ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : ขนมปังกับผักชี / อุรุดา โควินท์

 

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: ขนมปังกับผักชี

 

ฉันไม่ขี้เกียจทำอาหาร ชอบล้างจาน ชอบถูครัว ฉันเพลิดเพลินมาก ตราบเท่าที่มันไม่เกินมือ ซึ่งหมายถึงเป็นการทำครัวในบ้าน ไม่ใช่ครัวของร้านอาหาร

ในกระบวนการครัวทั้งหมด ที่ฉันชอบน้อยสุด คือจ่ายตลาด ส่วนหนึ่ง เพราะเชียงรายไม่มีตลาดที่ฉันสามารถซื้อทุกสิ่ง (อย่างถูกใจ)

ฉันไปตลาดบ้านใหม่ หากอยากได้ปลาน้ำจืด และผักตามฤดูกาล

แต่ถ้าต้องการอาหารทะเลสด กุ้งแห้งดี ฮ้าแห้ง น้ำอ้อย ฉันไปตลาดเทศบาล

กะทิสดไม่มีขายทุกตลาด ทุกเวลา กรณีจะทำขนมจีน หรือแกงปลา กะทิอยู่ตลาดหนึ่ง ปลาช่อนอยู่อีกตลาด กว่าจะได้แกงฉันต้องไปถึงสองตลาด

นั่นทำให้บางที-ฉันขี้เกียจจ่ายตลาด โดยเฉพาะในห้วงยามนี้ สถานที่แออัดอย่างตลาดทำให้ฉันหวั่นใจ

ฉันไปตลาดเพราะความจำเป็น เจออะไรกินได้ ก็หยิบและจ่าย แล้วรีบกลับ อะไรสั่งซื้อได้ก็สั่ง บางอย่างไม่จำเป็นต้องกิน-ไม่กิน

ฉันกินง่ายขึ้น ดัดแปลงเก่งขึ้น เพราะขี้เกียจจ่ายตลาด บางสิ่งที่ไม่ค่อยกิน กลับกินบ่อยจนชอบ เพราะซื้อง่าย ร้านโล่ง

อาทิ ขนมปัง

 

ขนมปังเป็นมื้อเช้าบ่อยขึ้น เช่นเดียวกับมันฝรั่ง เก็บง่าย เก็บได้หลายวัน และมีขายใกล้บ้าน ซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปซื้อได้สบาย

“กลางวันกินแซนด์วิชนะ” ฉันบอก มีขนมปัง เพิ่งซื้อมาอุ่นๆ จากเตา

ใช่ ขนมปังขยายอาณาเขตจากมื้อเช้ามาเป็นมื้อกลางวันด้วย

“พูจะทำสบู่รีแบช ยังไม่ได้ผสมสี ยังไม่ได้ห่อโมลด์ ต้องทำอาหารที่ใช้เวลาน้อย” อธิบายเขา แต่แล้วก็คิดได้ ไม่เร็วนักหรอก แซนด์วิชเวียดนามน่ะ

“กินได้อยู่แล้ว เมื่อก่อนกินทุกมื้อ” เขาไม่ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ ยามมีสมาธิกับงาน การตอบรับจากเขาถือเป็นการแสดงความรัก

เขาจะลุกจากโต๊ะเมื่อหิว เข้าห้องน้ำ มีคนมาส่งของ หรือเล่นกับหมา

 

ฉันกินบั๋นหมี่ครั้งแรกที่อีสาน จำได้ว่าเป็นแซนด์วิชที่ไส้ล้น มีทั้งผักและเนื้อสัตว์ และชอบสุดคือมีผักชี

ไม่คิดว่าผักชีจะกินกับขนมปังอร่อย แต่เมื่อผักชีอยู่ในบั๋นหมี่ ก็ดูเหมือนขนมปังกับผักชีเกิดมาเพื่อกันและกัน

เขาไม่ค่อยโปรดผักชี แต่ในแซนด์วิชนี้เขาจะพอทนได้ (มันเข้ากันจริงๆ)

เตรียมผักดองไว้ตั้งแต่เมื่อคืน อืม…ผักดองต่างหาก ที่ทำให้แซนด์วิชนี้แตกต่าง

ใช้หัวผักกาดและแคร์รอตหั่นเป็นชิ้นยาว คลุกเกลือไว้ 15 นาที ผักจะอ่อนนุ่มขึ้น ล้างผักด้วยน้ำให้สะอาด รอสะเด็ดน้ำ ใส่น้ำตาลกับน้ำส้มสายชูปริมาณเท่ากัน คลุกเคล้าให้ทั่ว จับเข้าตู้เย็น

