกล่าวเหน็บแนมอย่างไร คนทั้งสามยังคงไม่ได้ยิน

สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ถอดความต่อเนื่องว่า ความจริงแล้วในใจของทั้งสามต่างแค้นจนใคร่เหยียบลี้คิมฮวงให้ตายคาเท้าทันที

แต่เกียรติภูมิของมีดสั้น “เซี่ยวลี้ปวยตอ ไม่เคยพลาดเป้ามาก่อนเลย”

ลี้คิมฮวงมีมีดสั้นอยู่กับมือเมื่อใด ยังจะมีผู้ใดกล้าลงมือแตะต้อง เมื่อทั้งสามไม่เคลื่อนไหว คนอื่นย่อมยิ่งไม่กล้าวู่วามหุนหันแล้ว

บทบาทนี้จึงเป็นของ “เล้งโซ่วฮุ้น”

มีความจำเป็นต้องนำเอาท่าทีและการแสดงออกของเล้งโซ่วฮุ้นมานำเสนออย่างละเอียด เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์สำคัญอันมีลักษณะแบ่งยุคแบ่งสมัยอย่างทรงความหมาย

ทำให้ “ตัวตน” ความเป็น “เล้งโซ่วฮุ้น” เผยแสดงออกมา

ขอเริ่มจากสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ซึ่งนำร่องมาก่อน ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานและตึงเครียดแห่งการเผชิญหน้านั้น

เล้งโซ่วฮุ้นพลันกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“น้องเรา หรือจวบจนบัดนี้ท่านยังดูมิออก ท่านทั้งสามเพียงแต่ล้อเล่นกับน้องท่านเท่านั้น ไป ไป ไป พวกเรายังคงไปดื่มสุราขจัดความหนาวเย็นกันเถิด”

มันหัวร่อเสียงก้อง พลางเดินเข้ามา โอบไหล่ลี้คิมฮวงไว้

(เห็นเช่นนั้น) ลี้คิมฮวงหน้าเปลี่ยนสีทันที ร้องโพล่งขึ้น (จน) สุดเสียง “ตั้วกอท่าน” ลี้คิมฮวงคิดจะผลักเล้งโซ่วฮุ้นออกไป

แต่สายเกินไปแล้ว

 

ประสานเข้ากับสำนวนแปล น.นพรัตน์ เขาคิดผลักไสเล้งเซ่าฮุ้นออก แต่ก็สายเกินการณ์แล้ว ยามนั้นได้ยินเสียงดังหวืด

มือของฉั้งฉิกชักจากด้านหลัง

กระบองอ่อนที่ถักจากเส้นหวายผสมใยทองยาวสี่เชียะสองนิ้วด้ามหนึ่ง หวดใส่เท้าของลี้ชิ้มฮัว (รวดเร็ว) ราวอสรพิษร้าย

ในมือลี้ชิ้มฮัวเสียทีที่ถือมีดวิเศษของลี้น้อยซึ่งข่มขวัญผู้คนทั้งแผ่นดิน

แต่ร่างถูกข้อแขนแห่งน้ำใจไมตรีของเล้งเซ่าฮุ้นโอบไว้ มีดบินนี้ไหนเลยซัดออกไปได้

ได้ยินเสียงฉาด สองเท้าของลี้ชิ้มฮัวเจ็บปวดจนต้องคุกเข่าลง (ขณะนั้นเอง) มือสัมผัสเมฆฉวยโอกาสลงมือดุจสายลม

จี้สกัดจุดที่กลางหลังลี้ชิ้มฮัว 17 แห่ง

เตี่ยเจี่ยหงีตวัดเท้าเตะจนลี้ชิ้มฮัวกลิ้งกระเด็นไป 2 วา

เล้งเซ่าฮุ้นกระโดดปราดขึ้น ขู่คำรามว่า “พวกท่านไหนเลยลงมือเช่นนี้ได้ รีบปล่อยเขา” ในเสียงคำรามร่างโถมเข้าหาลี้ชิ้มฮัว

