ในวังวน ‘กับดัก’ กระบวนการ ‘ลี้คิมฮวง’ เดินเข้าสู่ ‘กับดัก’/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

ในวังวน ‘กับดัก’

กระบวนการ ‘ลี้คิมฮวง’

เดินเข้าสู่ ‘กับดัก’

 

เพียงการปรากฏขึ้นของ “หมัดเทพยดาหน้าหยก” (เง็กมิ้นซิ่งคุ้ง) ฉิ้งเล่าเอี้ยจื้อ พร้อมกับความยโสโอหัง ณ เบื้องหน้าลี้คิมฮวง

ก็ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งแล้ว

นี่ยังเป็นการรอคอยการมาของ “หน้าเหล็กไม่ลำเอียง” (ทิมิ่นบ้อซือ) เตียเจียหงี อันมากด้วยบารมีและความน่าเชื่ออีกเล่า

ยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างสูง

ขณะเดียวกัน จากวงสุราแห่ง “หมู่ตึกเมฆเรืองโรจน์” (เฮงฮุ้นจึ้ง) ยังได้ให้รายละเอียดของ “โจรดอกเหมย” อย่างพิสดาร

“โจรดอกเหมยปรากฏขึ้นในยุทธจักรใหม่”

คำถามสำคัญต่อลี้คิมฮวงยังเป็น “น้องเราทราบหรือไม่ว่าตอนนี้โจรดอกเหมยอยู่ที่ใด คนผู้นี้ร่องรอยลึกลับจริงๆ แต่เราทราบว่าตอนนี้มันต้องอยู่ในเมืองป้อเตี่ย มิหนำซ้ำ ไม่แน่ว่าอยู่ละแวกใกล้เคียงกับบ้านของพวกเรา”

คำพูดของเล้งโซ่วฮุ้นพอกล่าว ทั้งหมดล้วนหดคอราวกับนัดแนะกันไว้ เตาผิงที่ลุกโชนคล้ายไม่อาจต้านทานความหนาวเย็นจากเบื้องนอกได้

แล้วการเคลื่อนไหวของ “โจรดอกเหมย” ก็มาถึง “หมู่ตึกเมฆเรืองโรจน์”

ยิ่งฟังคำบอกเล่าของเล้งโซ่วฮุ้นยิ่งเร้าใจ ยิ่งติดตามการเคลื่อนไหวของ “โจรดอกเหมย” ยิ่งสะท้อนให้เห็นลักษณะอันสลับซับซ้อน

นั่นเพราะมันคือผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด

“เมื่อคืนก่อน ตั่วกงจื้อ (บุตรชายคนโต) ของฉิ้งเฮ้างี้ ฉิ้งซากอ (พี่ที่สามแซ่ฉิ้ง) ก็รับบาดเจ็บในเงื้อมมือมันเอง มันลงมือที่สวนหลังของพวกเรา ในดงเหมยหน้าตึกน้อยหอมเย็น (แนเฮียงเซี่ยวต๊ก) น้องเราอาจยังไม่ทราบ

โจรดอกเหมยเพียงทำร้ายผู้คนคืนละหนึ่งคน มิหนำซ้ำจะไม่ลงมือก่อนยามสาม

นิสัยการฆ่าของมันคล้ายกับการดื่มสุราของผู้คนบางคน มิเพียงตรงเวลา มิหนำซ้ำ มีปริมาณที่แน่นอน

แม้เมื่อคืนนี้จะสงบสุขไร้เรื่องราว มันจะช้าจะเร็วย่อมต้องรุดมา

เป้าหมายของมันทั้งไม่ได้อยู่ที่ฉิ้งเต้ง และไม่ได้อยู่ที่เรา (เล้งโซ่วฮุ้น) เป้าหมายของมันอยู่ที่ ลิ้มเซียนยี้”

“ลิ้มเซียนยี้ นางเป็นผู้ใด”

 

คําถามเหมือนกับออกจากปากของลี้คิมฮวง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแทบจะออกจากทุกผู้นามที่ติดเรื่องราวของโจรดอกเหมย

ยังจำเป็นต้องฟังคำบอกเล่าของเล้งโซ่วฮุ้นเป็นด้านหลัก

“น้องเรา หากท่านไม่รู้จักลิ้มเซียนยี้ เกรงว่าชราแล้ว หากแม้นเป็นเมื่อ 10 กว่าปีก่อนท่านสมควรรู้จักชื่อ ลิ้มเซียนยี้ ยิ่งกว่าผู้ใด

