การหวนกลับมาอีกครั้งของ”หมู่บ้านทะลุฟ้า”กำลังกลายเป็นคำถาม อันแหลมคมมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับในทางการเมือง

เป็นคำถามถึงการสลาย”หมู่บ้าน”วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม

ไม่ว่าจะ 1 เป็นการตัดสินใจมาจากรากฐานในทางความคิดอะไร ไม่ว่าจะ 1 เป็นการตัดสินใจบนรากฐานอันผ่านการสำรวจสภาพความเป็นจริงของ”หมู่บ้าน”อย่างถ่องแท้มากน้อยเพียงใด

หากประเมินจากการดำรงจุดมุ่งหมายทั้งในตอนรุ่งสางของเช้าวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม และการปฏิบัติการซ้ำอีกคำราบหนึ่งในตอนเย็นย่ำสนธยาของวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม

หลายคนเริ่มไม่แน่ใจว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นปฏิบัติการที่มีเป้า หมายในทางการเมืองอย่างคมเข้มแท้จริง หรือว่าเสมอเป็นเพียงปฏิบัติการไปตามอารมณ์หงุดหงิดเฉพาะหน้า

หงุดหงิดเพราะว่าเสียงเปล่งคำขวัญจาก”หมู่บ้านทะลุฟ้า” หงุด หงิดเพราะว่าที่ระบุ”ออกไป ออกไป”นั้นหมายถึงใคร

เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนสร้าง”รอยแค้น”ในความรู้สึกและต้องการใช้ปฏิบัติการเฉพาะหน้ามาเพื่อ”ลบ”รอยแค้นออกไป

 

หากเทียบกับสถานการณ์#ม็อบ20มีนาคม และสถานการณ์#ม็อบ24มีนาคม มองในเชิง”ปริมาณ”ปรากฏการณ์”หมู่บ้านทะลุฟ้า”มีมวลชนจำนวนน้อยนิดเป็นอย่างยิ่ง

เพียงแต่ภายในปริมาณอันน้อยนิดของมวลชนนั้นได้อมเอาปัญ หาที่หมักหมมและสะสมมาอย่างยาวนาน

ยาวนานตั้งแต่มีปฏิบัติการ”เดินทะลุฟ้า”จากจังหวัดนครราชสีมามุ่งหน้ามายัง ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และนำไปสู่การจัดตั้ง”หมู่บ้านทะลุฟ้า”ขึ้น

เพราะว่ารากฐานไม่ว่าจะเป็น”เดินทะลุฟ้า” ไม่ว่าจะเป็น”หมู่บ้านทะลุฟ้า”มีสายสัมพันธ์และเครือข่ายอันโยงภาคประชาสังคม เข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างยาวนาน

นี่คือขบวนการพีเพิ้ลโก นี่คือขบวนการดาวดิน สามัญชน

เมื่อประสานกับพลังของสตรีทอาร์ท ประสานกับพลังของผู้หญิงปลดแอกที่คุกรุ่นอยู่ในเมืองจึงก่อให้เกิดเป็นปรากฏการณ์

 

การตัดสินใจปราบปรามผ่านกระบวนการสลาย”หมู่บ้านทุลุฟ้า”จึงไม่แน่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบอย่างเพียงพอ หากมองจากปมอันเป็นประเด็นทางการเมือง

การโต้กลับของ”หมู่บ้านทะลุฟ้า”จึงตามมาอย่างเหนือความคาดหมายและจะยิ่งทวีความสลับซับซ้อนขึ้นเป็นลำดับ