‘หมอปลา’ กับชีวิตที่ไม่คิดอะไรมาก นอกจาก ‘ตื่นเช้ามาก็ต้องช่วยคน’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

‘หมอปลา’

กับชีวิตที่ไม่คิดอะไรมาก

นอกจาก ‘ตื่นเช้ามาก็ต้องช่วยคน’

 

“ชีวิตผมไม่มีเทศกาลกับเขา ปีใหม่ สงกรานต์ ไม่มีเดินทางไปเที่ยวหรืออะไรทั้งสิ้น” จิรพันธ์ เพชรขาว หรือที่เราๆ มักคุ้นในชื่อ ‘หมอปลา’ บอก

ก่อนเสริม ที่เขา ‘มี’ ก็แค่ “ตื่นเช้ามาก็ต้องช่วยคน แค่นี้แหละ”

“เพราะชีวิตผมจะให้กับคนที่เดือดร้อน ผมอยู่ไม่เกินร้อยปี เอาตรงๆ มันสั้นแป๊บเดียวนะ ไม่กี่หมื่นวันก็หมดแล้ว ก็พยายามหาอะไรที่สามารถทำได้”

ไม่ว่าจะเป็นการปราบผี ช่วยคนโดนคุณไสย รวมไปถึงเรียกร้องให้ผู้ที่เดือดร้อนจากความอยุติธรรม การแผ่อำนาจของผู้มีอิทธิพล

“บางคนบอกทำดีไม่เห็นได้ดี แต่ทำชั่วได้ดีมีถมไป ผมบอกตัวเองว่าทำดีได้ดีแน่นอน ดีตอนไหน ดีตอนที่เราตายน่ะ ผมทำดีไม่เกิน 100 ปี แต่ชีวิตหลังความตายของผม ผมต้องรับกุศลที่ทำความดีอีกเป็น 1,000 ปี ถึงแม้มันอาจจะอยู่อีกโลกหนึ่ง แต่ผมว่ามันคุ้มนะ”

ขณะที่พวกทำชั่วได้ดี ที่ก็ต้องเจออีกด้าน เขาแนะให้ทุกคนถามตัวเองดู ว่าคุ้มไหม?

ด้วยความเชื่อเช่นนี้ หมอปลาจึงบอก ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เขาทำจะต้องไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้น แม้บางเรื่องจะถูกต้อง แต่อาจไม่ถูกใจใครหลายคน ก็ไม่เป็นไร เพราะดราม่าที่เกิด ทัวร์ที่มาลง เขาไม่ได้สนใจ

“สิ่งที่ทำเรา เรากำลังช่วยเหลือคน ถึงแม้มันจะขัดกับสิ่งที่คนเหล่านั้นเขาศรัทธา ก็ช่างมันปะไร”

ที่ผ่านมาการช่วยของหมอปลาไม่มีการเรียกรับเงิน เรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องควักเอง เขาก็ว่าไม่ได้เป็นปัญหา

“ผมเคยบอกเมีย ว่าทำอะไรก็แล้วแต่ อย่าไปหวังคำขอบคุณ หวังแค่ว่าเขาออกไปแล้ว เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวเขา ตรงนั้นมันดีกว่า”

ที่ ‘หวังน้อย’ – ‘ปล่อยวาง’ ได้ขนาดนี้ เจ้าของฉายามือปราบสัมภเวสี ให้เหตุผลว่า คงเพราะเคยผ่านชีวิตที่เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ จึงทำให้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต

“ผมเกิดมายากจน ที่บ้านมีลูก 6 คน ผมเป็นคนเดียวที่ได้เรียนสูงสุด ปริญญาตรี ก็หวังว่าเรียนจบจะเอาเงินเดือนมาจุนเจือครอบครัว”

หากก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง

เพราะเขาก็เริ่มป่วย ปวดหัว และเจอสิ่งที่เป็นความเชื่อส่วนตัวคือผี ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ เมื่อเรียนจบก็ยิ่งเป็นหนัก ยิ่งเจอ

“จะไปทำงาน ก็ล้มป่วย เข้าโรงพยาบาลตลอด เป็นแบบนี้จนเขาตีหน้าว่าเป็นภาระครอบครัว คือชาวบ้านไม่เข้าใจ”

“ชีวิตเหมือนโดนดูถูกดูแคลน หาว่าเป็นโรคจิต เป็นเอดส์ แล้วเจอแต่ผี ไม่มีใครที่จะช่วยได้ ผมอยู่จุดที่มีความทุกข์ แต่วันนี้ผมกลายมาเป็นคนบรรเทาทุกข์เหล่านั้น ทำให้ชีวิตผมเป็นแบบนี้ไง”

ผีตามความเชื่อที่เขาเห็น หมอปลาใช้คำว่า ‘ตอนแจ่มๆ ที่เจอ’ คืออายุ 23-24 ปี ซึ่งตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช่ เพราะมาในภาพที่ไม่ได้สยดสยอง เพียงแต่พอเดินไปหาใกล้ๆ สิ่งที่เห็นก็หายไป

ถามว่ากลัวไหม?

