พลัง ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’ ไม่ ‘bood’ Our ‘มิลลิ’ is good But Government is ‘บูด’/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

พลัง ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’

ไม่ ‘bood’

Our ‘มิลลิ’ is good

But Government is ‘บูด’

 

สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็นศิลปินเดี่ยวชาวไทยคนแรกบนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก “Coachella 2022” เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สำหรับ “มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล” แร็ปเปอร์สาวน้อยสุดปังของยุค ผู้พา “ข้าวเหนียวมะม่วง” ของไทย ขึ้นไปประกาศศักดาความอร่อยสู่สายตาชาวโลกให้โด่งดังได้อีกครั้ง

การขึ้นแสดงบนเวที Coachella ของมิลลิ ไปในฐานะศิลปินภายใต้สังกัด 88rising ที่ตั้งขึ้นมาโปรโมตศิลปินเอเชีย สร้างความปลาบปลื้มและได้รับคำชื่นชมจากคนไทยเป็นอย่างมาก ดันแฮชแท็ก #MILLILiveatCoachella ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของไทย ในฐานะ “ศิลปินไทยคนแรก” และ “คนไทยคนที่ 2” ที่ได้ขึ้นเวทีนี้ต่อจาก “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” สมาชิกชาวไทยที่เคยไปในนามวง BLACKPINK เมื่อปี 2019

มิลลิใช้เวลาทำการแสดงบนเวที Coachella นาน 6 นาที และเป็น 6 นาทีที่เธอได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มที่ เริ่มต้นการแสดงด้วยการไหว้ย่อ บอกผู้ชมว่าเธอเป็นคนไทย ก่อนจะโชว์เพลง Mirror Mirror และแร็ปเล่าเรื่องราวในประเทศไทยผ่านความจริงที่แฝงไปด้วยความตลกร้าย

อาทิ “คนไทย ไม่ได้ขี่ช้าง”, “บ้านฉันมีทั้งรถไฟลอยฟ้าและใต้ดิน”, “เสาไฟกินรี ต้นละแสน” หรือจะเป็น “รถไฟสมัย ร.5 ที่ใช้มาแล้ว 120 ปี”

แต่ที่เด็ดโดนใจคนดูที่สุดก็ต้องยกให้ท่อนที่ร้องว่า “ประเทศคือดี ประชาชนดี อาหารก็ดี แต่รัฐบาลคือบูด”

ก่อนจะปิดท้ายโชว์ด้วยการกินข้าวเหนียวมะม่วงแล้วลงจากเวทีไปอย่างคูลๆ

จุดนี้นี่เองที่ทำให้มิลลิยิ่งได้รับเสียงชื่นชมมากขึ้น ข้าวเหนียวมะม่วงเพียงถ้วยเดียวบนเวที Coachella สร้างปรากฏการณ์ให้เมนูข้าวเหนียวมะม่วงในบ้านเรา ขายดีจนขึ้นท็อปออร์เดอร์ไลน์แมน ยอดสั่งซื้อสูงเป็นประวัติการณ์ โตกว่า 3.5 เท่าภายใน 24 ชั่วโมงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ

และที่สำคัญยังช่วยให้เกษตรกรที่ส่งออกมะม่วงกลับมาขายได้อย่างคึกคักอีกครั้ง

 

หากจะบอกว่าเอฟเฟ็กต์จากข้าวเหนียวมะม่วงของมิลลิ ทำให้พ่อค้าแม่ขายขนมหวานตลอดจนเกษตรกลับมาลืมตาอ้าปากได้เพียงชั่วข้ามวันก็คงจะไม่เกินจริง ยอดสั่งซื้อเมนูขนมหวานในตอนนี้ยังไหลไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับงานข้าวเหนียวมะม่วงที่รัฐบาลเคยทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่ทำแต่กลับล่มไม่เป็นท่า

แต่มิลลิก็ไม่วายโดน “คนบางกลุ่ม” ตามแซะว่าการกินข้าวเหนียวมะม่วงบนเวทีของมิลลินั้นไม่มีมารยาท บ้างก็ว่าเป็นขบวนการเพื่อขึ้นไปดิสเครดิตประเทศตัวเอง

ทว่า กระแสเสียงของสังคมส่วนใหญ่กลับเป็นเสียงแห่งการชื่นชม ทั้งในโลกออนไลน์ คนในวงการบันเทิง รวมถึงแวดวงการเมือง ออกมาชื่นชมการนำเอาซอฟต์พาวเวอร์ของบ้านเราไปแสดงสู่สายตาชาวโลกได้อย่างยอดเยี่ยม อาทิ

“ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม” เจ้าพ่อผู้จัดงานบิ๊กเมาน์เท่น ได้โพสต์แสดงความเห็น หลังได้รับชมการแสดงของมิลลิ ระบุว่า

“นี่แหละ Soft Power ของจริง จากฝีมือจริงๆ โชว์พาร์ตของมิลลิ ใน Coachella ดีมาก ดีแบบที่เราร่วมภูมิใจกับเธอได้เลย เธอยังคงเป็นตัวเอง แคแร็กเตอร์ขี้เล่นแต่เก่งทุกอย่างทั้งร้อง เต้น แร็ป ได้โชว์หมด ในเวลาแค่ไม่กี่นาที แถมยังชวนคนมากินข้าวเหนียวมะม่วงที่เมืองไทยอีกด้วย”

“ช่วงที่ประทับใจที่สุดก็คือท่อนที่แร็ปเรื่องความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ชาวต่างชาติทั่วไปเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทย แล้วตะโกนปิดท้ายลั่นเวทีว่า และที่สำคัญนะ กูไม่ได้ขี่ช้างโว้ย ประโยคนี้อาจตะโกนบอกคนทั้งโลกว่าประเทศไทยมีอะไรมากกว่าที่ทุกคนรู้ และอาจจะตะโกนบอกบางคนที่ชอบพูดคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ๆ บ่อยๆ ว่า ถ้าสนับสนุนไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แค่ไม่ต้องขัดขวาง พวกเราไปกันเองได้ เพราะ กูไม่ได้ขี่ช้างโว้ย”

