ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 ตุลาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ |
ผู้เขียน | หนุ่มเมืองจันท์ |
เผยแพร่ |
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC
โลกที่เปลี่ยนไป
ใครจะไปนึกว่าเจ้าโควิดจะอยู่กับเรามานานเกือบ 2 ปีแล้ว
โลกยุคโควิดเป็นโลกที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
เจอวิกฤตเศรษฐกิจจากการลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 ว่าหนักแล้ว ยังไม่เท่าวิกฤตโควิด
เพราะปี 2540 กระทบหนักเรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
แต่เจ้าโควิดเป็นโรคระบาด ดังนั้น นอกจากเรื่องเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าปี 2540 แล้ว
การใช้ชีวิตของเรายังเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก
ต้องล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน
ไปห้างก็ไม่ได้
จะกินข้าวก็ต้องโทร.สั่งอาหารจากร้าน
เดินทางไปไหนก็ต้องระวังตัว กลัวติดเชื้อโควิดกลับบ้าน
เป็นวิถีชีวิตที่เราไม่เคยเจอมาก่อนตั้งแต่เกิดมา
และไม่ใช้ระยะเวลาสั้นๆ เหมือนตอนที่เราเจอน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
แต่ลากยาวเป็นปี จนตอนนี้เกือบ 2 ปีแล้ว
ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่ง “ความสุข” ง่ายๆ ในชีวิต คือการออกไปนอกบ้านโดยไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย
เราฝันถึงวันนั้น
อย่าแปลกใจที่เวลาคนไทยไปอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกาช่วงนี้
คลิปแรกที่ทุกคนถ่ายลงโซเชียลมีเดีย คือ การเดินตามท้องถนนแบบไม่ต้องใส่หน้ากาก
เรื่องที่สุดแสนจะปกติธรรมดาในอดีต กลายเป็น “ความสุข” ในวันนี้
ทุกคนเบื่อการใส่หน้ากากเข้าหากัน
ยิ่งเวลาผ่านไปจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการค้นพบยารักษา “โควิด”
ทั้งแบบกิน แบบฉีด และแบบดม
นี่คือ “แสงสว่าง” ที่ปลายอุโมงค์อย่างแท้จริง
เพราะถ้า “โควิด” เป็นโรคที่มียารักษาหาย โรคนี้ก็จะคล้ายกับ “ไข้หวัดใหญ่”
ฉีดวัคซีนป้องกันก็ได้
หรือถ้าป่วยก็มียารักษาหาย
โรคนี้จะลดความน่ากลัวลง
ผมเชื่อว่าภายในกลางปีหน้า การใช้ชีวิตน่าจะเริ่มกลับมาปกติ
แต่ไม่เหมือนเดิม
มีคนถามกันมากว่า “โลกหลังโควิด” จะเป็นอย่างไร
เพราะแม้ว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่ช่วง 2 ปีที่เราใช้ชีวิตกับโควิด ยาวนานพอทำให้พฤติกรรมหลายอย่างเปลี่ยนไป
การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ การสั่งซื้ออาหารแบบเดลิเวอรี่ ที่บูมมากในช่วงโควิดจะกลายเป็น “วิถีใหม่” ของคนไทย
ไม่ใช่พอโควิดหาย พฤติกรรมนี้จะหายไปด้วย
เวลาที่ยาวนานกลับทำให้เราคุ้นชินกับ “วิถีใหม่”
รู้สึกว่าสะดวกสบายกว่า “วิถีเดิม”
เช่นเดียวกับการทำงาน
เกือบ 2 ปีที่คนทำงานเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านมากขึ้น
จากเดิมที่เข้าสำนักงานทุกวัน
แม้แต่ตอนนี้บางคนยังทำงานที่บ้านอยู่เลย
คนทำงานทุกคนเริ่มหัดใช้การประชุมออนไลน์ แม้แต่ระดับผู้บริหารที่อายุมากไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีใหม่ก็ยังต้องใช้
ไม่เช่นนั้นทำงานไม่ได้ในยุคโควิด
“โควิด” บังคับให้เราต้องเรียนรู้ใหม่
เราได้เรียนรู้ว่าไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากัน เราก็ทำงานได้
การติดต่อลูกค้าหรือเจรจาธุรกิจก็คุยผ่าน ZOOM ได้
ไม่ว่าจะเป็นภายในเมืองไทย หรือระหว่างประเทศ
“โควิด” ทำให้เกิด “ปัญหา”
แต่ในมุมหนึ่งก็ได้สร้าง “โอกาสใหม่” ในทางธุรกิจ
เชื่อกันว่าหลังโควิด การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเจรจาธุรกิจจะลดน้อยลง
เพราะเกือบ 2 ปีนี้ทุกคนเรียนรู้แล้วว่าเรามีวิธีการอื่นที่ได้ผลแบบเดียวกัน