ทำแบบนี้ตั้งแต่เย็นวาน ตอนนี้ฉันมีผักดองอมเปรี้ยวอมหวานใส่แซนด์วิช หรือจะกินกับขนมจีนก็ยังได้

เอาหมูออกจากตู้เย็น ใช้สันคอหมูสับหยาบ ฉันทำสองชิ้น ใช้หมูหนึ่งขีดพอ

ผัดหมูให้สุก น้ำมันน้อยๆ ปรุงรสด้วยพริกไทยดำ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลนิดหน่อย

ฉันไม่รู้หรอก ต้นตำรับเมนูนี้ทำกันอย่างไร ฉันเดาจากที่เคยกิน ตัดบางอย่างที่ไม่ชอบออก เช่น แตงกวา (ไม่ค่อยมีรสชาติ) และกุนเชียง (หวานเกิน)

เนื้อสัตว์ในแซนด์วิชของฉัน คือหมูสับปรุงรส และหมูยอเชียงราย ซึ่งอร่อยมาก อร่อยแบบหมูล้วน นิ่ม และหอมพริกไทยดำ

หั่นหมูยอเป็นท่อนยาวๆ ให้เยอะไว้ เพราะขนมปังที่ได้มาเป็นบาเก็ตแบบแน่น เพื่อความสมดุล จึงต้องการไส้มากสักนิด

ขาดไม่ได้คือผักชี เด็ดเป็นท่อนรอไว้ และผักใบเขียวนิดหน่อย

ผ่าขนมปังแล้ว ฉันทาเนยทั้งสองด้าน เนยดีก็มีส่วนช่วยให้แซนด์วิชอร่อย

ทามายองเนสบางๆ อีกชั้น แล้วจึงใส่ไส้ เริ่มจากผักใบเขียว หมูปรุงรส ผักดอง หมูยอ ปิดท้ายด้วยผักชี

ลงจาน ราดซอสพริกกับมายองเนสนิดหน่อย แล้วยกมื้อกลางวันไปที่โต๊ะ

 

เขานั่งรออยู่แล้ว พร้อมกับท้าวฮุ่ง ครอบครัวเล็กๆ ของเรานั้น หมากับคนตัวติดกัน (ไม่แน่ใจว่าคนติดหมา หรือหมาติดคน)

ท้าวฮุ่งคาบกระดูกขัดฟันมา แกว่งหางดังพึ่บพั่บ มันดีใจทุกครั้งที่เจอฉัน ไม่ว่าฉันจะห่างมันไปกี่นาที และมันทำตาละห้อยทุกครั้งที่ฉันเปิดประตู บอกมันว่า “อยู่บ้าน”

บนโต๊ะมีกาแฟเย็นของฉัน และชาเขียวร้อนของเขา

“หิวแน่เลย ชงเครื่องดื่มรอแบบนี้น่ะ” ฉันแซว

“แน่นอนสิ” ยิ้ม หยิบแซนด์วิช “มันใหญ่มาก”

ใช่ เมื่อใส่ไส้เต็มที่ มันดูใหญ่จนต้องหามุมกัด

ไม่อยากเชื่อว่าฉันกินหมด ฉันไม่เคยกินบาเก็ตของร้านนี้หมดทั้งชิ้น

“พูว่าทำขายหน้าบ้านได้นะ ตั้งโต๊ะขาย มีไส้หลายๆ แบบให้คนเลือก แต่ทุกชิ้นต้องมีหมูปรุงรสและผักชี ไม่งั้นไม่อร่อย”

เขาทำหน้าตกใจ “มีผักชีด้วย”

ฉันหัวเราะ “หลายท่อน ลงท้องเราสองคนไปแล้ว”

“ถ้าจะขาย ต้องหาขนมปังใหม่ คนอื่นอาจไม่ชอบ ขนมปังต้องเบากว่านี้” ฉันคิด แล้วเผลอพูดออกมา

เขาส่ายหัว “พูแค่อยากเจอคนน่ะ ไม่ได้อยากขายของ พอหายเหงา ก็เลิกคิดเรื่องขาย”

ฉันอ้าปากจะเถียง แต่เถียงไม่ออก ดื่มกาแฟดีกว่า