“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานพรรคไทยสร้างไทย ทวีตข้อความระบุ “การแสดงของน้องมิลลิสุดยอดมาก แม่ตามดูจาก #MILLILiveatCoachella ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของมิลลิอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นยังสะท้อนพลังคนรุ่นใหม่ ที่เดินทางตามความฝันจากความชอบของตัวเอง กล้าที่จะออกแสดงความเป็นตัวเอง นี่คืออีกตัวอย่างศิลปินที่ควรได้รับการสนับสนุน”

หรือแม้แต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับข้อความระบุว่า “MILLI aka Thailand’s closest hope for soft power! – มิลลิ คือ ความหวังที่จะสร้างซอฟต์พาวเวอร์ที่ใกล้ที่สุดของไทย”

 

หนึ่งคนที่ถูกถามถึงว่าจะออกมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างไร หนีไม่พ้น “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เพราะหากยังจำกันได้ กรกฎาคม ปี 2564 มิลลิเคยถูกแจ้งความจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาล โดย “นายอภิวัฒน์ ขันทอง” ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเหตุให้สังคมพากันติดแฮชแท็ก #Saveมิลลิ จนขึ้นอันดับหนึ่งเทรนด์ทวิตเตอร์ พร้อมวิจารณ์ พล.อ. ประยุทธ์อย่างดุเดือด ในการใช้กฎหมายรังแกเด็ก

และหนึ่งสิ่งที่สังคมอยากรู้คือ รัฐบาลชุดนี้จะโหนกระแสความสำเร็จของมิลลิในครั้งนี้อย่างไร?

และก็เป็นไปอย่างที่หลายคนคาด เมื่อ “นายธนกร วังบุญคงชนะ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์มีนโยบายต่อเนื่องในการสนับสนุน Soft Power และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก พร้อมแนะนำหน่วยงานรัฐทำงานร่วมกับภาคเอกชน สนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรม ครอบคลุมทั้งผู้ผลิต ศิลปิน บุคลากรเบื้องหลัง เพื่อผลักดันให้ Soft Power เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

พร้อมชื่นชมความสำเร็จล่าสุดของศิลปินและเยาวชนไทยทุกแขนง รวมไปถึงทีมงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยทั้งภาพยนตร์และดนตรีที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมไทยสู่สากล

ส่งเสริม Soft Power ของไทย ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ทั้ง “ลิซ่า-ลลิษา” และ “แบมแบม-กันต์พิมุกต์” ศิลปินเกาหลีสัญชาติไทยที่มีการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทยผ่านผลงานของตนเอง รวมทั้งยังมีศิลปินนักดนตรีอิสระของไทยหลายคนที่เป็นที่ชื่นชมและได้รับความสนใจในต่างประเทศ

สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งส่งเสริมวัฒนธรรม 5 F ที่เป็น Soft Power ของไทยให้กลายเป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรมสำคัญของไทย ได้แก่ 1) อาหาร (Food) 2) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3) การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) 4) ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และ 5) เทศกาลประเพณีไทย (Festival)

นายธนกรกล่าวอีกว่า นายกฯ เชื่อมั่นว่าด้วยเอกลักษณ์-วัฒนธรรมไทย ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นรากฐานที่เป็นทุนทางวัฒนธรรม สะท้อนผ่านอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม บันเทิง เพลง ภาพยนตร์ และสถานที่ท่องเที่ยว กลายเป็น Soft Power ไทยที่เป็นที่รู้จักและได้รับการชื่นชมจากคนทั่วโลก

เมื่อผนวกกับพลังและศักยภาพอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย การสนับสนุนของภาครัฐจะเป็นการสร้างโอกาสและช่องทางใหม่ๆ ผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และ Soft Power กลายเป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรมสำคัญของไทย นำรายได้เข้าประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ก่อนที่ “น.ส.จิราพร สินธุไพร” ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย จะออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่าเคลมความสำเร็จของมิลลิ พร้อมทั้งบอกที่ผ่านมากฎระเบียบและงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันนโยบายนี้ถูกจำกัด ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เกิด Soft Power ที่สามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศได้ ทั้งที่ประเทศไทยมี Soft Power ที่หลากหลายและได้รับการยอมรับจากคนไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้นหลายครั้งรัฐบาลยังมีท่าทีขัดขวางและกดทับความคิดประชาชน ไม่ได้สร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

“หลายปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มองไม่เห็นและทำไม่เป็น ทำให้โอกาสในการสร้าง Soft Power ให้มีพลังหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย แต่หากศึกษานโยบายของไทยรักไทยดูแล้วยังทำไม่เป็น ก็ขอเพียงอย่าขัดขวาง เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่ก็พอ” น.ส.จิราพรกล่าว

พลัง Soft Power จากอิทธิฤทธิ์ข้าวเหนียวมะม่วงในครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกิดจากความสามารถส่วนตัวของมิลลิล้วนๆ การที่รัฐบาลหวังจะเคลมเอาความสำเร็จของเด็กมาเป็นผลงานของตน โดยที่ผ่านมาไม่เคยยื่นมือเข้าไปช่วยสนับสนุน ในทางตรงกันข้ามกลับเคยใช้กฎหมายทำร้ายเด็กด้วยซ้ำ จึงไม่ควรทำ หากไม่อยากถูกสังคมตราหน้าว่าเป็น “รัฐบาลบูดๆ” อย่างที่เคยเป็นมา