สีกากี 2.4 แสนนาย หนี้คนละล้าน ‘บิ๊กตู่’ สั่งเฉียบ ปี 2565 ต้องแก้สำเร็จ ตร.เร่งทำสหกรณ์ต้นแบบ-รีไฟแนนซ์/โล่เงิน

โล่เงิน

 

สีกากี 2.4 แสนนาย หนี้คนละล้าน

‘บิ๊กตู่’ สั่งเฉียบ ปี 2565 ต้องแก้สำเร็จ

ตร.เร่งทำสหกรณ์ต้นแบบ-รีไฟแนนซ์

 

เริ่มเข้าสู่ปี 2565 ได้เพียงไม่กี่วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตีปี๊บตั้งเป้าปีนี้ต้องเป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ให้สำเร็จ

ระบุ “ข้าราชการตำรวจ” เป็นอาชีพสำคัญที่เป็นเป้าหมายและมีปัญหาหนี้สินที่หมักหมมมาช้านาน จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เร่งดำเนินการโดยด่วนตามแนวทางที่ได้วางไว้ ทั้งการยุบยอดหนี้ การปรับลดค่าธรรมเนียม ปรับปรุงระบบการตัดเงินเดือน การพักชำระหนี้ การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น โดยควรที่จะมีเงินหลือใช้ไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน

ทั้งนี้ นโยบายแก้หนี้ตำรวจไม่ได้เพิ่งเริ่มขึ้น ย้อนไปเมื่อปลายปี 2563 “บิ๊กตู่” มอบของขวัญให้ข้าราชการตำรวจ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2564 ได้แก่ “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจ”

ภาพรวมตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาด้วยการลงนามความร่วมมือกับสถาบันการเงิน ในการลดดอกเบี้ย รวมหนี้สิน แล้วโอนหนี้ไปสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนตำรวจ และป้องกันการมีภาระหนี้สินเพิ่มจนเกินกำลังความสามารถในการชำระหนี้ผ่านแนวทางต่างๆ

“บิ๊กปั๊ด” ไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะกลุ่มตำรวจที่เป็นหนี้เท่านั้น ยังวางแนวทางสำหรับกลุ่มที่ยังไม่เข้าสู่ระบบ ที่จะทำอย่างไรกับคนที่จะมาเป็นตำรวจในอนาคต ไม่เข้าสู่วังวนหนี้ หรือเข้ามาแล้วไม่สร้างปัญหาในระยะยาว

 

จากการสำรวจข้อมูลสถานภาพกำลังพลข้าราชการในภาพรวมเมื่อเดือนกันยายน 2564 มีข้าราชการตำรวจทั้งสิ้นจำนวน 219,551 นาย แยกเป็นชั้นสัญญาบัตร จำนวน 89,430 นาย ชั้นประทวนจำนวน 130,121 นาย เป็นหนี้สินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ ประมาณ 245,535 นาย วงเงินหนี้สินประมาณ 203,217 ล้านบาท

เหตุผลที่จำนวนคนกู้มากกว่าจำนวนกำลังพลปัจจุบัน เนื่องจากข้าราชการตำรวจบางรายที่เกษียณอายุราชการแล้ว ยังต้องผ่อนชำระเงินอยู่ และแต่เดิมมีการเปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจ 1 รายสามารถเป็นสมาชิกได้หลายสหกรณ์ รวมทั้งมีผู้เป็นหนี้สินกับสถาบันการเงินอีก 3 แห่ง จำนวน 132,235 ราย วงเงินหนี้สินจำนวน 69,769 ล้านบาทเศษ เมื่อรวมยอดหนี้สินทั้งหมดประมาณ 272,986 ล้านบาท

ต่อมา 15 พฤศจิกายน 2564 มีการสำรวจข้อมูลสถานภาพกำลังพลข้าราชการตำรวจ มีจำนวนทั้งสิ้น 205,840 นาย ข้าราชการตำรวจไม่มีหนี้สิน จำนวน 41,189 นาย คิดเป็นร้อยละ 20

