ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 เมษายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว
มุกดา สุวรรณชาติ
เผด็จการไทยและพม่า…สืบทอดอำนาจ (1)
สู้แบบมียุทธศาสตร์…ชาติจึงจะพ้นหายนะ
10 เมษายน 2564 ครบรอบ 11 ปีของการล้อมปราบประชาชนปี 2553 ที่มีคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บเป็นพัน การต่อสู้ยืดเยื้อมาจนบัดนี้ ในไทยวันนี้ไม่มีเสียงปืน แต่ที่พม่าคงดังก้องไปอีกนาน
เพราะเผด็จการทหารพม่า ใช้ทหารเป็นเครื่องมือในการสร้างอำนาจ และปกครอง
แต่ในไทยใช้ทหารในการรัฐประหาร แต่การรักษาอำนาจใช้ทั้งตุลาการ, องค์กรอิสระ, ส.ว., รัฐธรรมนูญ และเงิน ส่วนการเลือกตั้งเป็นฉากประกอบละครเรื่องประชาธิปไตย
เป้าหมายที่เหมือนกันของฝ่ายเผด็จการทุกยุคสมัยคืออยากสืบทอดอำนาจไปให้ยาวนานที่สุด
1 กุมภาพันธ์ 2564 ทหารพม่ารัฐประหารล้มผลการเลือกตั้ง ปลายปี 2563 เราได้เขียนถึงประวัติการใช้กำลังยึดอำนาจและการปราบประชาชนของเผด็จการทหารพม่าที่มีมาหลายครั้ง
วันนี้มาดูลีลาผู้อยากปกครองของไทยที่ประชาชนไม่เลือกแต่อยากเป็น ว่าเขาทำกันอย่างไร
ขอตัดตอนช่วงตั้งแต่รัฐประหาร 2549-รัฐประหาร 2557 มาจนถึงยุบพรรคอนาคตใหม่และเชื่อมโยงถึงศาลยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย ม.44
ถ้าย้อนกลับไปดูจะพบว่าฝ่ายประชาธิปไตยของไทยถูกโจมตีและกดดันด้วยอาวุธไม่กี่ครั้ง แต่ส่วนใหญ่โดนกฎหมายในการโจมตีตลอด 15 ปีที่ผ่านมา
การโจมตีจุดตายฝ่ายประชาธิปไตย 20 ครั้ง
การเลือกตั้ง 2548 นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ชนะเลือกตั้งมากเกินไป ได้ ส.ส. 377 จาก 500 คน เท่ากับ 3 ใน 4 จึงมีการสร้างกระแสเผด็จการรัฐสภา โจมตีอย่างต่อเนื่อง
การโจมตีครั้งที่ 1 มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลืองที่ร่วมกับบุคคลชั้นนำบางส่วนพุ่งเป้ากดดันให้ตัวนายกฯ ทักษิณลาออก สุดท้ายถึงขั้นยื่นถวายฎีกา ยื่นหนังสือถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี และถึง ผบ.ทบ. พร้อมกันทั้งสามจุดในคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549
ในที่สุดทักษิณก็ต้องประกาศยุบสภาและกำหนดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 แต่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน
ครั้งที่ 2 วันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ เพราะการหันคูหามิชอบ กกต.สั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ 15 กันยายน ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 กกต. เพราะไม่เร่งสอบข้อเท็จจริงจ้างพรรคเล็ก
ครั้งที่ 3 วันที่ 19 กันยายน 2549 ฝ่ายตรงข้ามไม่ปล่อยให้มีเลือกตั้งใหม่ ที่ตัวเองจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน จึงใช้กำลังรัฐประหาร นายกฯ ทักษิณต้องลี้ภัยการเมือง
ครั้งที่ 4 วันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ตุลาการรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยและให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค มีกำหนด 5 ปี 111 คน
ครั้งที่ 5 วันที่ 24 สิงหาคม คมช.ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2550 (ที่ร่างเอง และคิดว่าชนะแน่)
ครั้งที่ 6 วันที่ 23 ธันวาคม 2550 มีการต่อสู้ทางการเมือง ผ่านการเลือกตั้งทั่วไป แม้ถูกเอาเปรียบทุกทาง แต่พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ 7 วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 พันธมิตรฯ เสื้อเหลือง เริ่มต้นชุมนุม ยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ชุมนุม
