เผยแพร่ |
---|
การชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลนั้นเป็นไปอย่างสันติ โดยตั้งใจปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาลค้างคืนเพื่อให้รัฐบาลรับข้อเรียกร้อง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ การใช้กำลังเข้าสลายชุมนุม ในช่วงเช้ามืดวันที่ 15 ตุลาคม ทำให้มีนักเคลื่อนไหวหลายคนถูกจับ หลายคนที่มาจากภูมิลำเนาของตนต้องตกค้าง ไม่สามารถหาที่พักหรือกลับภูมิลำเนาได้ และการชุมนุมต่อเนื่องหลังจากวันนั้น เจ้าหน้าที่ยกระดับความรุนแรงในการสลายการชุมนุม อย่างการใช้น้ำผสมสารระคายเคืองที่แยกปทุมวัน (16 ตุลาคม 2563)
- อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ตร.ลุย-สลายม็อบ ปะทะวุ่น นร.-นศ.สู้ยิบตา!
จนถึงการใช้กระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง และการใช้ความรุนแรงด้วยกฎหมาย ทั้งคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน กฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 จนมีผู้ร่วมเคลื่อนไหวถูกจับกุมเป็นจำนวนมากและยังไม่ได้รับสิทธิประกันตัว
แถลงยังระบุอีกว่า แม้ในรูปแบบการเคลื่อนไหวในปัจจุบันจะเปลี่ยนไป แต่ยังคงยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อดังเดิม นั้นคือ 1.พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพต้องออกไป 2.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แก้ไขทุกหมวด ทุกมาตรา และ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้แถลงการณ์ตอนท้ายระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งต่อไป ขอให้พี่น้องทุกท่านเตรียมตัวนัดหมายสำคัญในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งในวันนั้น ตรงกับวันที่ นวมทอง ไพรวัลย์ คนขับแท็กซี่ที่ใช้รถแท็กซี่พุ่งเข้าชนรถถังที่จอดในช่วงการรัฐประหาร 2549 ในความพยายามพลีชีพเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการผูกคอบนสะพานลอยหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ นวมทองได้สวมเสื้อในวันนั้นที่สกรีนลายบทกวีของกุหลาบ สายประดิษฐ์ ที่เขียนว่า
อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธ แสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน