การศึกษา : ปรากฏการณ์ ‘ลิซ่า’ ฟีเวอร์ ปลุกกระแส วัฒนธรรมไทย

 

ปรากฏการณ์ ‘ลิซ่า’ ฟีเวอร์

ปลุกกระแส วัฒนธรรมไทย

 

จากกระแสมิวสิกวิดีโอของ “ลิซ่า BLACKPINK” หรือลลิษา มโนบาล ที่ออกอัลบั้มเดี่ยว เปิดตัวด้วยซิงเกิลล่าสุด ‘LALISA’ ที่เพิ่งปล่อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำยอดวิวพุ่งทะยานเป็นอันดับ 1 ของโลก

MV เพลงดังกล่าวนอกจากจะสะท้อนตัวตนลิซ่าได้เป็นอย่างดีแล้ว

ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย โดย “ลิซ่า” ใส่ชุดไทยและสวมรัดเกล้า ส่งผลให้แฟนคลับชาวไทยหรือคนที่รักที่ชอบลิซ่า หันมาใส่ชุดไทยและสวมรัดเกล้าตามลิซ่ากันยกใหญ่

ถึงขั้นที่แหล่งซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับในราคาส่งอย่างย่านพาหุรัด ที่เคยซบเซาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลับมาคึกคักอีกครั้ง

หลังจากเหล่าบลิ๊งก์ไทยพร้อมใจกันสั่งซื้อทั้งผ้าไทย, ชฎารัดเกล้าและเครื่องประดับ ทำให้เหล่าผู้ประกอบการร้านค้ากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งจากกระแสของลิซ่า

หลังเคยคึกคักจากละคร “บุพเพสันนิวาส” เมื่อ 3 ปีก่อน

 

แต่ไม่วายมีดราม่าถึงสิ่งที่ “ลิซ่า” สวมใส่บนศีรษะว่ามีลักษณะคล้ายชฎา ว่าอาจจะไม่เหมาะสม แต่ก็ดังไม่เท่ากระแสความฮิต ถึงขั้นหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พาเหรดกันออกมาชื่นชม

อย่างนายประสพ เรียงเงิน รองปลัด วธ. ในฐานะโฆษก วธ. ออกมาแสดงความชื่นชมลิซ่า และผู้ออกแบบเครื่องประดับศีรษะชาวไทยที่ลิซ่าใส่แสดงใน MV LALISA นับเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ในด้านการออกแบบแฟชั่นไทย ทำให้ศิลปวัฒนธรรมไทยและงานออกแบบแฟชั่นไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการเผยแพร่สู่ระดับโลก

ที่ผ่านมา วธ.ได้ดำเนินการส่งเสริมและนำทุนวัฒนธรรมมาต่อยอดในรูปแบบต่างๆ และได้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยการนำคุณค่าของวัฒนธรรมมาต่อยอดสร้างสรรค์สินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรมให้แก่ชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน

“โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรมที่มีศักยภาพของไทยหรือ 5F ได้แก่ อาหาร ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ การออกแบบแฟชั่นไทย ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และเทศกาลประเพณีไทย ดังนั้น การนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะให้คนที่ชม MV ดังกล่าวได้ชมความงดงามของวัฒนธรรมไทยในรูปแบบร่วมสมัย ที่ผู้ออกแบบและลิซ่าได้นำเสนอออกมาให้เข้ากับยุคสมัยและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่”

โฆษก วธ.กล่าว

 

ขณะที่นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) บอกคล้ายกันว่า เป็นการนำมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยในหลายเรื่องไปเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก เช่น ผ้าไทย การรำไทย เป็นต้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยสามารถนำไปประยุกต์สอดแทรกเข้ากับการแสดงได้ในหลายรูปแบบ ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะทำให้มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมไม่ตาย ทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับศิลปวัฒนธรรมไทยได้

ขณะที่นายสุรัตน์ จงดา หรือ “ครูไก่” ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) ออกปากชมผลงานมิวสิกวิดีโอของ “ลิซ่า” เป็นงานสร้างสรรค์ที่ลงตัว นำเสนอความเป็นไทยในระดับสากล นับว่าเป็นงาน “สร้างสรรค์ศิลป์” ทำให้ต่างชาติรู้จักเมืองไทยมากขึ้น เมื่อชาวต่างชาติเห็น มั่นใจได้เลยว่าจะต้องนึกถึงเมืองไทย เพราะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีคณะละครไทยไปตระเวนแสดงที่ทวีปยุโรป

ทำให้หลายประเทศในทวีปยุโรปรู้จักการแต่งกายของคณะละครไทยมาตั้งแต่ยุคนั้น

 

คําชื่นชมดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลจากเว็บไซต์ U.S. News ที่ได้จัดอันดับประเทศที่มีมรดกวัฒนธรรมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2021 จากทั้งหมด 78 ประเทศ

ซึ่งประเทศที่ได้อันดับ 1 คือ สเปน อันดับ 2 อิตาลี และอันดับ 3 กรีซ ส่วนไทยได้อันดับ 7 ของโลก โดยไทยมีอันดับดีขึ้นกว่าเมื่อปี 2020 ที่อยู่อันดับ 9 ของโลกด้วย

เชื่อว่า กระแสลิซ่าจะแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่แน่นอน ถือเป็นความภูมิใจของคนไทย

นอกจากนำวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่สู่สายตาชาวโลกแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไทย โดยชุดไทยที่ลิซ่าสวมในมิวสิกวิดีโอ ตัดเย็บจากผ้าไหมยกลำพูนลายพานจักรพรรดิยกทองประดับด้วยคริสตัลที่ปักอย่างประณีตด้วยมือ และใส่รัดเกล้ายอดคล้ายชฎาอันแสนสง่านั่งบนบัลลังก์ตั่งทอง

ทั้งยังมีฉากหลังที่แฟนๆ คาดว่าเป็นการจำลองปราสาทหินพนมรุ้งของจังหวัดบุรีรัมย์บ้านเกิดของลิซ่าด้วย ส่งเสริมการท่องเที่ยวไปอีกช่องทาง

หากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง การท่องเที่ยวของไทยคงกลับมาคึกคักอีกแน่นอน…