ข้าราชการตำรวจเป็นหนี้สิน จำนวน 164,291 นาย จัดกลุ่มหนี้สินออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสีเขียว จำนวน 161,868 นาย คิดเป็น 78.8 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มสีเหลือง จำนวน 1,751 นาย คิดเป็น 0.9 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มสีแดง จำนวน 672 นาย คิดเป็น 0.3 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกันในที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาหนี้สิน เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2564 ได้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหา เห็นควรให้คณะทำงานระดับ ตร. คัดเลือกสหกรณ์ต้นแบบนำร่องในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ต้นแบบ

สำหรับวัตถุประสงค์และคุณสมบัติของสหกรณ์ต้นแบบ คือ ต้องเป็นสหกรณ์นำร่องในการแก้ปัญหาหนี้สินให้แก่สมาชิก โดยนำหลักเกณฑ์วิธีการที่กำหนดมาทดลองในการลดต้นทุนต่างๆ เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราดอกเบี้ยต่ำ การใช้สินทรัพย์ และ Future income ที่มีมายุบยอดหนี้ให้ลดลง เพื่อให้สมาชิกมีเงินเดือนเหลือใช้ในการดำรงชีพ และเป็นต้นแบบให้สหกรณ์อื่นนำไปใช้ดำเนินการ

เพื่อช่วยเหลือสมาชิกในการกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และหากมีเงินเหลือเพียงพอในการที่จะช่วยเหลือสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานในสังกัด ตร. ที่ขาดสภาพคล่องด้วยการให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

รวมทั้งเพื่อให้เป็นแหล่งออมเงินและส่งเสริมความมั่นคงทางด้านการเงินให้กับข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ

 

พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า การแก้ไขหนี้สินของตำรวจ ได้ดำเนินการศึกษาและประชุมชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางปฏิบัติมาตลอด 1 ปี ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังปรับสหกรณ์ตัวอย่าง คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจนครบาล จำกัด ซึ่งสมัครใจเข้าโครงการก็จะเป็นสหกรณ์ตัวอย่างที่จะทำให้เห็นว่า สหกรณ์สามารถลดต้นทุนได้

การลดต้นทุนของสหกรณ์อยู่ที่ดอกเบี้ยเงินฝาก ถ้าสามารถลดต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝาก หรือหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากที่อื่นมาได้ เพื่อจะมาทำรีไฟแนนซ์ให้กับสมาชิก แล้วจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องดอกเบี้ยลง รวมถึงมาตรการอื่นๆ เรื่องปรับลดเงินต้น ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ในแต่ละพื้นทางผู้บังคับการจังหวัดก็ได้ทำไปอยู่แล้ว แต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันไป

ส่วนกรณีที่เข้าข่ายจะถูกฟ้องล้มละลาย ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า จะให้ทางผู้บังคับบัญชาไปช่วยเจรจาในเรื่องของการทำแฮร์คัตหนี้ ก็ต้องหาแหล่งสนับสนุนเงินต่างๆ มาทำรีไฟแนนซ์เหมือนกัน ในภาพรวมก็ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหนี้หลายๆ ราย ซึ่งเชื่อว่าทำเต็มที่ภายในกรอบที่อนุญาตให้ทำได้

ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ตัวเลขเฉลี่ยแล้ว ตำรวจ 2 แสนกว่านาย เป็นหนี้คนละประมาณ 1 ล้านบาท การเป็นหนี้สินของตำรวจมีปัจจัยหลายอย่าง บางรายมีความจำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนทำธุรกิจ เพื่อให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งปัญหาหนี้สินต้องแก้ที่โครงสร้างทั้งระบบ

โครงสร้างอย่างหนึ่งคือเรื่องสหกรณ์ตำรวจ โดย ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงไปกำกับดูแล ตอนนี้อยู่ในกระบวนการปรับเปลี่ยนหลายเรื่อง ส่วนหนึ่งคือการพูดคุยกับสหกรณ์ตำรวจทั่วประเทศให้เป็นแนวทางที่ใกล้เคียงกันที่สุด ขณะนี้มีความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นภายในสัปดาห์หน้า

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาหนี้สินตำรวจถูกฝังรากลึกมายาวนาน การจะแก้ปัญหาต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เพราะท้ายที่สุดอย่าลืมว่า เรื่องนี้มีทั้งผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์