เปิดศึกอีกด้านคดีแตงโม ‘ตร.-กมธ.’ โต้กันพัลวัน ซัดก้าวก่าย-แทรกแซง แม่-ทนายยื่ม จ.ม.เลิกจุ้น/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

เปิดศึกอีกด้านคดีแตงโม

‘ตร.-กมธ.’ โต้กันพัลวัน

ซัดก้าวก่าย-แทรกแซง

แม่-ทนายยื่ม จ.ม.เลิกจุ้น

 

ยังอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างกว้างขวาง สำหรับคดีการเสียชีวิตของดาราสาว นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่เสียชีวิตหลังจากตกเรือสปีดโบ๊ต ขณะล่องเรือจิบไวน์กับกลุ่มเพื่อน

ขณะที่เรื่องคดีนอกจากมีผู้ต้องหา 2 คนที่เป็นคนขับเรือ จะถูกแจ้งข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต

เรื่องราวบนเรือก็ยังเป็นปริศนาที่รอการคลี่คลาย

และไม่ใช่เพียงแค่เนื้อแท้ในคดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ลุกลามบานปลายกลายเป็นจุดมีแสง ที่แต่ละฝ่ายรุมล้อมเข้ามาแสดงความเห็น

หวังได้สปอตไลต์อาบร่างสร้างชื่อ จนบางทีเนื้อหาข้อมูลของคดีสะเปะสะปะ เต็มไปด้วยทฤษฎีสมคบคิดแหวกแนว ทั้งวิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ ความเชื่อล้วนอีรุงตุงนังไปหมด

ไม่ใช่แค่นั้นในการสืบสวนที่แทนจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ยังมี กมธ.วุฒิสภาเข้ามาร่วมด้วย

แต่แทนที่จะทำให้คดีคลี่คลาย กลับถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการก้าวก่ายอำนาจหน้าที่

แถมยังเอาผลผ่าพิสูจน์ศพเดินสายออกสื่อเปิดเผยข้อมูลในสำนวน จนกระทั่งแม่แตงโมต้องยื่นเรื่องให้ยุติ

เป็นอีกประเด็นวุ่นๆ ที่เกิดจากคดีแตงโม

ตร.แถลงคดี

เปิดปมขัดแย้ง ตร.-กมธ.

จุดเริ่มต้นความวุ่นวาย ที่หวั่นจะเป็นข้อบาดหมางระหว่างตำรวจและ กมธ.วุฒิสภา เกิดขึ้นจากการยื่นหนังสือต่อ กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ที่ขณะนั้นทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมชาย แสวงการ ประธาน กมธ. เพื่อขอความเป็นธรรม และขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดีแตงโม

ขณะที่นายสมชายระบุรับเรื่องไว้พิจารณา และจะเชิญ ผบช.ภาค 1 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ผบ.ตร. เข้าให้ข้อมูล และยืนยันมีอำนาจในการเรียกข้อมูลทั้งภาพถ่ายทั้งหมด ตั้งแต่กล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ผลการตรวจ สภาพแวดล้อมของเรือ และผลการชันสูตรพลิกศพ มาพิจารณา

ก่อนที่จะแถลงอีกครั้ง เมื่อวันที่ 21 มีนาคม หลังนำเรื่องเข้าพิจารณา ว่า ที่ประชุมมีมติให้เรียกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และรายการชันสูตร ทั้งจากนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมเสนอให้สอบปากคำพยาน 5 คนบนเรือโดยใช้เครื่องจับเท็จ เพราะอาจมีคนรู้ความจริงแต่พูดไม่หมด ซึ่งจะต้องมีความผิดฐานมีส่วนรู้เห็นในคดี

รวมทั้งให้ตำรวจตรวจพิสูจน์หลักฐาน ทั้งชุดแตงโมที่ใส่วันเกิดเหตุว่าเป็นชุดว่ายน้ำแบบวันพีซ ไม่ใช่บอดี้สูท รวมทั้งประเด็นการทำร้ายร่างกายหรือไม่ การเสียชีวิตเกิดก่อนหรือหลังตกเรือ

จากนั้นวันที่ 24 มีนาคม นายสมชายก็ควง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. และเต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร อดีตดารา ที่ระบุว่าเป็นตัวแทนของครอบครัวแตงโม มาที่ สภ.เมืองนนทบุรี หารือกับ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อขอตรวจสอบเรือลำเกิดเหตุ ที่จอดอยู่กลางแจ้ง