นางมิเพียงเป็นหญิงงามนางหนึ่ง

มิหนำซ้ำยังได้รับการยอมรับว่า เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งบู๊ลิ้ม ในยุทธจักรไม่ทราบมีวีรบุรุษผู้กล้ามากน้อยเท่าใดที่ลุ่มหลงรักใคร่นาง”

พูดพลางชี้มือไปยังชาวยุทธจักรรอบข้าง

“ท่านเข้าใจว่าคนเหล่านี้มาเพราะเห็นแก่หน้าเราเล้งสี่เอี้ยหรือ หากมิใช่ลิ้มเซียนยี้พักอยู่ที่นี้ต่อให้เราจัดโต๊ะสุราเลิศรสทุกเมื่อเชื่อวันพวกเขาก็ไม่แน่ว่ายินยอมย่างกรายมา”

นั่นย่อมเป็นสำนวนแปล น.นพรัตน์ ขณะที่ ว. ณ เมืองลุง

“ท่านเข้าใจว่าพวกเหล่านี้ต่างมาเพราะให้เกียรติข้าพเจ้าเล้งสี่ หากมิใช่ลิ่มเซียนยี้ก็อยู่ที่นี่ ต่อให้ข้าพเจ้าตั้งโต๊ะหูฉลามทุกวันพวกเหล่านี้ก็มิแน่จะยอมให้เกียรติมาดอก”

เป็นอันว่า “ลิ่มเซียนยี้” ก็พำนักอยู่ ณ คฤหาสน์แห่งนี้

 

น้องท่านยังมิทราบ โกวเนี้ยท่านนี้มิเพียงสะคราญปานเทพธิดาเท่านั้น ยังมีปณิธานอันเข้มแข็งอีกด้วย

นางไม่ยินยอมแต่งให้กับผู้ใดทั้งสิ้น

แต่ประกาศแก่แผ่นดิน มิว่าผู้ใดเพียงสามารถกำจัดบ้วยฮวยเต๋าได้แม้นับว่าคนผู้นั้นเป็นเฒ่าที่ทั้งหน้าลายทั้งขาเป๋ก็จะวิวาห์เป็นสามีนางได้

เนื่องเพราะสาเหตุนี้เองบ้วยฮวยเต๋าจึงตั้งใจจะกำจัดนางให้ได้

เป็นเช่นนี้จริงๆ เมื่อค่ำวันก่อนที่บ๊วยฮวยเต๋าไปตึกแนเฮียงเซียงต๊กก็เพื่อต้องการหานาง นึกมิถึงพอดีฉิ่นต๋งก็อยู่ที่นั่น

จึงกลายเป็นปีศาจตายแทนนางไป

แนเฮียงเซียงต๊กเงียบเหงามานานปี ตอนนี้มีลิ่มโกวเนี้ยอยู่ที่นั่นคิดว่าต้องครึกครื้นขึ้นมากแล้ว ดึกดื่นค่อนคืนถึงกับยังมีกงจื้อมากมายไปเตร็ดเตร่อยู่ภายนอกอีก

แนเฮียงเซียงต๊กเป็นที่อยู่ดั้งเดิมของน้องท่าน

แนเฮียงเซียงต๊กมีโอกาสได้รับความพอใจจากโฉมสะคราญนับเป็นเกียรติที่พึงภาคภูมิมากแล้ว หากหมู่ไม้ใบหญ้า แผ่นพื้นพสุธามีชีวิต ก็น่ากลัวต้องลิงโลดยินดีสุดเปรียบประมาณ

คำถามก็คือ ลิ่มเซียนยี้มีความสัมพันธ์อันใดกับเล้งโซ่วฮุ้น

 

เป็นลิ่มซีอิมไปนมัสการพระที่วัดโพวท้อแล้วรู้จักนาง 2 คนพอพบเห็นก็ถูกชะตากัน สาบานเป็นเจ้ม่วยเช่นเดียวกับเล้งโซ่วฮุ้นกับลี้คิมฮวง

