ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | ปลดธรรมนัส เพื่อกินรวบประเทศ?

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ในที่สุดพลังประชารัฐก็เดินหน้าไปสู่ความเป็นก๊วนการเมืองแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในประเทศไทย

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการเป็นก๊วนยังเดินไปสู่จุดที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งผลประโยชน์อย่างเหลือเชื่อ

ไม่ต้องพูดถึงความเป็นพรรคหรือกลุ่มก้อนที่ไม่มีในองค์กรที่ชื่อพลังประชารัฐเอาเสียเลย

รัฐมนตรีพลังประชารัฐทุกคนมักลอยหน้าลอยตาพูดว่าตัวเองสังกัดสถาบันการเมือง แต่สองปีที่พลังประชารัฐเป็นพรรคคือสองปีที่ไม่มีความเป็นสถาบันอะไรทั้งสิ้น เพราะพลังประชารัฐเปลี่ยนหัวหน้าไปสองราย และกำลังจะเปลี่ยนเลขาฯ พรรคเป็นคนที่สี่โดยไม่มีเหตุผลที่เป็นสาระอะไรเลย

ใครๆ ก็เชื่อว่าคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดทำเนียบแล้วบัญชาการก๊วนรัฐมนตรีขาประจำให้ลาออกจากกรรมการพลังประชารัฐเพื่อให้คุณธรรมนัส พรหมเผ่า หลุดเลขาฯ พรรคไปด้วย การทำแบบนี้อาจเข้าข่ายให้พรรคถูกยุบเพราะเป็นคนนอกเข้าไปครอบงำพรรคอันสะท้อนว่าคุณประยุทธ์ไม่ได้ต่างจากนักการเมืองอื่นที่แสวงหาอำนาจเลย

คุณสุชาติ ชมกลิ่น ได้เก้าอี้เลขาฯ พลังประชารัฐจากคุณธรรมนัสแบบเดียวกับที่คุณธรรมนัสได้จากคุณอนุชา นาคาศัย และคุณอนุชาก็ได้เก้าอี้เลขาฯ พลังประชารัฐด้วยวิธีเดียวกันจากคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ตำแหน่งเลขาฯ พรรคจึงขึ้นอยู่กับคำบัญชาของนายใหญ่นอกพรรคที่ทำให้พรรคเปลี่ยนเลขาฯ ทุกครั้งที่ “นายใหญ่” ไม่พอใจ

คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็จริง แต่คุณประวิตรไม่ได้ลงเงินหรือมีอำนาจจนเป็นเจ้าของพรรคถึงขั้นเป็น “นายใหญ่”

ผลก็คือคุณประวิตรไม่เคยพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่าจะขึ้นเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะด้วยเหตุที่ไม่อยากเป็นจริงๆ หรือเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มี ส.ว.มาเลือกอย่างประยุทธ์ก็ตาม

พูดตรงๆ คุณประวิตรเป็นแค่ “พี่ใหญ่” ที่ “นายใหญ่” ให้ดูแลภารกิจสืบทอดอำนาจซึ่ง “พี่ใหญ่”, “นายใหญ่” และเครือข่ายของนายใหญ่ได้ประโยชน์ไปด้วยทุกคนเท่านั้นเอง

คนจำนวนหนึ่งเชื่อว่ารัฐบาลจะปั่นป่วนหลังจากคุณประยุทธ์โค่นคุณธรรมนัสจากเลขาฯ พรรค

แต่ถึงแม้คุณธรรมนัสจะมีอิทธิพลจนแย่งตำแหน่งเลขาฯ จากกลุ่มสามมิตร รวมทั้งมีบารมีพอจะทำให้คุณประวิตรไม่กล้าปลดตาม “นายใหญ่” คุณธรรมนัสก็ไม่น่าใหญ่จนทำอะไรคุณประยุทธ์ได้จริงๆ

คุณประยุทธ์เป็นส่วนหนึ่งของ “รัฐพันลึก” ที่ต้องการปกครองประเทศไทยตลอดกาล คุณประยุทธ์จึงต่างจากเผด็จการอย่างจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์, จอมพลถนอม กิตติขจร และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่เป็นเผด็จการทหารเพื่อกลุ่มตัวเองล้วนๆ ขณะที่คุณประยุทธ์เป็นเผด็จการเพื่อตัวเองและเป้าหมายอื่นควบคู่ไปตลอดเวลา

