ทางรอดอยู่ในครัว : แสงวิบวับกับไข่เจียวหมูสับแน่นๆ / ครัวอยู่ที่ใจ : อุรุดา โควินท์

ครัวอยู่ที่ใจ

อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: แสงวิบวับกับไข่เจียวหมูสับแน่นๆ

 

ฉันบอกตัวเอง ต้องมีบ้าง บางวัน หรือหลายวันต่อสัปดาห์ ที่ฉันผ่อนปรนให้ตัวเอง ฉันเคยเป็นคนที่เคร่งครัดกับตัวเองและเป้าหมาย แต่แล้วฉันก็พบว่า มันตึงเกินไป หากจะทำทุกอย่างตามที่ตัวเองคิด หรือวางแผนไว้

ฉันเป็นมนุษย์ มีวันอ่อนล้า มีวันเสียใจ มนุษย์เกิดมาพร้อมกับข้อจำกัด ส่วนความสามารถเป็นสิ่งที่มนุษย์ไขว่คว้าและสร้างขึ้น แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ความสามารถและสติปัญญาจะทำให้มนุษย์ทะลุข้อจำกัดทั้งมวล

ถ้าเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ วันนี้ย่อมเพลีย คือข้อจำกัดของร่างกาย

ถามว่าทำไมไม่นอนให้หลับ ก็เพราะมีข่าวร้าย สูญเสียเพื่อนคนหนึ่งไป-ตลอดกาล ความเศร้าทำให้คิดวนเวียนเกี่ยวกับเพื่อน พยายามอย่างไรก็นอนไม่หลับ -นี่คือข้อจำกัดของจิตใจ

ฉันอยากแข็งแรงกว่านี้ ฉันอยากใจแข็งกว่านี้ แต่แท้จริง ฉันเป็นมนุษย์เพศหญิงที่บางคืนก็ร้องไห้จนไม่ได้นอน และตื่นขึ้นมาโดยไร้เรี่ยวแรง

ฉันยอมรับข้อจำกัด ทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่ค่อยมีแรง เราต้องถนอมร่าง ถ้ายังหม่นเศร้า นั่นยิ่งต้องมองให้ชัด

 

เอาล่ะ ควรออกไปข้างนอกสักหน่อย ขับรถไปด้วยกันเรื่อยๆ ให้ท้าวฮุ่งได้ดูเมืองเชียงราย ตรงไหนพอจะพาท้าวฮุ่งลงเดินเล่นได้ เราก็จอด

เชียงรายเงียบลงมาก แต่ก็ยังมีร้านเล็กๆ น่ารักๆ เปิดใหม่ ทั้งมีร้านเปี่ยมคุณภาพที่สามารถรักษาลูกค้าอย่างเหนียวแน่น และพออยู่ได้

“แวะกินอะไรมั้ย” เขาถาม

“ได้เหรอ” ฉันลูบหัวฮุ่ง ฮุ่งเป็นหมาพลังงานสูง เจอคนใหม่ๆ เจอเพื่อนหมา ฮุ่งจะทำให้เราวายป่วงได้ง่ายๆ

เขาหัวเราะ “หมายถึง ซื้อแล้วมานั่งกินบนรถ”

อืม ก็เข้าท่านะ “กาแฟเย็น เป็นต้น”

“เราไม่ได้ซื้อกาแฟนานแค่ไหน จำได้มั้ย” เขาถาม

เราชงกาแฟดื่มเอง ทั้งร้อนและเย็น เราจะซื้อกาแฟก็ต่อเมื่อเดินทาง ซึ่งน่าจะสามเดือนได้แล้ว

“เราประหยัดขนาดนั้นเลย” ฉันจ้องตาเขา

“ใช่”

ฉันแน่ใจว่าทุกคนเป็นเหมือนเรา รัดเข็มขัด และรัดมันให้แน่นขึ้นอีก ขณะเดียวกัน ตั้งหลังให้ตรง มองไปข้างหน้า มองให้เห็นแสงสว่าง จ้องมันไว้ และบอกตัวเองว่า จะไปให้ถึง

ใช่ ด้วยสองมือ สองเท้าของสามัญชนนี่ล่ะ

อย่างกับว่า ฉันเห็นแสงวิบวับอยู่ตรงหน้า

ฮุ่งเอาจมูกมาดุนคอฉัน… เย็น และเปียก

ฉันหันไปมอง สบตามัน แปลกที่หมารับรู้ความรู้สึกของฉัน

กระทั่งความรู้สึกละเอียดอ่อนเช่นยามนี้

 