อย่าได้แปลกใจหากบิดาของนาง คือ ก้วงแก ที่นอกประตูใหญ่

อย่าได้แปลกใจหาก “เฉียบขาดไม่ลำเอียง” (ทิมิ่นบ้อไซ) เตี้ยเจี้ยอั้ว ออกไปข้างนอกก็เป็นการไปเสาะหาผู้ช่วยเหลือมาพิทักษ์นาง

แท้จริงแล้ว เตี้ยเล่าตั้ว นอกจากต้องการพิทักษ์นางแล้ว

ยังคิดฉวยโอกาสอันดีนี้กำจัดบ๊วยฮวยเต๋า เพราะอย่าว่าแต่ตระกูลใหญ่ในบู๊ลิ้มตงง้วนจะร่วมกันบริจาคทรัพย์สินเป็นจำนวนมากให้แก่ผู้พิฆาตบ๊วยฮวยเต๋า เงินจำนวนมหาศาลนั้นตอนนี้อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเล้ง

หากแม้นเกิดความเสียหาย น่ากลัวยากจะมีผู้ใดรับผิดชอบไว้ได้

ทั้งหมดนี้จึงเข้าไปอยู่ในคลัง “ข้อมูล” ของลี้คิมฮวงครบถ้วน ไม่ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างลิ่มซีอิมกับลิ่มเซียนยี้ ไม่ว่าภาระที่เล้งโซ่วฮุ้นจักต้องแบกรับ

จึงถึงเวลาที่ลี้คิมฮวงจักต้องออกสำรวจแม้จะใกล้ยามสามเป็นอย่างยิ่งก็ตาม

 

ดอกเหมยที่สวนหลังยังคงอยู่คล้ายกับบานสะพรั่งกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนอีก แต่คนในสวนเล่า ต่อให้คนรักษาธาตุทระนงเช่นดอกเหมยไหนเลยทนทานรับการกัดกร่อนของกาลเวลาได้

ดอกไม้โรยราแล้ว ยังเบ่งบานได้อีก แต่คนเล่า

วัยหนุ่มสาวของคน พอเลือนลับ ยังมีผู้ใดสามารถเหนี่ยวรั้งคืนกลับได้

ยืนสงบกับที่มองดูแสงโคมจุดหนึ่งบนหอห่างออกไป เมื่อ 10 ปีก่อนหอน้อยหลังนี้ความจริงเป็นของมัน

คนในหอน้อยความจริงก็เป็นของมัน

แต่ตอนนี้ ทุกประการล้วนผ่านเลยไปพร้อมกับวัยหนุ่มสาว ไม่มีวันเหนี่ยวรั้งกลับคืนมาอีก สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้

ก็มีแต่ความคะนึงหา ก็มีแต่ความอ้างว้าง

ความคะนึงหาแม้พาให้ขมขื่น แต่หากไม่คะนึงหาเกรงว่ามันจะไม่สามารถมีชีวิตสืบไป พอเดินผ่านสะพานน้อยอันสุมคลุมด้วยหิมะก็เป็นดงเหมย

ภายในดงเหมยปรากฏ “หอน้อย” โผล่พ้นออกมา

นี่เป็นสถานที่ซึ่งมันเคยใช้ 1 เป็นที่เรียนหนังสือ ฝึกฝนตำรา 1 ฝึกกระบี่ หอน้อยหลังนี้หันหาหอน้อยอีกหลังหนึ่งห่างออกไป

เมื่อหิมะหยุดตก ขอเพียงผลักเปิดหน้าต่างออก

“โกวเล้ง” ระบุว่า มันก็จะมองเห็นประกายอันมากนักของโฉมสะคราญมากน้ำใจในหอน้อยด้านตรงข้ามจับจ้องมองมา

แต่กล่าวสำหรับ “ลี้ชิ้มฮัว” ในตอนนี้เล่า

“รักถึงคราลึกซึ้งเปลี่ยนเป็นจืดจาง” คำนึงพร้อมกับทอดถอนหายใจยาว สลัดเกล็ดหิมะตามร่างกาย เดินขึ้นสู่สะพานน้อย เหยียบย่ำหิมะซึ่งกองอยู่บนสะพาน เหยียบย่ำจนสลาย

หารู้ไม่ว่ากำลังเดินเข้าสู่อีก “กับดัก” ซึ่งวางรออยู่อย่างเยือกเย็น