สงครามโลกครั้งที่ 3 อาจไม่ได้อยู่แต่ในนวนิยาย/กาแฟดำ สุทธิชัย หยุ่น

สุทธิชัย หยุ่น

กาแฟดำ

สุทธิชัย หยุ่น

 

สงครามโลกครั้งที่ 3

อาจไม่ได้อยู่แต่ในนวนิยาย

 

เมื่อได้อ่านหนังสือว่าด้วยหนทางที่จะหลีกเลี่ยงสงครามระหว่างสหรัฐกับจีนของอดีตนายกฯ ออสเตรเลีย เควิน รัดด์ แล้วก็ต้องบอกว่ามีหนังสือที่ทำนายเรื่อง “สงครามโลกครั้งที่ 3” หลายเล่มที่ควรจะได้อ่านเช่นกัน

ไม่ใช่อ่านเพื่อเตรียมตั้งรับสงครามมหาประลัย

แต่อ่านเพื่อเตือนสติบรรดาผู้นำโลกว่าจะต้องทำอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามครั้งใหม่ที่จะมีผลทำลายล้างโลกทั้งใบแน่นอน

หนังสือว่าด้วยความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่ผมได้อ่านนั้นส่วนใหญ่เป็น “นวนิยาย”

แต่เป็นนวนิยายที่อยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์ของคนที่อยู่ในแวดวงทางทหารของสหรัฐและที่มีความเข้าใจแนวคิดแบบยุทธศาสตร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย

เล่มแรกชื่อ 2023 World War III โดย Carl Berryman

นิยายเรื่องนี้ตั้งสมมุติฐานว่าหากสาธารณรัฐประชาชนจีนตัดสินใจเปิดศึกนอกบ้าน จะเกิดอะไรขึ้น

หนังสือเล่มนี้นำเสนอเหตุผลทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจของจีนที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดสงครามระดับโลกได้

ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับจีนพูดถึงการเตรียมการทางทหาร และยุทธศาสตร์ที่พร้อมจะรับกับภัยพิบัติที่มาในรูปของสงคราม

และย้ำว่าที่ปักกิ่งกล้ารุกคืบถึงขั้นทำสงครามระดับโลกก็เพราะประเมินแล้วว่าโลกตะวันตกขาดการเตรียมทางการเมืองและการทหาร

นิยายเรื่องนี้ลำดับเหตุการณ์ที่ทำให้จีนมีความฮึกเหิมที่จะขยับต่อประเทศเพื่อนบ้านก่อน

และนำไปสู่การยั่วยุให้ประเทศยักษ์ใหญ่ทางตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ตัดสินใจเข้าร่วมป้องกันประเทศที่จีนคุกคาม

เรื่องราวในนิยายนี้เหมือนเป็นเครื่องเตือนสติว่าการที่จะป้องกันการระเบิดขึ้นของสงครามโลกครั้งที่สามคือการที่ยอมรับว่า “ทุกฉากทัศน์แห่งความหายนะระดับโลกด้วยเป็นไปได้ทั้งสิ้น”

คนเขียนย้ำว่าวิธีเดียวที่จะป้องกันสงครามโลกครั้งที่สามคือการวางแผนป้องกันไว้ตั้งแต่บัดนี้

เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์เดินหน้าไปอย่างที่เห็นเป็นแนวโน้มอยู่ขณะนี้ ก็อาจจะไม่สามารถป้องกันการเกิดสงครามครั้งใหญ่ที่จะทำลายมนุษยชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คนเขียนนิยายเรื่องนี้คือ Carl Berryman ได้รับปริญญาตรีทางด้านสัตววิทยา และ D.VM ปริญญาจากมหาวิทยาลัยมิสซูรี

หลังจากฝึกเวชศาสตร์รักษาสัตว์ขนาดใหญ่ในมอนทานา เขาก็เข้าร่วมกองทัพสหรัฐ

และเข้าไปร่วมรบในสงครามเวียดนาม และได้รับคำสั่งให้ไปร่วมสงครามถึง 13 ทัวร์ในกว่า 22 ปี

เขาเกษียณในตำแหน่งผู้พัน

ระหว่างนั้น เขาได้รับปริญญาโทด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา โดยเน้นที่โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนและโรคติดเชื้อ

สำเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาด้านพยาธิวิทยาทางสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัย Texas A&M ในสองปี

Carl เป็นอดีตนักการทูตใน American College of Veterinary Preventative Medicine

หน้าที่งานการที่ได้รับมอบหมายรวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยนิวเคลียร์ ชีวภาพ และอาวุธเคมีในเกาหลี

และยังได้เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยบัญชาการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ที่ Fort Detrick, MD

หนังสือว่าด้วยสงครามโลกครั้งที่สามอีกเล่มหนึ่งคือนวนิยายเรื่อง

“2034 : นวนิยายแห่งสงครามโลกครั้งที่สาม”

โดยผู้เขียนทั้งสองย้ำว่าสงครามมหาประลัยครั้งต่อไปจะไม่มีอะไรเหมือนกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองเลยแม้แต่น้อย

จึงเป็นเครื่องเตือนใจว่าสหรัฐจะต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การสู้รบที่รุนแรงและทำลายล้างกว้างขวางชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษย์

นิยายเรื่องนี้เสนอให้เห็นว่าหากนักยุทธศาสตร์ทางทหารของตะวันตกยังติดยึดอยู่กับรูปแบบและยุทธการของสงครามสองครั้งที่ผ่านมา ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้