แต่ประหยัดกว่า
ถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อาจจำเป็นต้องเดินทางไปเจอหน้าเจอตากันหน่อย
แต่หากเป็นคู่ค้าเดิมที่รู้จักกันอยู่แล้ว
นั่งเปิดจอคุยกันเหมือนตอนโควิดก็ได้
ไม่ต้องเสียค่าเดินทางแพงๆ
นี่คือ “วิถีใหม่” ที่จะเกิดขึ้นหลังโควิด
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมสนใจก็คือหลังโควิดแล้ว บริษัทต่างๆ จะให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงาน 5 วันเหมือนก่อนโควิดไหม
ผมลองทำวิจัยผ่านเพจ “หนุ่มเมืองจันท์”
คนที่ติดตามส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน
ก่อนหน้านี้ผมเคยลองตั้งคำถามว่าพ้นจากโควิดแล้วถ้าเลือกได้อยากเข้าทำงานที่ออฟฟิศกี่วัน
แม้จะมีคนบ่นเรื่องการทำงานที่บ้านเยอะมาก แต่แทบทุกคนอยากกลับไปเจอเพื่อนที่ทำงาน
อย่างไรก็ตาม มีคนน้อยมากที่ตอบว่าอยากทำงานที่บ้าน 5 วัน
เช่นเดียวกับกลุ่มที่อยากไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน
ส่วนใหญ่อยากทำงานแบบ “ไฮบริด”
คือ ทำงานที่บ้าน 2-3 วัน และทำงานที่ออฟฟิศ 2-3 วัน
พอหลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย รัฐบาลคลายล็อกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนกลับไปทำงานออฟฟิศเยอะขึ้น
ดูจากการจราจรใน กทม.ที่รถเริ่มติด
ผมลองโพสต์ถามเรื่องนี้ในเพจของผมอีกครั้ง
เปลี่ยนมุมใหม่ไม่ใช่ “อยากได้” เหมือนครั้งแรก แต่เป็น “ความจริง” ว่า นโยบายของแต่ละบริษัทเป็นอย่างไร
ให้เข้ามาทำงานในออฟฟิศ 5 วันเหมือนเดิม หรือให้ทำงานที่บ้านบางวัน
มีคนเข้ามาตอบ 125 คน
บางคนบริษัทยังให้ทำงานที่บ้านเหมือนเดิม
“ทำงาน 5 วันครับ แต่ไม่เคยเข้าออฟฟิศมาครึ่งปีละครับ จำทางไปบริษัทไม่ได้แล้วครับ”
กลับไปทำงานใหม่ บริษัทนี้คงต้องแชร์โลเกชั่นให้พนักงาน
มีประมาณ 20% บอกว่าบริษัทให้ทำงานที่ออฟฟิศ 5 วัน
แต่ส่วนใหญ่บริษัทจะให้ทำงานแบบ “ไฮบริด”
มีทั้งแบ่งเป็น 2 ทีม ผลัดกันเข้าทีมละสัปดาห์
หรือให้ทุกคนจะทำงานที่บ้านสลับกับเข้าออฟฟิศ
“มีโควต้าให้ 2 วันต่อสัปดาห์ เลือกจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ค่ะ”
“เข้าอาทิตย์ละ 1-2 หรือ 3 วัน แต่ทำงานให้เสร็จค่ะ”
“ที่แผนกเริ่มให้เข้าอาทิตย์ละ 2 วันค่ะ ย้ำว่าที่แผนกเพราะแต่ละทีมไม่เหมือนกันค่ะ”
“ทำที่ออฟฟิศ 4 วัน anywhere ทุกวันศุกร์”
“เคน” ของ The Standard บอกว่าที่นี่ “Work from anywhere forever ครับ เข้าออฟฟิศเฉพาะที่ต้องใช้อุปกรณ์หรือประชุมแบบเจอหน้า หรือพวกเรื่อง relationship ที่ออนไลน์ทำไม่ได้”
แนวโน้มนี้เองที่ให้การจัดออฟฟิศหลังโควิดจะเปลี่ยนไป
“บริษัทเริ่มปรับเป็นไม่มีที่นั่งส่วนตัวแล้วครับ แผนงานที่ทราบต่อไปอยากเข้าวันไหนก็เข้า”
“บริษัทให้เข้าออฟฟิศปีหน้าเลยครับ โดยถือเป็นโอกาสลดพื้นที่ออฟฟิศเหลือ 70% เพราะปีหน้าน่าจะสลับกันเข้าออฟฟิศ แบบ 3 วันเข้า 2 วัน WFH โดยออฟฟิศจะไม่มีที่นั่งประจำอีกต่อไปครับ”
ผมเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะชัดเจนขึ้นในปีหน้า
“โควิด” ได้ทำลายระบบการทำงานในออฟฟิศ 5 วัน เปลี่ยนเป็นแบบ “ไฮบริด”
มาทำงานเจอหน้ากันบ้าง เพื่อแก้คิดถึง หรือได้แลกเปลี่ยนความคิดกันแบบไม่ต้องรอให้ใครพูดจบเหมือนใน ZOOM
บางวันก็ทำงานที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้
ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
บริษัทจะลดพื้นที่สำนักงานลง พนักงานจะไม่มีที่นั่งส่วนตัว แต่เปลี่ยนเป็นโต๊ะรวมแบบ co-working space
มีหลายบริษัทที่เช่าอาคารสำนักงาน ถ้าคืนพื้นที่ได้ เขาจะขอคืนบางส่วน
ถือโอกาสประหยัดค่าเช่าพื้นที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ
นี่คือ “วิถีใหม่” ของระบบการทำงานหลังโควิดครับ