โดยนายสมชายระบุว่า มาตรวจเรือเพราะมีบางประเด็นที่ กมธ.อยากให้เกิดความกระจ่าง และเพื่อหาว่าบาดแผลที่ขาขวาสัมพันธ์กับหางเสือเรือ หรือใบพัดเรือหรือไม่ จึงได้เชิญ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาดูด้วยตัวเอง

ขณะที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ระบุว่า สิ่งที่ต้องพิสูจน์ซ้ำ ต้องอยู่ภายในห่วงโซ่วัตถุพยาน เพื่อให้ข้อมูลน่าเชื่อถือ พร้อมติงการเก็บหลักฐานอย่างเรือที่เกิดเหตุ จะบอกสถานที่ไม่พอไม่ได้ กั้นเชือกเท่านี้ก็ไม่ได้ ถ้าอัยการสงสัยสั่งตรวจ แล้วเจออะไร จะตอบได้อย่างไรว่าเป็นของที่อยู่มาตั้งแต่ต้น วัตถุพยานต้องไม่ถูกทำลายและไม่ถูกปนเปื้อน

ทั้งนี้ นายสมชายระบุอีกว่า แนะนำตำรวจว่า

1. การเก็บเรือของกลาง ถ้าไม่ย้ายต้องคลุมให้มิดชิดไม่ให้เกิดการเปลี่ยนสภาพไปมากกว่านี้อีก

2. ให้ผู้เชี่ยวชาญเรือมาให้ข้อมูลว่าการตกตกแบบใด ลักษณะใดจะทำให้เกิดบาดแผลได้ โดยเฉพาะรอยริ้วบาดแผล

3. การสอบพยาน สุดท้ายถ้ามีการสืบสวนสอบสวนไปแล้วมีความจำเป็นที่ต้องเข้าเครื่องจับเท็จทั้ง 5 รายก็จะยุติได้ด้วยนิติวิทยาศาสตร์

เป็นการเคลื่อนไหวจาก กมธ.!!!

ยื่นกมธ.เลิกจุ้น

ตร.ซัด ส.ว.ก้าวก่ายคดีแตงโม

ถัดมาวันรุ่งขึ้น วันที่ 25 มีนาคม พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.1 ฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 1 ก็แถลงความคืบหน้าคดี

ระบุว่า สอบปากคำพยานบุคคลไปแล้ว 118 ปาก เป็นผู้กล่าวหา 3 ปาก ผู้ต้องหา 2 ปาก ประจักษ์พยาน 3 ปาก พยานแวดล้อม 92 ปาก พยานผู้เชี่ยวชาญ 18 ปาก รวบรวมวัตถุพยานทั้งสิ้นจากกล้องวงจรปิด 70 ตัว 200 ไฟล์ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง 14 คลิป วัตถุพยาน 40 รายการ 51 ชิ้น

ส่วนการมาตรวจสอบเรือของกลางนั้น กมธ. สั่งการ 3 เรื่อง

เรื่องแรก การสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ มีการสอบพยานผู้เชี่ยวชาญ 18 ปาก และนำเรือ นำสิ่งต่างๆ ไปทดลองหลายครั้งในสำนวนรายละเอียดสาระสำคัญที่ต้องทำ

2. การสั่งให้ 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จ การจะเข้าเครื่องจับเท็จหรือไม่จะต้องมีการประชุมในรายละเอียด และนำประเด็นการสอบสวนคำให้การไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจับเท็จว่าจะสามารถนำพยานเข้าเครื่องจับเท็จในประเด็นใดบ้าง ไม่ใช่จะเอาเข้าก็เอาเข้าได้เลย

3. เรื่องที่ให้พนักงานสอบสวนเก็บเรือของกลางให้มิดชิด ขอเรียนว่าเจ้าหน้าที่ พฐ. กรมเจ้าท่า พนักงานสอบสวน ตรวจสอบเก็บร่องรอยทั้งหมดไปแล้ว จนหมดความจำเป็นเกี่ยวกับร่องรอยพยานหลักฐาน แต่ที่ยึดไว้เพราะเป็นของกลางการกระทำผิด เพื่อรอคำสั่งศาลต่อไป

“เกรงว่าการสั่งการของท่านอาจจะเข้าข่ายเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการทำงานหรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้”

เป็นปฏิกิริยาจากตำรวจที่ซัดเข้าใส่ กมธ.วุฒิสภา

ต่อมาวันที่ 28 มีนาคม นายสมชายและ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ก็แถลงยืนยันว่า ทำงานภายในกรอบหน้าที่อำนาจตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเพียงการให้ข้อเสนอแนะ หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็นำไปปรับใช้ได้ หรือถ้าไม่จำเป็นก็แล้วแต่ดุลพินิจ เพราะไม่ใช่ข้อสั่งการ

“ไม่ทราบว่าใครไปรายงาน ผบช.ภ.1 ให้เข้าใจผิด แต่คงจะไม่มีการเคลียร์อะไรกัน รวมถึง ผบ.ตร.ด้วย เพราะท่านก็เป็น ส.ว.ด้วยกันกับผม จากประสบการณ์การทำงานวุฒิสภามา 15 ปี ไม่เคยเจอกรณีนี้ และที่รับเรื่องไว้ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องดารา แต่เห็นว่ากระทบกระบวนการยุติธรรม ต่อไม่ใช่ดารา เป็นชาวบ้านเราก็รับเรื่องไว้”

โต้กันหมัดต่อหมัดเลยทีเดียว!!

