ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 พฤษภาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความต่างประเทศ
ในวันที่ ‘เกาหลีเหนือ’
ถูกจู่โจมจากโควิด-19
เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเกาหลีเหนือ หลังจากประกาศชัยชนะมาตลอด 2 ปีกว่า ว่าไม่มีคนในประเทศป่วยจากโรคโควิด-19 เลย “แม้แต่คนเดียว” ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่จากขั้วโลกที่แสนจะหนาวเหน็บ มีรายงานทั้งผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเดินหน้าฉีดวัคซีนกันไปจนถึงเข็มกระตุ้นแล้ว จนหลายแห่งเริ่มเปิดประเทศกันบ้างแล้ว
กระทั่งเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางการเกาหลีเหนือออกมาประกาศว่า พบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจำนวนหนึ่ง และประกาศภาวะฉุกเฉินอย่างเข้มข้นที่สุดของประเทศ
ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เกาหลีเหนือได้ปิดชายแดน ปิดประเทศทั้งหมด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเข้าสู่ประเทศ เป็นการปกป้องประชาชน 26 ล้านคนจากไวรัสร้าย ขณะที่ทั่วโลกมีผู้คนล้มหายตายจากจากโควิด-19 นับล้านคน
จนเกาหลีเหนือได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเดียวที่ยังไม่พบผู้ป่วยโควิด-19
ในวันที่เกาหลีเหนือออกมายอมรับว่า เริ่มพบผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลขึ้นมาว่า อาจจะทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมในประเทศเกาหลีเหนือ ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขย่ำแย่ที่สุดในโลก ประชาชนที่อยู่กันอย่างลำบากยากจน กินอยู่อย่างอัตคัด
ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฉีดวัคซีน หรือยารักษาโรค หรือแม้แต่หน้ากากอนามัย ที่จะสามารถส่งถึงมือประชาชนได้
แม้ว่าเชื้อโอมิครอนดูจะไม่รุนแรงสำหรับชาวโลก เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ ได้รับวัคซีนโควิด-19 กันไปบ้างแล้ว
แต่สำหรับเกาหลีเหนือนั้น “ไม่ใช่” เพราะฉะนั้น สายพันธุ์โอมิครอนไม่ใช่เรื่องเด็กสำหรับเกาหลีเหนืออย่างแน่นอน
การออกแถลงการณ์ที่ดูมีความคลุมเครือ บอกแค่ว่าประชาชนมีอาการไข้หวัดกันจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยิ่งสร้างความกังวลให้กับผู้คนที่ได้รับทราบข่าวว่า อาจจะมีความสูญเสียอย่างหนักเกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ
คิม ซน กน ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยเกาหลี ในกรุงโซล ของเกาหลีใต้ บอกว่า ที่เกาหลีเหนือบอกว่าผู้คนส่วนใหญ่มีอาการไข้นั้น เชื่อว่าเป็นผู้ป่วยโควิด-19 นั่นเอง และว่า เกาหลีเหนือเองมีชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวนจำกัด
โดยตัวเลขจากองค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า เกาหลีเหนือมีการตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ในประเทศ นับตั้งแต่เกิดการระบาด เพียงแค่ 64,200 รายเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยนิดมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลีใต้ มีการตรวจหาเชื้อในประชาชนไปแล้วราว 172 ล้านครั้ง
รายงานข่าวระบุว่า การระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีเหนือนั้น น่าจะเชื่อมโยงกับการจัดงานสวนสนามครั้งใหญ่ในเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผานมา ที่คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ใช้เป็นเวทีในการพูดถึงเรื่องของอาวุธนิวเคลียร์ต่อหน้าชาวเกาหลีเหนือและทหารเกาหลีเหนือหลายหมื่นคน
โดยเชื้อโอมิครอนอาจจะเข้าไปในเกาหลีเหนือผ่านทางชายแดนตอนเหนือของประเทศที่ติดกับประเทศจีน หลังจากที่มีการเปิดเส้นทางเดินรถไฟเชื่อมระหว่างจีนกับเกาหลีเหนืออีกครั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากชายแดนระหว่างสองประเทศปิดไปนานตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในจีน
ศาสตราจารย์คิมบอกว่า การระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีเหนือ อาจจะเลวร้ายอย่างมาก เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 เลย และยังขาดซึ่งยารักษาและอุปกรณ์การแพทย์ ทำให้ไม่มีภูมิในการคุ้มกันโรค เหล่านี้อาจจะทำให้เกาหลีเหนือต้องเจอกับการเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมาก และอัตราการติดเชื้อที่เลวร้ายที่สุดในโลก หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภายนอกประเทศ
จุง แจ ฮุน ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยแกชอน ในเกาหลีเหนือบอกว่า ในหลายประเทศประเทศทั่วโลก เชื้อโอมิครอนไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก และไม่ได้ทำให้มีผู้ป่วยอาการหนักหรือเสียชีวิตมากกว่าสายพันธุ์ก่อนๆ ทั้งนี้เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว และมียาต้านไวรัสโควิด-19 ใช้รักษาผู้ป่วยแล้ว ทำให้ยอดป่วยหรือยอดผู้เสียชีวิตไม่มากเหมือนสายพันธุ์ก่อนหน้านี้
แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่มีอยู่ในเกาหลีเหนือ!!
ศาสตราจารย์จุงบอกว่า เรากำลังพูดกันถึงอัตราการเสียชีวิตจากโอมิครอนในเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ที่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ แต่ตัวเลขนี้จะสูงขึ้นกว่านี้อีกมากใน “เกาหลีเหนือ” อาจจะขึ้นไปสูงถึง 1 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือ หากมีคนป่วย 100 คน จะมีคนเสียชีวิต 1 คน
ตอนนี้ สิ่งที่เกาหลีเหนือทำได้คือ การประกาศ “ล็อกดาวน์” แล้วทั่วประเทศ ห้ามการเดินทางทั้งหมด หากแต่ดูเหมือนจะมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่า เกาหลีเหนืออาจจะกำลังพยายามที่จะอยู่กับไวรัสนี้ให้ได้ เหมือนกับที่หลายประเทศกำลังเริ่มในตอนนี้
โดยตอนนี้ คิม จอง อึน ยังคงสั่งให้เจ้าหน้าที่เดินหน้าการก่อสร้าง การทำเกษตรกรรม และโครงการอื่นๆ ของทางการต่อไป แถมยังมีการทดสอบการยิงขีปนาวุธอีก
เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เกาหลีเหนือก็ยังเดินหน้าทดสอบอาวุธของตัวเองต่อไป
ฮง มิน นักวิเคราะห์จากสถาบันรวมชาติ ของเกาหลีใต้ บอกว่า เกาหลีเหนือตอบสนองต่อการระบาดของโรค ด้วยการกักตัวคนที่มีอาการออกจากคนทั่วไป เพราะไม่มีทรัพยากรที่มากพอสำหรับการประกาศล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นเหมือนกับในประเทศจีน ที่ประกาศปิดเมืองทั้งเมือง แล้วให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักของตัวเอง ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องใช้ทั้งเงินและทรัพยากรต่างๆ จำนวนมาก แน่นอนว่า เกาหลีเหนือไม่มีมีกำลังขนาดนั้น
ฮงบอกว่า การระบาดครั้งนี้ได้แต่หวังว่า เกาหลีเหนือจะยอมเปิดรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เพื่อช่วยชีวิตของประชาชนชาวเกาหลีเหนือเอาไว้
ขณะที่เกาหลีเหนือตอนนี้มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว!!