“กลับไปกินกาแฟบ้านเรา กลับไปกินข้าวบ้านเรา” ฉันบอกเขา “เราไม่ต้องประหยัดขนาดนั้น แต่ข้าวบ้านเราอร่อยแน่” ยิ้ม “ส่วนอเมริกาโนเย็น กินที่ชงเองจนชิน กลายเป็นว่าซื้อกินจืดมาก”

“อยากกินไข่เจียวหมูสับมาหลายวันแล้วนะ” เขาบอก

โอ้โห มันง่ายมาก และไม่มีใครทำไข่เจียวหมูสับได้ถูกใจเรา เราไม่ชอบเลย ไข่เจียวหมูสับอมน้ำมัน มีหมูนิดเดียว แถมยังจืดชืด

ให้เขาพาฮุ่งเข้าบ้าน ส่วนฉันเดินเข้าครัว เราจะกินไข่เจียวหมูสับกับผัดแตงกวา แล้วเอาน้ำพริกคั่วทรายมากินด้วย

 

ไข่เจียวหมูสับของฉันนั้น หมูต้องแน่นหนา ไข่น้อยๆ เพราะถ้าไข่เยอะ โอกาสอมน้ำมันสูงมาก

ฉันใส่รากผักชี กระเทียมพริกไทยตำด้วย มันทำให้ไข่เจียวหมูสับพิเศษขึ้นมาก ปรุงรสด้วยเกลือ กับน้ำปลา และใส่ต้นหอมซอยนิดหน่อย

ตั้งกระทะ น้ำมันไม่ต้องมากจนท่วม พอน้ำมันร้อน ก็เทไข่ลงไป ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน หมูเยอะ ไข่เจียวจะหนาและสุกยาก เราต้องให้เวลากับไฟ

ด้านหนึ่งสุกแล้ว ก็พลิกทอดอีกด้าน พอสุกทั้งสองด้าน ค่อยเร่งไฟแรงไล่น้ำมันสักหนึ่งนาที

ตักใส่กระชอน แล้วซับน้ำมันอีกที แค่นี้ก็ได้ไข่เจียวหมูสับอร่อยๆ

อีกจานเป็นผัดแตงกวาใส่ไข่ ซึ่งก็ง่ายมาก และไม่ต้องแคร์ว่าแตงกวาจะสุกมั้ย แตงกวากินดิบได้ ให้ไข่สุกก็พอ

น้ำมันน้อยที่สุด พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่กระเทียมลงไป ตามด้วยไข่ คนให้ไข่สุก แล้วเร่งไฟแรง ใส่แตงกวาหั่นชิ้นหนาๆ ลงกระทะ ตามด้วยเกลือ น้ำมันหอย น้ำตาลนิดหน่อย ปรุงแค่พอมีรส ไม่ต้องเข้มข้น อันที่จริง สำหรับฉัน นี่คือการกินแตงกวาในอีกเวอร์ชั่น

ตักใส่จาน แล้วเอาต้นหอมหั่นท่อนโรยหน้า

“เห็นมั้ย เรามีกับข้าวสองอย่างเลย” ฉันบอกเขา

 

“ไม่เหนื่อยใช่มั้ย นอนน้อยน่ะเมื่อคืน”

“แค่นี้ ดีดนิ้วสองทีก็เสร็จ” ฉันบอกเขา แต่ความจริงก็คือ ฉันยังเพลียอยู่มาก และมันไม่ใช่การดีดนิ้วหรอก เตรียม เก็บ ล้าง ใช้พลังงานและเวลา แต่ดูเหมือนว่า ฉันมีใจและมีแรงขึ้นบ้าง คงได้มาจากการขับรถรอบเชียงราย จากจมูกเย็นๆ ของฮุ่ง และจากบทสนทนาบทรถของเรา

เขามองอาหารบนโต๊ะ ยิ้ม “จะว่าไป นี่คืออาหารที่อยากกินที่สุดตอนนี้นะ”

“งั้นก็…กินเสร็จ ขออเมริกาโน่เย็นให้แม่ครัวด้วยนะคะ แม่ครัวจะแปลงร่างเป็นนักเขียนล่ะ กลางคืนค่อยเป็น Soaper”

เขาหัวเราะ “หลายตำแหน่งจริงๆ คนอะไรเนี่ย” •