เป็นการโถมหาที่แทบไม่มี “ความหมาย” อะไรเลย

 

การโถมเข้าหาของเล้งโซ่วฮุ้นจึงเป็นการโถมเข้ามาอย่างแฝงไว้ด้วยเงื่อนงำ เนื่องจากเป็นการโถมเข้าหาพร้อมกับเสียงหัวร่อดังก้อง ตรงเข้าไปโอบไหล่

ผลก็คือ ใบหน้าของลี้คิมฮวงเปลี่ยนสีอุทานออกมาว่า “ตั้วกอท่าน”

อย่าได้แปลกใจหากการโถมเข้าหาในตอนหลังของเล้งโซ่วฮุ้น การแค่นเสียงอันเย็นชาจากเตียเตี้ยอั้ว

“ปล่อยเสือง่ายดาย คร่าเสือยากเย็น ไม่อาจปล่อยมันเด็ดขาด”

ตามด้วยเสียงจากฉั้งฉิก “เล้งซี่เอี้ย ต้องล่วงเกินแล้ว”

กงซุนม่อฮุ้นถลันกายเข้าขวางหน้าเล้งโซ่วฮุ้นไว้ เล้งโซ่วฮุ้นต่อยฉาดทั้งสองมือ แต่กระบองหวายผสมใยทองของฉั้งฉิกเข้าใส่เท้าของมันแล้ว กระบองทองพอสะบัดเล้งโซ่วฮุ้นไหนเลยยังจะยืนหยัดอยู่

เตียเตี้ยอั้วไม่รอให้เล้งโซ่วฮุ้นทรงกาย จี้เข้าใส่จุดสำคัญที่ชายโครงมันก่อนแล้ว เล้งโซ่วฮุ้นคุกเข่าลงกับพื้นร้องเสียงแหบเครือ

“เตียตั้วกอ ท่าน ไฉนทำดังนี้”

“เราสองแม้มีไมตรีจนร่วมสาบานแต่คุณธรรมของวงพวกนักเลงกลับมีความสำคัญกว่าน้ำใจของเฮียตี๋ หวังว่าท่านใคร่ครวญเหตุผลนี้ได้กระจ่าง อย่าแสหาความลำบากเพราะตัวเลวร้ายของบู๊ลิ้มผู้นี้เลย

ท่านยอมรับแทนมัน แต่ภรรยาของท่านเล่า บุตรของท่านเล่า หรือท่านจะอำมหิตพอไปเห็นพวกนั้นพลอยรับกรรมไปกับท่านด้วย”

เล้งโซ่วฮุ้นสะท้านขึ้นเฮือกใหญ่ ตัวสั่นระริกทันที

 

ท่าทีของเล้งโซ่วฮุ้นในสภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานแห่งการเผชิญหน้าครั้งนี้น่าศึกษาและน่าทำความเข้าใจอย่างเป็นพิเศษ

แม้มันจะยืนยันความเป็น “เฮียตี๋” ร่วมสาบานไม่ขาดปาก

แต่ความแหลมคมอย่างยิ่งมันไม่เพียงแต่เป็นเฮียตี๋ร่วมสาบานกับลี้คิมฮวงเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเฮียตี๋ร่วมสาบานกับเตียเตี้ยอั้ว

เตียเตี้ยอั้วผู้คำหนึ่งก็คุณธรรม คำหนึ่งก็วงพวกนักเลง

ถามว่าหากเล้งโซ่วฮุ้นไม่ยกเอากัปปิยโวหาร “ท่านทั้งหลายเพียงแต่ล้อเล่นกับน้องท่านเท่านั้น ไป ไป พวกเรายังคงไปดื่มสุราขจัดความหนาวเย็นกันเถิด”

