นงนุช สิงหเดชะ : ระเบิดหัวหินและภาคใต้

APF / MUNIR UZ ZAMAN

ปีนี้นับว่าอุกอาจเหิมเกริมเป็นพิเศษ สำหรับผู้ลงมือก่อเหตุวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ท่องเที่ยว 7 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้และหัวหิน 11 จุด ช่วงดึกวันที่ 11 สิงหาคม ไปจนถึง 12 สิงหาคมที่ผ่านมา

เมื่อก่อนยังละเว้น ไม่ก่อเหตุตรงวันสำคัญของคนไทย แต่ปีนี้ดูเหมือนต้องการเปิดเผยจุดยืนอย่างเด่นชัด เพราะนอกจากเลือกก่อเหตุวันที่ 12 สิงหาคมแล้ว ยังเจาะจงเลือกที่หัวหินอีกด้วย ย่อมแสดงว่าผู้ก่อเหตุต้องการแสดงนัยอะไรบางอย่างแบบไม่ต้องการปกปิดอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน การเลือกก่อเหตุเฉพาะพื้นที่สำคัญด้านท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่นิยมของต่างชาติ ย่อมชัดเจนว่าต้องการโค่นล้มเศรษฐกิจไทย ต้องการโค่นล้มรัฐบาล เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประเทศมีรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป จะขยายตัวมากกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง ตลาดหุ้นขยับขึ้นแบบมั่นคงต่อเนื่องเพราะเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาซื้อสุทธิติดต่อกันเกือบ 30 วัน ร่วมแสนล้านบาทเข้าไปแล้ว ส่อให้เห็นว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่อีกครั้ง

ดูคล้ายกับว่าคนร้ายมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างดี และน่าจะติดตามภาวะเศรษฐกิจมาตลอด จึงเลือกจะลงมือเพื่อสร้างความตื่นตระหนกและหยุดการเติบโตของเศรษฐกิจให้ได้

ที่สำคัญเป็นการก่อเหตุหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติอย่างท่วมท้น ที่อาจทำให้รัฐบาล คสช. ได้รับความนิยมอีกยาวไกลตลอดวาระที่เหลืออยู่

นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ใน 7 จังหวัดนี้มีตรังและสุราษฎร์ธานี อันเป็นพื้นที่ของ นายชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. อยู่ด้วย ดังนั้น การก่อเหตุน่าจะมีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย

 

หากย้อนไปดู จะเห็นว่าทุกครั้งหลังการรัฐประหาร มักจะเกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดเสมอ เช่น หลังรัฐประหาร 2549 ฝ่ายตรงข้ามก่อเหตุวางระเบิดวันส่งท้ายปีเก่าในกรุงเทพฯ พร้อมกัน 10 จุด

ส่วนรัฐประหาร 2557 รัฐบาล คสช. ยังเอาตัวรอดมาได้ตลอดปี 2557 ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นตอนวันส่งท้ายปีเก่า

แต่พอถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 คนร้ายสบช่องวางระเบิดไปป์บอมบ์ที่สถานีรถไฟฟ้าหน้าห้างสยามพารากอน และต่อมาวันที่ 7 มีนาคมปีเดียวกัน ปาระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตำรวจสามารถรวบผู้ต้องหาได้ 3 คน เป็นกลุ่มที่โยงกับการเมืองขั้วหนึ่ง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่ม กปปส.

10 เมษายน 2558 ซึ่งรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดยาวสงกรานต์เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว คนร้ายก่อเหตุวางระเบิดห้างเซ็นทรัล สมุย จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยคาร์บอมบ์ พร้อมกับเผาคลังสินค้าสหกรณ์สุราษฎร์ธานี หรือโคออป (ถือเป็นสัญลักษณ์ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เหมือนกันเปี๊ยบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้

ในคราวนั้น ผลการสืบสวนระบุว่ารถยนต์ก่อเหตุขโมยมาจากยะลา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระบุว่าแม้ผู้ต้องสงสัยจะมาจากภาคใต้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์นี้จะไม่มีนักการเมืองที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง พูดให้ชัดคือทำเป็นเนียนว่าโจรใต้ขยายพื้นที่ก่อเหตุเข้ามาในจังหวัดอื่นนอกเหนือจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเบี่ยงเบนว่าไม่ใช่ฝีมือของฝ่ายการเมืองซีกตรงข้าม

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน หลักฐานล่าสุดจากตำรวจระบุว่า พบดีเอ็นเอของคนก่อเหตุตรงกับดีเอ็นเอของผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้รายหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการขยายพื้นที่ของโจร 3 จังหวัดชายแดนใต้เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่อื่น

 

หากฟังจากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังมั่นใจว่าไม่ใช่การขยายพื้นที่การก่อเหตุของโจร 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่มีการจ้างคนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้มาก่อเหตุ เช่นเดียวกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องการเมืองภายในประเทศมากกว่าประเด็นอื่น

หากพูดให้ชัดก็คือมีขบวนการทำเป็นตีเนียนว่าโจรแบ่งแยกดินแดนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขยายพื้นที่เข้ามาก่อเหตุในจังหวัดอื่นเพิ่มขึ้น เพื่อให้ดูร้ายแรงและสั่นคลอนความมั่นคงของรัฐอย่างหนัก และจะส่งผลสะเทือนร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ถ้าเป็นโจรใต้ของจริง ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือค่าจ้าง ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นโจรใต้มารับจ๊อบให้กับพวกเสียประโยชน์ทางการเมืองที่มีเงินมหาศาลนี่สิ น่ากลัวกว่าหลายเท่า เพราะถือว่าได้แหล่งทุนมั่นคงหล่อเลี้ยงการก่อการร้ายและวินาศกรรมอย่างต่อเนื่อง

กรณีหากเป็นโจรใต้ของจริง ก็นับว่าเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล เพราะเท่ากับว่าสะท้อนความไร้ประสิทธิภาพด้านการข่าวของรัฐบาล และยิ่งจะตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นรัฐบาลทหารแต่ไม่สามารถควบคุมไม่ให้โจรใต้ขยายพื้นที่ก่อเหตุได้


อย่างไรก็ตาม ผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องรอผลการสอบสวนที่ชัดเจน ซึ่งก็คงได้เห็นตัวละครที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น

แต่ก็ได้เพียงภาวนา อย่าให้เป็นกรณีของโจรใต้เทียมที่เข้ามารับจ๊อบพวกการเมืองเพื่อหารายได้พิเศษเลย หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะกระชากหน้ากากให้เห็นธาตุแท้ของคนกลุ่มนี้ว่ารักชาติ เป็นห่วงชาติเหมือนกันอย่างที่ชอบพูดอ้างอยู่บ่อยๆ หรือไม่

เผด็จการที่ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่เผาบ้านเมือง ไม่ทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าเทียบกับพวกประชาธิปไตยกำมะลอ ที่เรียกร้องประชาธิปไตย (เพื่อตัวเอง) ด้วยความรุนแรง เอาชีวิตประชาชนและผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเอง อย่างไหนคือการทำลายประเทศมากกว่ากัน