ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
Technical Time-out
จริงตนาการ
ความเกลียดชังและวัคซีนโควิด
ฝ่ายตรงข้ามของ ‘โนวัก โยโควิช’
เทนนิสแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น แข่งขันมาถึงปลายทางแล้ว ประเด็นของ โนวัก โยโควิช มือ 1 ของโลกประเภทชายเดี่ยวชาวเซอร์เบีย ดูเงียบลงไป เพราะแฟนเทนนิสไปโฟกัสกันที่ผลการแข่งขันมากกว่า
ส่วนตัวโยโควิชเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนักหลังจากเดินทางออกจากออสเตรเลีย และยืนยันว่าจะไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ จนกว่าออสเตรเลียน โอเพ่นจะแข่งขันจบ
จากการต้องต่อสู้กันในชั้นศาลถึง 2 รอบ และการถูกให้ออกนอกประเทศ ทำให้น่าติดตามว่าโนเล่จะกลับไปแข่งขันรายการนี้อีกครั้งหรือไม่ เพราะเจ้าตัวคือนักเทนนิสที่คว้าแชมป์ออสซี่มากที่สุดถึง 9 สมัย
เคร็ก ไทลีย ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น เปิดเผยว่า โนเล่จะไม่มีการฟ้องร้องฝ่ายจัดการแข่งขัน และมั่นใจว่าโยโควิชจะกลับมาแข่งขันในปีหน้าแน่นอน เพราะเขารักออสเตรเลียน โอเพ่น
แกรนด์สแลมรายการต่อไป คือ เฟรนช์ โอเพ่น ที่ประเทศฝรั่งเศส ที่จะเริ่มแข่งขันในวันที่ 22 พฤษภาคม ไม่น่าจะมีดราม่าเหมือนกับที่ออสเตรเลียน โอเพ่น เพราะระเบียบใหม่ของประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) อนุญาตให้ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลา 6 เดือนและหายแล้วก่อนเข้าประเทศ สามารถเข้าประเทศของอียูได้โดยไม่ต้องฉีดวัคซีน เหมือนกับว่ามีวัคซีนพาสปอร์ตไปในตัว
นั่นหมายถึงว่าโนเล่จะได้ไปป้องกันแชมป์ที่โรลองด์ การ์โรส ในปีนี้ได้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎอะไรเสียก่อน
เป้าหมายของโยโควิชในระยะสั้นน่าจะอยู่ที่การคว้าแชมป์แกรนด์สแลม 21 สมัย ซึ่งทำให้กลายเป็นนักเทนนิสชายที่ได้แชมป์สแลมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ถ้า ราฟาเอล นาดาล ยอดนักหวดสเปนไม่คว้าแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น ในสัปดาห์นี้ไปก่อน
ส่วนอีก 2 แกรนด์สแลมที่เหลืออีก 2 รายการ วิมเบิลดัน ที่อังกฤษ ในเดือนมิถุนายน และ ยูเอส โอเพ่น ที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ยังอาจจะมีการเปลี่ยนข้อบังคับต่างๆ ของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเอื้อหรือห้ามโยโควิชให้ไปแข่งขัน
แต่คาดว่าทั้งวิมเบิลดันและยูเอส โอเพ่น จะไม่ปล่อยให้มีดราม่าแบบที่ออสซี่ โอเพ่นมีให้เห็นมาแล้ว
น่าสนใจมากว่า สภาพจิตใจของโนเล่เป็นอย่างไรบ้าง และจะมีผลต่อฟอร์มการเล่นกับรายการที่เหลือในปีนี้มากน้อยขนาดไหน
รัดมิโล อาร์เมนูลิช โค้ชของโนเล่ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่ออสเตรเลียทำให้นักหวดมือ 1 ของโลกได้รับผลกระทบเรื่องจิตใจอย่างมาก การลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่อไปเป็นเรื่องที่อันตราย การที่เขาต้องเก็บของกลับบ้านเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม โยโควิชมักจะถูกวิจารณ์ในด้านลบมาตลอด และเขาก็รับมือกับเรื่องนี้ได้ดี ในช่วง 2-3 ปีหลังก็ยังคงเล่นเทนนิสได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าตั้งแต่โอลิมปิกเกมส์ 2020 เมื่อปีก่อน จะเสียศูนย์ไปบ้าง จากการตกรอบไว และพลาดแชมป์ยูเอส โอเพ่น ทั้งๆ ที่หวังไปถึงการคว้าโกลเด้น สแลม และมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากๆ
การเงียบหายไปของโยโควิชเป็นเรื่องที่คู่แข่งน่าจะกังวลมากขึ้น เพราะในความทะเยอทะยานของผู้ชายคนนี้ และเป้าหมายในการทิ้งประวัติศาสตร์เอาไว้ให้นักหวดรุ่นน้องต้องมาไล่ทุบสถิติ เมื่อเขาเลิกเล่นไปแล้ว น่าจะทำให้การกลับมาลงสนามในรายการต่อไป จะได้เห็นโยโควิชเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและไร้ปรานีมากขึ้น
เมื่อมีคนที่อยู่ตรงข้ามจำนวนมาก การจะตอบโต้ที่ดีที่สุดของโยโควิช คือ การประสบความสำเร็จใจคอร์ตเทนนิส เว้นเสียแต่ว่าจะเจอกฎเกี่ยวกับวัคซีนขวางทางเสียก่อน