โฮจิมินห์เริ่มแล้ว ล็อกดาวน์เมือง 2 สัปดาห์ เล่นคำเป็น “คำสั่งแยกกักทางสังคม”

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นครโฮนครโฮจิมินห์ เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของเวียดนาม ที่มีประชากรราว 9 ล้านคน ได้เข้าสู่การตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ที่ทำให้ถนนทั่วทั้งเมืองแทบไร้ผู้คน ในความพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิดในพื้นที่นครนครโฮจิมินห์แล้วมากกว่า 9,400 ราย

อย่างไรก็ตามทางการเวียดนามไม่ได้เรียกการบังคับใช้มาตรการคุมเข้มนี้ว่า การล็อกดาวน์ (lockdown) แต่เลี่ยงมาใช้คำว่าเป็น”คำสั่งแยกกักทางสังคม” (social isolation orders) แทน โดยภายใต้มาตรการนี้ได้ห้ามประชาชนในนครโฮจิมินห์รวมตัวกันเกินสองคนในที่สาธารณะและอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อซื้อหาอาหาร ยาและในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น โดยตำรวจได้ตั้งจุดตรวจตามพื้นที่รอยต่อเมืองที่อนุญาตให้ผู้มีผลตรวจเชื้อเป็นลบเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาได้

เอเอฟพี

เจ้าหน้าที่ทางการบินเปิดเผยว่า สายการบินต่างๆ สามารถให้บริการผู้โดยสารจากนครโฮจิมินห์ไปยังกรุงฮานอย อันเป็นเมืองหลวง ได้สูงสุดรวมกันวันละไม่เกิน 1,700 คน ขณะที่รถไฟที่วิ่งระหว่างจุดหมายปลายทางทั้งสองเมืองใหญ่นี้ถูกระงับไปทั้งหมด

เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เคยได้รับการชื่นชมว่าเป็นโมเดลของการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีจากการดำเนินมาตรการคุมเข้มที่เข้มงวดและการติดตามรอยโรคอย่างกว้างขวาง โดยผู้ที่ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อจะถูกกักโรคอยู่ในสถานที่กักตัวของทางการ อย่างไรก็ตามนครโฮจิมินห์ เป็นแห่งแรกที่มีการปรับนโยบายคุมเข้ม ที่อนุญาตให้ผู้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ กักตัวที่บ้านได้ เนื่องจากสถานที่กักตัวของทางการนั้นมีผู้กักตัวล้นจนไม่เพียงพอรองรับ

เอเอฟพี

ก่อนหน้านี้สื่อทางการรายงานด้วยว่ามีนักโทษกว่า 80 คนและเจ้าหน้าที่เรือนจำส่วนหนึ่งในเรือนจำจี๊ฮหว่า ในนครโฮจิมินห์ ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดด้วย โดยยังมีรายงานว่ามีเสียงปืนดังขึ้นภายในเรือนจำแห่งนี้เมื่อวันอังคาร(6 ก.ค.) แต่ไม่มีรายงานชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น

ทั้งนี้ก่อนโควิด-19 เริ่มระบาดหนักในช่วงปลายเดือนเมษายน เวียดนามมีรายงานผู้ติดเชื้อทั่วประเทศไม่ถึง 3,000 ราย ขณะที่ล่าสุดเวียดนามมีผู้ติดเชื้อสะสมจำนวน 24,810 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 104 ราย