และความพ่ายแพ้ครั้งหน้านี้จะเป็นความหายนะที่คาดไม่ถึงอีกเช่นกัน

คนเขียนคือทหารเกษียณอายุ พลเรือเอก James Stavridis ที่จับมือกับนักประพันธ์นิยายวิทยาศาสตร์ Elliot Ackerman เพื่อได้ทั้งภูมิความรู้ด้านการวางแผนรบและความเก่งกาจสามารถในการเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์หรือ sci-fi ที่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงของผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ทางทหารอย่างช่ำชอง

ทั้งสองร่วมมือกันเขียน “2034 : A Novel of the Next World War” ที่สรุปว่าเป็นเสมือน

“หนังระทึกขวัญทางภูมิศาสตร์การเมืองที่แท้จริงซึ่งจินตนาการถึงการปะทะกันทางเรือระหว่างสหรัฐและจีนในทะเลจีนใต้ในปี 2034 และเส้นทางจากที่นั่นไปสู่เพลิงมหาประลัยที่จะล้างผลาญทั้งโลกอย่างน่าสยดสยอง”

 

ผมจำได้ว่าได้อ่านบทวิเคราะห์ที่ทั้งสองตีพิมพ์ op-ed ใน The Washington Post ในหัวข้อ “The Next World War Won’t Be Anything Like the Last”

สารที่ต้องการสื่อคือ “สงครามโลกครั้งหน้าจะไม่เหมือนสงครามโลกครั้งที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย…”

ไฉนจึงเป็นเช่นนั้น?

“หากคุณเชื่อว่าสงครามในอนาคตจะดำเนินการเหมือนในอดีต ซึ่งวัดกันด้วยจำนวนเรือรบ เครื่องบิน และรถถังของสหรัฐซึ่งเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แล้ว สหรัฐก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่น่าอิจฉา” Stavridis และ Ackerman เขียน

“แต่โลกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยอันตราย อีกทั้งในการทำสงครามนั้น สิ่งที่เคยเกิดมาก่อนมักไม่ค่อยเกิดขึ้นซ้ำอีก”

นักเขียนคู่นี้ชี้ให้เห็นว่า ขณะที่สหรัฐยังคงครองอำนาจในแง่ของจำนวนและพลังทำลายของเรือบรรทุกเครื่องบิน แต่ความจริงก็คือว่า

การทำสงครามแบบเดิมนั้น “กำลังล้าสมัยและถูกท้าทายด้วยภัยคุกคามใต้ทะเล”

สงครามใหญ่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะถูกครอบงำโดยโดรนและเทคโนโลยีทางการทหาร “ที่มีความเป็นอิสระสูงและไร้คนขับโดยสิ้นเชิง”

ยิ่งกว่านั้น มันจะเป็นสงครามในโลกไซเบอร์

มีหลักฐานชัดเจนจากการแฮ็ก SolarWinds Cyber Attack ล่าสุดที่สามารถเจาะหาข้อมูลลับของหน่วยงานสำคัญๆ ของสหรัฐได้อย่างน่ากลัว

และนั่นคือส่วนหนึ่งที่จะมีบทบาทในการทำสงครามในอนาคตเช่นกัน

 

ไม่เพียงแต่อาวุธยุทโธปกรณ์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

เรื่องของความต้องการบุคลากรทางการสู้รบก็จะเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆ มิติ

หนังสือเล่มนี้ชี้ว่าประเทศที่จะเตรียมทำสงครามระดับโลกครั้งหน้าจะต้องมีวิธีการคัดเลือก ฝึกฝน และจ้างคนที่มีความคิดเหมือนเป็น “หน่วยรบพิเศษในยุคดิจิตอล”

นั่นคือการเสาะหาบุคลากรทั้งชายและหญิงที่มีความสามารถชั้นยอด

โดยไม่ต้องมีจำนวนมากเหมือนทุกวันนี้

แต่ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถผสมผสานภารกิจเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงโดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ

ผู้เขียนสรุปว่า “เราต้องตระหนักว่าระบบอาวุธหลักในอนาคตส่วนใหญ่จะไม่มีคนควบคุมและมักจะเป็นอิสระ และด้วยศักยภาพสมัยใหม่เหล่านี้ นักรบยุคใหม่ก็จะสามารถสร้างระบบอาวุธที่ออกแบบมาสำหรับตั้งรับกับความขัดแย้งที่เรารออยู่ข้างหน้า…ในรูปแบบต่างๆ ที่ยังไม่อาจจะพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำวันนี้”

 

นิยาย 2034 : A Novel of the Next World War” ได้รับการยกย่องจากนักรบคนสำคัญของสหรัฐคือนายยพลเกษียณและอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เจมส์ แมตทิส ซึ่งแนะนำให้ผู้รับผิดชอบต่อโลกอนาคตทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อปรับความทัศนคติให้ตรงกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นใน “สมรภูมิวันข้างหน้า”

นายพลแมตทิสเขียนเชิงแนะนำหนังสือเล่มนี้ตอนหนึ่งว่า

“การทำสงครามกับจีนเป็นสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดที่เราและโลกต้องเผชิญ ไม่มีวิธีการเชิงกลยุทธ์ที่มีอยู่วันนี้สามารถใช้จัดการบริหารความขัดแย้งของเรากับประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆ…”

อดีตนายทหารคนสำคัญของอเมริกาคนนี้บอกว่านวนิยาย “อันสุขุมเยือกเย็น” ของ Jim Stavridis และ Elliot Ackerman นำเสนอความผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากชุดการคำนวณผิดที่สมจริงซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย

และย้ำว่านิยายเชิงวิทยาศาสตร์นี้เป็นเครื่องเตือนสติสำหรับทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน

แต่ต้องมอง “ภาพจำลองแห่งสงครามโลกครั้งหน้า” เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่โลกจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้

เพราะถ้าพลาดเท่ากับการสิ้นสูญของโครงสร้างโลกทุกวันนี้อย่างแน่นอน