“กลัวมาก” คือคำตอบที่มาแบบทันควัน

ทั้งยังบอกตามตรง “ถ้าย้อนเวลาได้ ผมก็ไม่อยากเป็นมือปราบสัมภเวสี”

“เพราะทุกวันนี้เราไม่เหมือนตัวเราเลย ไปไหนไม่ได้ ต้องรับผิดชอบหลายเรื่องมาก จนบางครั้งเมียร้องไห้ พี่ไม่คิดจะพักผ่อนบ้างเหรอ เราบอก พักไม่ได้ สิ่งที่เราพักผ่อน มันทำให้ครอบครัวอื่นหมดลมหายใจ ทำไงได้ล่ะ”

เรื่องวิชาความรู้ที่นำมาปราบ หมอปลาก็ว่าไม่ได้ร่ำเรียนมาจากไหน เพราะแม้ตาของเขาซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว จะเป็นหมอไสยศาสตร์ แต่เขาก็ไม่เคยรับถ่ายทอดวิชา

“ถึงเวลามันเป็นไปของมันเอง”

“ช่วงที่ป่วยหนัก หาทางออกไม่เจอ ผมก็ฝึกนั่งสมาธิ เลยสัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาช่วยคน”

“มันมาแบบนี้”

 

ส่วนการเลือกว่าจะช่วยเคสไหน ยังไง เขาก็ว่า ดูจากความไม่เห็นแก่ตัวเป็นหลัก

เล่าด้วยว่า เคยมีเคสที่เขาฟังรายละเอียดแล้ว ก็แจ้งให้เดินทางมาหา เพราะการจะช่วยให้สำเร็จต้องใช้เวลานานเป็นเดือน แต่กลับได้รับคำตอบว่า มาไม่ได้ ไม่มีเวลา แถมยังบอกด้วยว่าที่หมอปลาไม่สนใจ ไม่ไปรักษาให้ถึงที่ เพราะเขาเป็นคนไม่มีชื่อเสียง ทำแล้วไม่เป็นข่าวใช่ไหม

ขณะเดียวกันก็มีบางเคสออกแนวดูถูก ประเภท “เอาเท่าไหร่ เดี๋ยวโอนให้”

ซึ่งบอกเลย “จบ ไม่ไป”

นอกจากเรื่องวิญญาณ หลายครั้งเขายังไปช่วยจัดการเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ยุติธรรม ซึ่งความจริงเรื่องเหล่านี้เขาก็ทำมานาน แต่เป็นข่าวในระยะหลัง การไปลุยโดยมีคู่กรณีเป็น ‘คนเป็น’ อย่างนั้น หมอปลาก็ว่า “ไม่กลัวตายไง”

“ถามว่าผมมีมือปืนเดินตามไหม ไม่มี เอาไปทำไม เราไม่ได้ไปหาเรื่องเขา แต่เราไปหาความเป็นธรรม”

“มันเกินไปแล้ว ที่ชีวิตเราจะกลัว สิ่งที่ผมกลัววันนี้ กลัวอะไรรู้ไหม ผมกลัวคนดี กลัวมาก แต่ผู้มีอิทธิพลผมไม่กลัว เพราะส่วนใหญ่ก็คือคนเหี้-ทั้งนั้น เหี้-เสร็จมีเงิน มีอำนาจ ถามว่าคนดีมีเงิน เขาจะสร้างอิทธิพลไหม เขาไม่สร้างอิทธิพล แต่เขาสร้างบารมี”

“แล้วผมบอกแฟนว่าอะไรรู้ไหม ผมบอก ถ้าผมตายปุ๊บ เผาเลย ไม่ต้องสวด เพราะผมไม่เชื่อเรื่องพิธีกรรม ผมเชื่อเรื่องกระทำ ประเทศไทยถ้าทุกคนเชื่อเรื่องของพฤติกรรมจะกลัวบาปกันมาก”

 

ในเมื่อออกไปช่วยคนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายไม่ได้หยุดอย่างนี้ แล้วเอาเงินที่ไหนมาใช้?

“เมียรวย” คือคำตอบที่เขาให้

“แล้วผมบอกนะ ว่าการช่วยเหลือคนมันไม่ได้ใช้เงินเยอะขนาดนั้น”

รวมทั้งเขายังปลูกผัก ปลูกหญ้า ปลูกพริกไว้เป็นหมื่นต้น ไว้ใช้ทั้งเลี้ยงคนและหารายได้

“อีกอย่างที่ไม่ลำบากมาก เพราะบางคนเอาน้ำปลา กะปิ เอาเนื้อสัตว์มาให้ เราก็ทำไป”

ขณะเดียวกันช่องยูทูบที่เขาทำยังสร้างรายได้ให้เช่นกัน

ถามไปว่าจากสถานะของคนที่ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน สถานะของคนที่มีชื่อเสียง มีคนชวนไปทำงานการเมืองไหม

“มีครับ” เขารับตรงๆ

“แต่ไม่เล่น การเมืองเป็นสิ่งที่ผมเกลียด”

“ปาหี่ทั้งนั้น”