ครั้งที่ 8 วันที่ 9 กันยายน2551 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ‘สมัคร’ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกรณีเป็นพิธีกรรายการทำอาหาร ‘ชิมไปบ่นไป’ พรรคร่วมรัฐบาล ตั้งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ 9 พันธมิตรฯ เสื้อเหลือง ประท้วงต่อ ยึดสนามบิน จึงใช้องค์กรอิสระ ตุลาการภิวัฒน์ โค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 2 ธันวาคม ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน-มัชฌิมาธิปไตย-ชาติไทย ตัดสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 ปี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ 10 วันที่ 9 ธันวาคม 2551 ปชป.จัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ จากตุลาการภิวัฒน์ รัฐประหาร ในที่สุดแผนบันไดสี่ขั้นก็สำเร็จโดยมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เทพประทาน ในค่ายทหาร สภาโหวตให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีโดยการสนับสนุนของงูเห่า
ตุลาการภิวัฒน์แบบสุกเอาเผากิน จึงถือเป็นทางออกที่ดีกว่ารัฐประหารซ้ำ
สู้กลับ…ถูกเล่นงานถึงชีวิต
การโจมตีครั้งที่ 11 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลสั่งยึดทรัพย์ทักษิณ 4.6 หมื่นล้าน คดีขายหุ้นชินคอร์ป (เกมตัดท่อน้ำเลี้ยง)
ครั้งที่ 12 คนเสื้อแดง (นปช.) ชุมนุมใหญ่เรียกร้องอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาและจัดเลือกตั้งใหม่
แต่เป็นม็อบไม่มีเส้นจึงอยู่ไม่ถึง 6 เดือน แบบพันธมิตรฯ เพียง 1 เดือนก็โดนสลาย…
10 เมษายน 2553 ทหารสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่ ถ.ราชดำเนิน มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือน 21 คน ทหาร 5 นาย
13-19 พฤษภาคม 2553 สลายการชุมนุม นปช.ที่ราชประสงค์ มีผู้เสียชีวิต 63 คน คนเสื้อแดงแค่ยึดถนนยังมีคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บหลายพัน ถ้ายึดสนามบินแบบเสื้อเหลืองสงสัยตายเป็นพัน
ปี 2553 การสังหารหมู่กลางเมืองทำให้สังคมไทยยิ่งแตก แบบลงลึก และรอยแตกขยายกว้างกว่าเดิม ไปในขอบเขตทั่วประเทศ
ครั้งที่ 13 1 ปีผ่านไป 10 พฤษภาคม 2554 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งทั่วไปเพราะคิดว่าจะชนะ แต่ 3 กรกฎาคม 2554 ผลการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนก็ยังคงเลือกเหมือนเดิม
เพื่อไทยชนะ ได้เสียงเกินครึ่ง 265 ส.ส. (15.74 ล้านเสียง) ปชป. 159 ส.ส. (11.43 ล้านเสียง)
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งใครๆ ก็มองว่าไม่มีทางอยู่นานกว่านายกฯ สมัคร ถ้าอยู่ถึง 6 เดือนก็เก่งแล้ว
การโจมตีครั้งที่ 14 พฤศจิกายน 2556 แกนนำ กปปส.ที่มาจาก ส.ส.พรค ปชป. นำมวลชนชุมนุมไล่รัฐบาล 9 ธันวาคม ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา กลายเป็นรัฐบาลรักษาการ กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
ครั้งที่ 15 พรรคประชาธิปัตย์ประกาศบอยคอตไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
2 กุมภาพันธ์ วันเลือกตั้งทั่วไป ผู้ชุมนุม กปปส.ขัดขวางไม่ให้จัดการเลือกตั้งในหลายเขตเลือกตั้ง
21 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะ เพราะไม่สามารถจัดได้ภายในวันเดียว (หน่วยที่ถูกขัดขวางต้องจัดเลือกตั้งใหม่ในภายหลัง)
ครั้งที่ 16 วันที่ 12 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญตีตก พ.ร.บ.โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน (รถไฟฟ้าต้องรอถนนลูกรังหมด แต่สร้างได้ในยุค คสช.)
ครั้งที่ 17 วันที่ 7 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกฯ รักษาการของยิ่งลักษณ์สิ้นสุดลง ในกรณีย้ายเลขาธิการ สมช. ถวิล เปลี่ยนศรี ไม่ถูกต้อง ที่ประชุม ครม.มีมติให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ยังไงรัฐบาลก็ไม่ล้ม
ครั้งที่ 18 วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คสช.ทำรัฐประหาร ใช้อำนาจการปกครองแบบชั่วคราวเกือบ 5 ปี และได้กระทำการสืบทอดอำนาจเหมือนเดิม
สรุปว่า 7 ปีแรก โดนเล่นงานจุดตาย 15 ครั้ง โดนทั้งแกนนำ พรรค และรัฐธรรมนูญ
คำถามคือ การใช้แนวทางการเลือกตั้งอย่างเดียวจะต่อสู้ได้หรือ กี่สิบล้านเสียงก็สู้ไม่ได้เพราะเขาใช้ทุกองค์กร ตบท้ายด้วยคำสั่งศาล ถ้ายังไม่ยอมแพ้ก็รัฐประหาร
(ต่อฉบับหน้า)