ถ้าคุณธรรมนัสเป็นเลขาฯ พรรคแกนนำรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยรัฐสภาแบบอารยประเทศ ความขัดแย้งระหว่างหัวหน้ารัฐบาลกับเลขาฯ พรรคย่อมนำไปสู่การยุบสภาหรือการลาออกของผู้นำ

แต่ในประเทศที่ระบอบอื่นใช้ประชาธิปไตยรัฐสภาอำพรางตัว ความขัดแย้งนี้อาจไม่มีผลอะไรเลย

ในระบอบการเมืองแบบรัฐสภา รวมทั้งในเวลาประเทศไทยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง นายกฯ คือบุคคลที่มาจากพรรคการเมืองซึ่งมีจำนวน ส.ส.ในสภาสูงสุด เลขาธิการพรรคจึงมีความสำคัญจนมีตำแหน่งไม่เป็นทางการเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” เพื่อช่วยนายกฯ บริหาร ส.ส.และรัฐมนตรี

อย่างไรก็ดี ในระบอบที่รัฐบาลเชื่อมโยงและลึกๆ อยู่ภายใต้อำนาจนอกระบบ คนที่ทำหน้าที่ “ผู้จัดการรัฐบาล” ตัวจริงไม่ใช่เลขาฯ พรรครัฐบาล แต่คือคนที่เชื่อมต่ออำนาจนอกระบบกับรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งทหาร, คณะรัฐประหาร, คนที่ทหารเกรงใจ, เจ้าสัวที่จ่ายนายกฯ ฯลฯ สุดแท้แต่กรณี

คุณประยุทธ์คือนายกฯ ที่ถูกมองว่าสืบทอดจากเผด็จการ ต่อให้คุณประยุทธ์จะอ้างว่ามีการเลือกตั้ง แต่ที่มาของคุณประยุทธ์ก็มาจาก ส.ว.ซึ่งคุณประยุทธ์ตั้งเอง เช่นเดียวกับพฤติกรรมการใช้อำนาจกวาดล้างคนเห็นต่างแบบแนวทางเผด็จการไม่ผิดเพี้ยน เป็นเผด็จการคณาธิปไตยมากกว่าเผด็จการแบบตัวบุคคล

พูดตรงๆ รัฐบาลที่มีพลังประชารัฐเป็นแกนนำหลังปี 2562 เป็นเพียงการถ่ายโอนอำนาจจากเผด็จการที่ใช้กระบอกปืนตั้งตัวเองเป็นนายกฯ ในปี 2557 มาเป็นเผด็จการที่เขียนกติกาจนตัวเองได้เป็นนายกฯ ในปี 2562 แล้วแบ่งปันอำนาจให้นักการเมืองกับพลเรือนบางกลุ่มที่เป็นพันธมิตรกัน

หัวใจของระบอบประยุทธ์คือการทำให้คุณประยุทธ์หรือ “นายใหญ่” ยึดประเทศได้ถาวร ระบอบนี้จึงต้องทำทุกทางให้คุณประยุทธ์ยึดทำเนียบ

ส่วนคนอื่นๆ ยึดทหาร-ตำรวจ-มหาดไทย จนทำให้อำนาจควบคุมประชาชนของหน่วยราชการทั้งหมดอยู่ภายใต้ก๊วนประยุทธ์ 3 คนเบ็ดเสร็จมา 7 ปี

คุณประยุทธ์ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าแก๊ง 3 ป.เป็นพี่น้องไม่มีวันแยกจากกัน และด้วยคำประกาศแบบนั้น คุณประยุทธ์ได้สารภาพแล้วว่าแกนกลางของระบอบประยุทธ์คือการปกครองแบบครอบครัวที่ยึดกองทัพ ยึดตำรวจ ยึดผู้ว่าฯ ยึดนายอำเภอ ยึดกำนันผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ เป็นของตัวเอง

ในเงื่อนไขแบบนี้ พลังประชารัฐคือเครื่องมือที่ระบอบประยุทธ์ใช้เพื่อทำลายคู่แข่งของระบอบประยุทธ์อย่างพรรคเพื่อไทย เลขาฯ พรรคเป็นแค่อะไหล่ที่ระบอบจะเปลี่ยนใครก็ได้ให้ทำตามเป้าหมายของ “นายใหญ่” จนกรรมการทุกคนพร้อมลาออกเพื่อเปลี่ยนเลขาฯ ได้ตลอดเวลา