มันหัวร่อเสียงก้อง พลางเดินเข้ามาโอบไหล่ลี้คิมฮวงไว้

สถานการณ์อย่างที่ “โกวเล้ง” ระบุผ่านการถอดความของ ว. ณ เมืองลุง ที่ว่า ขณะเวลานั้นเองเสียงขวับดังสนั่น

มือที่ไพล่หลังของฉั้งฉิกมีกระบองอ่อนอันถักจากหวายและใยทองยาว 4 เชียะ 2 นิ้ว พุ่งใส่เท้าของลี้คิมฮวงดุจอสรพิษร้าย เสียงฉาดดังสนั่น เท้าทั้งสองของลี้คิมฮวงปวดแปลบจนต้องคุกเข่าลงไป

กงซุนม่อฮุ้นลงมือดังสายฟ้า จี้จุดสำคัญที่กลางหลังถึง 7 แห่งในพริบตา

เตียเตี้ยอั้วตามอีกเท้าหนึ่ง เตะจนลี้คิมฮวงกระเด็นไกลออกไป 4 วา

สถานการณ์ในตอนนี้แม้ว่าจะมีรายละเอียดบางอย่างแตกต่างกันระหว่างสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง กับ น.นพรัตน์ ปรากฏอยู่บ้าง

แต่ที่ตรงกันอย่างน่าสนใจอยู่ตรงย่อหน้าสำคัญ

สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ระบุว่า ในมือลี้คิมฮวงเสียทีที่มีดสั้น เซี่ยวลี้ปวยตอ ซึ่งเป็นเอกในแผ่นดิน โดยผู้คนเมื่อเห็นต้องขวัญหนีดีฝ่อ แต่ร่างถูกลำแขนอันระอุด้วยไมตรีของเล้งโซ่วฮุ้นโอบไว้ มีดสั้นนี้ไหนเลยยังจะซัดออกไปได้

สำนวนแปล น.นพรัตน์ ระบุว่า ในมือลี้ชิ้มฮัวเสียทีที่ถือมีดวิเศษของลี้น้อยที่ข่มขวัญผู้คนทั้งแผ่นดิน แต่ร่างถูกข้อแขนแห่งน้ำใจไมตรีของเล้งเซ่าฮุ้นโอบไว้ มีดบินนี้ไหนเลยซัดออกไปได้

โปรดสังเกตตรง “ลำแขนอันระอุด้วยไมตรี” (สำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง)

โปรดสังเกตตรง “ข้อแขนแห่งน้ำใจไมตรี” (สำนวนแปล น.นพรัตน์)

ทั้งหมดนี้ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า แท้จริงแล้วเป้าหมายของเล้งโซ่วฮุ้นที่หัวร่อแล้วเดินเข้าไปยกมือโอบไหล่น้องร่วมน้ำสาบานต้องการอะไร

เพราะนี่ก็คือ “ลำแขนอันระอุด้วยไมตรี”

เพราะนี่ก็คือ การเข้าไปตรึงให้สถานะรุกในรับของลี้คิมฮวงพลันแปรเปลี่ยนกลายเป็นรับในรับอย่างเต็มพิกัด

นั่นย่อมเป็นโอกาสอันงดงามของ 3 จอมยุทธ์อันได้รับเชิญจากเล้งโซ่วฮุ้น

 

ถามว่าการเคลื่อนไหวอย่างแฝงเงื่อนงำของเล้งโซ่วฮุ้นเช่นนี้คนมากประสบการณ์ระดับลี้คิมฮวงอ่านออกแทงทะลุหรือไม่

อ่านออก

อ่านออกตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามาในตึกเมฆเรืองโรจน์เห็นบรรดาจอมยุทธ์ทั้งหลายบนโต๊ะสุรา เห็นสายสัมพันธ์อันมากด้วยเงื่อนงำระหว่างลิ่มเซียนยี้กับลิ่มซีอิม

เพียงแต่มันคือลี้คิมฮวงที่พร้อมจะเผชิญกับทุกสถานการณ์