บีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ กลายเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19ของ แอสตราเซนเนก้า ลงหลังจากเกิดความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง หลังมีรายงานผู้ได้รับการฉีดวัคซีนการเกิดปัญหาลิ่มเลือดขึ้นในประเทศนอร์เวย์

เนเธอร์แลนด์ นับเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าลงชั่วคราว หลังจากก่อนหน้านี้มีประเทศ เดนมาร์ค นอร์เวย์ บัลแกเรีย ไอซ์แลนด์ และ ไทย ที่ระงับการฉีดลงชั่วคราวไปแล้ว

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า การระงับการฉีดดังกล่าวนั้นเป็นไปเพื่อปลอดภัยไว้ก่อนหลังจากมีรายงานถึงประเด็นความเป็นไปได้ที่จะมีผลข้างเคียงรุนแรงเกิดขึ้นในเดนมาร์คและนอร์เวย์

ทั้งนี้การประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าของเนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้โครงการฉีดวัคซีนของเนเธอร์แลนด์นั้นต้องล่าช้าลงไป โดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ได้สั่งซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว 12 ล้านโดส โดยวางแผนที่จะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 300,000 โดสในสองสัปดาห์ข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ด้านบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เวลานี้ยังไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเลิ่มเลือดแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังระบุว่า ในสหภาพยุโรปและอังกฤษ มีผู้ได้รับวัคซีนมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก 15 เคส และ โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด 22 เคส โดยอธิบายว่า เวลานี้มีผู้ได้รับวัคซีนในสหภาพยุโรปและอังกฤษแล้ว 17 ล้านคน จำนวนผู้เกิดกรณีลิ่มเลือดนั้นยังคงน้อยกว่าโอกาสเกิดโรคเดียวกันในหมู่ประชากรทั่วไปอยู่มากที่อยู่ในหลักหลายร้อยราย

“ธรรมชาติของการแพร่ระบาดนำไปสู่การเพิ่มความสนใจกับกรณีที่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคลและเราก็ใช้มาตรฐานในการสังเกตการณ์ที่เหนือไปกว่ามาตรฐานปกติในการสังเกตการณ์กรณีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน” แอน เทย์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ระบุ