ขอบคุณข้อมูลจาก | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
‘รัฐบาล’ เผย แผนเปิดประเทศให้ เอกชน-รัฐหารือร่วมกันเอง ศบค.ไม่ใช่ผู้กำหนด
วันที่ 22 มิถุนายน 2564 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ใหม่ในหลายจังหวัดจะทบทวนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หรือไม่ ว่า จากการประชุมศบค.ชุดใหญ่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หารือถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรครวมถึงการเปิดประเทศตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเปิดประเทศใน 120 วันหรือเดือนตุลาคมนี้
ที่ประชุมมีมติว่าการพิจารณาเปิดพื้นที่นำร่องเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งที่จ.ภูเก็ต หรือตามเกาะต่างๆ ในจ.สุราษฎร์ธานี ทั้ง เกาะสมัย เกาะพงัน และเกาะเต่า เป็นความตกลงร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ โดยจะคำนึงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่นั้นๆ รวมทั้งจำนวนผู้ได้รับวัคซีนและความพร้อมด้านสาธารณสุขในพื้นที่ ดังนั้นการดำเนินการและปฏิบัติตามมาตราการด้านสาธารณสุขจะทำอย่างเคร่งครัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ส่วนแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นนอกเหนือจาก จ.ภูเก็ตและเกาะต่างๆในจ.สุราษฎร์ธานี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเสนอ โดยรัฐและเอกชนจะต้องหาข้อสรุปให้ได้อย่างชัดเจนก่อนเสนอต่อที่ประชุมศบค.ให้พิจารณา และศบค.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะกำหนดว่าพื้นที่ใดจะเปิดได้หรือไม่ ส่วนหลักเกณฑ์รับนักท่องเที่ยวยืนยันว่าจะดำเนินการให้เป็นตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก (WHO)
เมื่อถามถึงกรณีคณะกรรมการบริหารราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย แสดงความห่วงใยต่อนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังโดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นเรื่องข้อกังวลต่างๆ แต่ทั้งหมดนายกฯ ได้ให้นโยบายไว้แล้วว่าจะต้องรักษาสมดุลทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การดูแลสุขภาพ และการดูแลการแพร่ระบาดจึงเป็นเหตุผลทำให้รัฐบาลต้องเลือกแซนด์บ็อกซ์ เปิดรับนักท่องเที่ยวเฉพาะบางพื้นที่เช่นที่ภูเก็ต ซึ่งจะมีการควบคุมในพื้นที่นั้น แต่หากพื้นที่นั้นๆ ต้องมีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงก็จะดำเนินการทันที ซึ่งสามารถแก้ไขและปรับเปลี่ยนเรื่องการเปิดประเทศในลักษณะการนำร่องในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ตามมา
ส่วนที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าปัจจุบันผู้ติดเชื่อเพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้เตียงไม่เพียงพอ รวมถึงบางพื้นที่ไม่มีรถพยาบาลไปรับตัวผู้ป่วย ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ นายกฯได้สั่งการว่าให้แต่ละจังหวัดเพิ่มจำนวนเตียงและปรับให้รักษาผู้ป่วยตามอาการ อีกทั้งได้สั่งการว่าหากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องเพิ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอกซเรย์ ให้เร่งแจ้งความประสงค์เข้ามา นายกฯ พร้อมพิจารณาอนุมัติให้เป็นการเร่งด่วนเพิ่มประสิทธิภาพของโรงพยาบาลในการรักษาผู้ป่วย
เมื่อถามว่าจะมีการทบทวนการเปิดเรียนหรือไม่เพราะบางจังหวัดมีการแพร่ระบาดโควิดในโรงเรียน นายอนุชา กล่าวว่า หลังจากมีการเปิดภาคเรียนเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน หากโรงเรียนใดมีปัญหาการแพร่ระบาดโควิดก็ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการสาธารณสุขโดยการปิดเรียนชั่วคราว แต่โรงเรียนใดที่ไม่มีปัญหาก็ดำเนินการตามเดิม
เมื่อถามว่าจะเปิดเผยงบประมาณด้านสาธารณสุขให้ประชาชนรับทราบได้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯ แจ้งว่าหากพบหรือเกิดข้อสงสัยมีหลักฐานสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษและเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบได้ทุกกรณีไม่มีการยกเว้นใครผู้ที่รับผิดชอบต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบทันที หากพบว่าผิดจริงจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น เมื่อถามว่าการฉีดวัคซีนในพื้นที่กทม.ฉีดวัคซีนได้เท่าไหร่แล้ว และจะทันกำหนดการที่วางไว้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ณ วันที่ 22 มิถุนายน ฉีดไปแล้ว 2,401,836 โดย ดังนั้นในเดือน กรกฎาคม จำนวน 5 ล้านโดสจะเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้