เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าการดำรงอยู่ของ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ไม่ว่าการดำรงอยู่ของ “ทะลุฟ้า” ไม่ว่าการดำรงอยู่ของ “นักเรียนเลว”ล้วน เป็นการดำรงอยู่จาก 2 ปัจจัยสำคัญ
ปัจจัย 1 คือ อุดมการณ์ ความเชื่อ ปัจจัย 1 คือการได้รับการสนับสนุนจากสังคมที่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ความเชื่อ
ปัจจัยอย่างหลังนั่นแหละที่เรียกว่า “ท่อน้ำเลี้ยง”
หากมองจากหน่วยงานด้านความมั่นคงที่สรุปประมวลและรายงานต่อรัฐบาล ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือท่อน้ำเลี้ยงจากกลุ่มและพรรคการเมือง
มองไปยังพรรคเพื่อไทยก็เห็นเงาร่างของ นายทักษิณ ชินวัตร มองไปยังพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล ก็เห็นเงาร่างของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
จึงกลายเป็นประเด็นสาดสีตีไข่ ใส่ร้ายป้ายสีต่อเนื่องยาวนาน
ใส่ร้ายกลุ่มของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าเป็นขบวนการ”สู้แล้ว รวย” โยงสายยาวมายังเงินในบัญชีของ นายอานนท์ นำภา
กระนั้น รายละเอียดในยุค”ราษฎร”ก็ละเอียดอ่อนมากยิ่งกว่า
ความน่าตระหนกเป็นอย่างสูงก็คือ การเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากจาก”กองทุนราษฎรประสงค์” อันเป็นเงินที่ใช้เพื่อการประกันตัวและต่อสู้คดีในทางการเมืองนับแต่ปี 2563 เรื่อยมา
การบริจาคเงินมิได้เป็นก้อนใหญ่หากเป็นก้อน 10 หรือ 50 บาท แต่ปรากฏว่ามีการไหลเข้าอย่างรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
ตัวอย่างสดๆร้อนๆล่าสุด เมื่อมีประกาศจากกองทุนว่ามีเงินคง เหลือในบัญชีเพียง 7 แสนกว่าบาท เพียงเวลาชั่วข้ามคืนเงินที่ไหลเข้าก็ทะยานขึ้นสู่หลักล้านอย่างเหลือเชื่อ
ยิ่งกว่านั้นหากใครเข้าไปดูการเคลื่อนไหวของการแจก”คู่มือเอา ตัวรอดในโรงเรียน”ที่ทะยานเข้าสู่หลักแสนก็จะสัมผัสได้ในการไหล
ข้าวของเงินบริจาคให้”นักเรียนเลว”ขับเคลื่อนและทำงาน
การไหลข้าวของเงินบริจาค ไม่ว่าจะเป็น”กองทุนราษฎรประสงค์” ไม่ว่าจะเป็นของ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ไม่ว่าจะเป็นของ”นักเรียนเลว”ต่างหาก
สร้างความตระหนกเป็นอย่างสูงให้กับกลไก อำนาจรัฐ
เพราะนี่เท่ากับยืนยันว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองมิได้โดดเดี่ยว หากแต่มีรากฐานมาจากเงินบริจาคของประชาชน
ทั้งยังเป็นเงินบริจาคด้วยอุดมการณ์และด้วยความเต็มใจ