สว.ตรวจเรือ

แม่ยื่นหนังสือขอให้เลิกจุ้น

ขณะที่นางภนิดา แม่ของแตงโม พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ก็ยื่นหนังสือถอน กมธ.มนุษยชนฯ กับนายสมชาย เพื่อให้ยุติการตรวจสอบคดีแตงโม โดยระบุว่า จดหมายที่ยื่นให้ กมธ.มนุษยชนฯ ร่วมตรวจสอบก่อนหน้านี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราต้องการคือให้ตำรวจตรวจสอบ เมื่อมีปัญหาจึงปรึกษาทนายเดชา เพราะเรื่องยุ่งเหยิงกันไปหมด เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างองค์กร จึงยื่นเรื่องถอดถอน กมธ.มนุษยชนฯ

“ดูจากข่าว พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ให้สัมภาษณ์คดีแตงโมทุกวัน โดยเฉพาะการชันสูตรศพรอบ 2 พญ.คุณหญิงพรทิพย์ มีสิทธิ์พูดรายละเอียด และนำมาเปิดเผยได้หรือไม่ ทั้งที่จริงไม่ควรเปิดเผย จึงมองว่าลักษณะนี้อาจเลยหน้าที่ของ กมธ.หรือไม่ ส่วนเรื่องบาดแผลศีรษะและฟันของแตงโมไม่หัก พญ.คุณหญิงพรทิพย์ มีสิทธิ์ออกมาให้สัมภาษณ์หรือไม่ ทั้งที่เป็นความลับที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่กลับนำออกมาพูดแล้ว”

ด้านนายเดชากล่าวว่า มี กมธ.บางคนให้สัมภาษณ์ลักษณะก้าวก่ายการทำงานของตำรวจ ตำรวจบางนายบอกด้วยว่าพูดเหมือนตำรวจไม่มีศักดิ์ศรี รวมถึงการนำคนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จ ในคดีนี้จะเป็นผลเสีย

“กมธ.บางคนยังไปตำหนิและด่าตำรวจ เรื่องการเก็บเรือของกลาง ทั้งที่เรือถูกเก็บหลักฐานครบหมดแล้ว ทำให้ตำรวจถูกมองไม่มีศักดิ์ศรี และมองเป็นการแทรกแซง รวมถึงนำผลการชันสูตรรอบ 2 มาเปิดเผย ทั้งที่ให้เข้าไปสังเกตการณ์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหยดเลือดในผ้าอนามัย ไม่พบยูเรียในผ้าอนามัย และผลตรวจแอลกอฮอล์ ทำให้สังคมงงในข้อมูลที่ไม่ครบ นอกจากนี้ ยังให้สัมภาษณ์ลักษณะดิสเครดิตการทำงานของหมอนิติเวชด้วย อีกทั้งยังมีประเด็นอ้างว่ากมธ.บางคนโดนตำรวจข่มขู่ด้วย”

จึงมายื่นหนังสือไม่ให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ และเต๊ะ ศตวรรษ ออกจากการสังเกตการณ์ชันสูตรแตงโมรอบ 2 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน

นายเดชายังระบุว่า ที่นางภนิดาถูกวิจารณ์ว่าเปลี่ยนไปนั้น เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน ตอนนี้มองว่าคุณหมอพรทิพย์หมดความจำเป็น และพบว่าการทำงานของตำรวจมีความเรียบร้อยดี ยืนยันส่านางภนิดาไม่ได้ถูกกดดัน หรือถูกข่มขู่ และไม่มีใครเข้ามาแทรกแซง

ทุกข้อสงสัยของสังคม ตำรวจตรวจสอบหมดแล้วรอเพียงการแถลงปิดคดีเท่านั้น ซึ่งคาดว่าไม่เกินวันที่ 24 เมษายนนี้ ซึ่งอาจจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมด้วย!!

เป็นอีกเรื่องที่คู่ขนานไปกับคดีที่กระตุ้นความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว!!