ในส่วนของ วงการกีฬาไทย ปี 2564 ก็เป็นอีกหนึ่งปีที่มีทั้งเรื่องร้าย และเรื่องดีให้แฟนๆ กีฬาได้ชื่นใจกันอยู่บ้าง ดังนั้นเราจะมาสรุปกันว่าในช่วงปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวใดบ้างที่น่าจดจำสำหรับวงการกีฬาไทย

โอลิมปิกโตเกียว 2020

นับเป็นมหกรรมกีฬาใหญ่ที่เงียบเหงาที่สุด เพราะสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงหนักในหลายประเทศ รวมถึงประเทศเจ้าภาพอย่างญี่ปุ่น แต่กระนั้น กิมมิคความเป็นญี่ปุ๊น..ญี่ปุ่น ยังคงถูกนำเสนอออกมาในฐานะ ซอฟต์พาวเวอร์สำคัญของประเทศ ทั้งแอนิเมะ เกมส์ การ์ตูน แม้แต่นักกีฬาหลายชาติก็โชว์ความเป็นติ่งญี่ปุ่นให้เห็นเป็นสีสันที่น่าจดจำ ถ้าไม่มีโควิด นี่ถืเป็นโอลิมปิกที่น่าจดจำที่สุด โดยเฉพาะบรรดานักกีฬาและผู้ชมสายโอตาคุทั้งหลาย

ส่วนนักกีฬาทีมชาติไทยนั้น แม้คว้าโควต้าไปไม่ถึงเป้าที่วางเอาไว้ เพราะรายการคัดเลือกหลายรายการมีอันต้องยกเลิกไป แต่อย่างน้อยตัวแทนนักกีฬา 42 คน จาก 37 โควต้าของทีมชาติไทย ก็ล้วนแต่ช่วยกันสร้างผลงานที่ดีและเป็นกำลังใจให้คนไทยในช่วงนั้นที่กำลังเจอปัญหาโควิด-19 ระลอกใหม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์จาก “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวเบอร์ 1 ของโลก ที่เป็นความหวังสูงสุดของทัพนักกีฬาไทยในครั้งนี้แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

นอกจากเหรียญประวัติศาสตร์ของเทนนิสแล้ว ก็ยังมีทองแดงประวัติศาสตร์จาก “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี กำปั้นสาวจากอุดรธานี ที่กลายเป็นนักชกหญิงคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลให้กับทัพนักกีฬาไทยด้วยเช่นกัน

เหตุแก้กม.สารต้องห้ามล่าช้า ธงชาติหมดสิทธิ์โบกสะบัด

เรียกว่าสะเทือนวงการกีฬาไทยมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการถูก องค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาด้า) ลงโทษแบนประเทศไทยห้ามจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และใช้ธงชาติไทยในการร่วมแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติเป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม เป็นต้นมา

สาเหตุที่ไทยถูกแบนเป็นเพราะเรื่องตัวบทกฎหมายใน พระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 ไปขัดแย้งกับกระบวนการทำงาน และกฎบัตรของวาด้า ซึ่งคีย์แมนกีฬาพยายามอย่างมากเพื่อหาทางปลดล็อคแบนให้ไวที่สุด คาดว่าอย่างเร็วที่สุดก็คงจะเป็นช่วงเดือนมกราคมปีหน้า จะได้ทราบผลกัน

เพียงแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ถือว่าเสียหายไม่น้อยสำหรับวงการกีฬาไทย ทั้งไม่สามารถขอยื่นเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาได้ รวมถึงในการแข่งขันต่างๆ ที่มีนักกีฬาไทยเป็นตัวแทน ก็ไม่มีธงชาติไทยเชิญขึ้นสู่ยอดเสา

อย่างเช่นการคว้าเหรียญทองของนักกีฬายกน้ำหนักในรายการ ยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก, การแข่งขันของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย หรือที่เห็นภาพมากที่สุดก็คือการคว้าแชมป์โลกของแบดมินตันคู่ผสม “เดชาพล-ทรัพย์สิรี” ที่เป็นกระแสออกมาล่าสุด

“ซูซูกิคัพ” ช้างศึกกับการพลิกฟอร์มที่พอให้มีความหวัง

ถือเป็นถ้วยที่ประเทศไทยหมายตามาตลอด อย่างการมาถึงของ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 แต่ทีมชาติไทยก่อนจะลงสนามก็เจอปัญหาและคำสบประมาท โดยเฉพาะกุนซือใหม่อย่าง มาโน่ โพลกิ้ง ก็ถูกตั้งแง่จากแฟนบอลไทยบางส่วน เพราะมาโน่ ตั้งแต่เดินเส้นทางกุนซือ กลับไม่เคยได้ลิ้มรสถ้วยรางวัลการแข่งขันใดมาก่อน บวกการระยะการซ้อมหรือเกมส์อุ่นเครื่องที่สั้นและช้ากว่าที่อื่น

จนกระทั่งการแข่งขัน เกมรอบรองชนะเลิศ นัดแรกโดยเจอกับเวียตนาม กลับสามารถเอาชนะมาได้ถึง 2-0 จากความผิดพลาดในการเดินเกมส์ของเวียตนามและเปิดโอกาสให้ เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำประตูไปได้ 2 ประตู เรียกว่าตอบโต้เกรียนบอลเวียตนามที่พูดว่าเจฟอร์มตกด้วยผลงานแบบเห็นๆ

ก่อนที่จะเจอกับเวียตนามอีกในนัดที่ 2 แต่ทั้งสองไม่สามารถทำประตูได้ จบเกมส์ที่เสมอ 0-0 แต่ไทยสามารถเข้าสู่รอบชิงไปได้

ต่อมาคือคู่ของอินโดนีเซีย โดยแข่ง 2 ครั้งคือ วันที่ 29 ธันวาคม และวันที่ 1 มกราคม 2565 ซึ่งผลจากแมตช์แรกเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ไทยสามารถทำประตูแบบขาดลอยไปถึง 4-0 ต้องมาลุ้นในแมตช์รับวันปีใหม่ เวลา 19.30 น.ว่า จะสามารถคว้าชัยมาเป็นของขวัญให้แฟนบอลชาวไทยได้หรือไม่?