ด้วยวิธีการที่บิ๊กทำเนียบเรียกรัฐมนตรีไปสั่งให้ลาออกจากกรรมการเพื่อโค่นธรรมนัสพ้นเลขาฯ พรรค รัฐบาลประยุทธ์แตกจนไม่เหลืออะไรให้แตก พลังประชารัฐร้าวจนมีโอกาสลามเป็นการโค่นคุณประยุทธ์กลางสภาอีกรอบ ส่วนคุณประยุทธ์ก็เดินหน้ากวาดล้างทุกฝ่ายที่ถือว่าไม่ใช่พวกตัวเอง

คุณธรรมนัสวันที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดเคยบอกว่าตัวเองกุมความลับขั้น “ถ้าผมพัง รัฐบาลพัง” และไม่ว่าคุณธรรมนัสจะมีความสำคัญแบบนั้นจริงๆ หรือเป็นแค่ราคาคุย วิธีที่คุณประยุทธ์ทำกับคุณธรรมนัสก็แสดงถึงการลุแก่อำนาจขั้นล้างผลาญไม่ให้คุณธรรมนัสเหลืออะไร นอกจากเป็น ส.ส.ธรรมดา

ถึงที่สุดแล้ว ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ระบอบที่บุคคลคณะเดียวกันรวบประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งกว่านั้นคือเป็นการกินรวบที่เห็นแก่ตัวจนพร้อมใช้ทุกฝ่ายเป็นเครื่องมือ-กำจัดฝ่ายตรงข้าม และกวาดล้างฝั่งเดียวที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน หรือถึงที่สุดเป็นระบอบที่ทุกคนเป็นแค่ลูกน้องของนาย

เป้าหมายของระบอบประยุทธ์คือการปกครองประเทศตลอดกาล ส่วนเป้าหมายของการปกครองตลอดกาลคืออะไรก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว สังคมไทยจึงกลายเป็นสังคมที่ทุกคนต้องอยู่ใต้อำนาจคุณประยุทธ์ไม่รู้จบ ส่วนจะต่อรองอะไรได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการสยบยอมให้นายพอใจ

เจ็ดปีของคุณประยุทธ์คือเจ็ดปีที่ระบอบนี้ลุแก่อำนาจจนทำเรื่องที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อนหลายเรื่องด้วยกัน แต่ถึงแม้ทั้งหมดนี้จะแสดงถึงความสำเร็จในการสร้างระบอบซึ่งเอาแต่ใจตนเอง ระบอบนี้สร้างศัตรูจนเป็นศัตรูกับคนแทบทุกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้นคนที่ได้ประโยชน์จากระบอบโดยตรง

พฤติกรรมของคุณประยุทธ์ที่ไม่ฟังใครทำให้คุณประยุทธ์เป็นศัตรูกับทุกคน คุณประยุทธ์จึงไม่มีวันที่จะลาออกหรือยุบสภาในอนาคตอันใกล้ เพราะจะทำให้คุณประยุทธ์สูญเสียอำนาจ ส่วนคนกลุ่มอื่นก็จะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในที่สุด โดยเฉพาะอำนาจในการเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาล

เจ็ดปีของคุณประยุทธ์คือเจ็ดปีแห่งการกินรวบประเทศโดยไม่เจรจากับใคร วิธีทำงานการเมืองของคุณประยุทธ์ทำให้การเมืองมีความหมายแค่การเลือกระหว่าง

1) ไม่เอาประยุทธ์จนถูกตามล่าและกวาดล้าง

กับ 2) เป็นลูกสมุนประยุทธ์จนมีโอกาสกอบโกยหรือแสวงหาผลประโยชน์ตลอดเวลา

ตรงข้ามกับความปรารถนาของประชาชนที่จะเห็นประยุทธ์ลาออกหรือยุบสภา คุณประยุทธ์มีศัตรูทุกสารทิศขั้นไม่มีวันกล้ายุบสภาหรือลาออก เราจะเจอการยื้ออยู่ยาวของรัฐบาลที่ประชาชนแช่งให้ออกไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับการต่อต้านรัฐบาลที่จะสูงอย่างไม่เคยมีมาเลย

ประเทศไทยจากนี้จะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงระดับที่ไม่มีทางวิน-วิน หรือทุกฝ่ายได้กันหมด คุณประยุทธ์บีบประเทศให้เรียวแคบจนทางเลือกแบบล้างบางเป็นตัวเลือกเดียวไปที่สุด ความขัดแย้งระหว่างประวิตรและประยุทธ์ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าโอกาสที่ประเทศจะเกิดเรื่องวุ่นได้ตลอดเวลา

เอาประยุทธ์ออกไปคือทางออกที่จำเป็นของประเทศ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางมีอะไรดีขึ้น มีแต่อนาคตจะเลวมากขึ้นหรือเลวน้อยลง