พปชร.เปิดศึกพรรคร่วม รบ. แย่งเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอน จับตาเขย่าโผ ครม.บิ๊กตู่ 2/3 / บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

พปชร.เปิดศึกพรรคร่วม รบ.

แย่งเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอน

จับตาเขย่าโผ ครม.บิ๊กตู่ 2/3

 

เหมือนพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะเปิดศึกรอบด้านกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.)

ทั้งการเปิดศึกแย่งเก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 3 นครศรีธรรมราช จากพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนายเทพไท เสนพงศ์ เจ้าของเก่าต้องตกเก้าอี้

พรรคพลังประชารัฐขนทัพหลวง นำโดย ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยแกนนำนับ 10 ลงพื้นที่หาเสียงและปราศรัยใหญ่ จนทำให้นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 4 ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ 48,701 คะแนน เอาชนะคู่แข่งอย่างนายพงศ์สิน เสนพงศ์ ผู้สมัครหมายเลข 3 จากพรรคประชาธิปัตย์ ดีกรีน้องชายแชมป์เก่าอย่างนายเทพไท ที่ได้ 44,632 คะแนน

เฉือนกันไป 4,000 คะแนน

แม้ทางพรรคประชาธิปัตย์จะขนทัพหลวง ที่นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ทั้งควงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ลงพื้นที่สู้เต็มที่ แต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับพรรคพลังประชารัฐ

ทั้งที่เป็นการผิดวิสัย ผิดวิสัยที่ปกติพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้กันเอง และจะปล่อยให้เจ้าของพื้นที่สู้กับฝ่ายค้านเต็มที่ อย่างการเลือกตั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นมารยาททางการเมืองที่สำคัญ

แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีคำว่า “มารยาททางการเมือง” มีแต่คำว่า “ประชาธิปไตย” อย่างที่ ‘บิ๊กป้อม’ ได้กล่าวเอาไว้

การเลือกตั้งที่ผ่านมา จึงถือเป็นการต่อสู้อย่างหนักหน่วงของพรรครัฐบาล ที่มีทั้งการใช้กระสุน และกระแส

กระแสที่พรรคพลังประชารัฐนำมาเครม ว่าเป็นผลงานของพรรคตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการบัตรคนจน โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการที่กำลังจะออกมา อย่าง ม.33 เรารักกัน แถมยังตีกันอีกว่า ถ้าพรรคแพ้ โครงการเหล่านี้อาจจะถูกยกเลิก

ทำให้นายจุรินทร์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องชี้แจงบนเวทีปราศรัยใหญ่ช่วงค่ำวันที่ 5 มีนาคม ว่า “มีคนมาบอกผมว่าถ้าเลือกเบอร์ 3 โครงการคนละครึ่งจะถูกยกเลิก คนในเขตเลือกตั้งที่ 3 จะไม่ได้โครงการคนละครึ่ง หรือแม้แต่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ผมบอกกับพี่น้องเลยว่า ถ้าวันที่ 7 มีนาคม ประชาธิปัตย์หมายเลข 3 ชนะ โครงการคนละครึ่งยังอยู่เหมือนเดิมทุกประการ เพราะโครงการนั้นไม่ใช่ส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี และของรัฐบาล”

ถือเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน ยิ่งกว่ารัฐบาลสู้กับฝ่ายค้านเสียอีก

 

นอกจากประเด็นร้อนข้างต้นแล้ว การลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนัยสำคัญอีกประการหนึ่ง

เพราะเป็นการโชว์บารมีว่าไม่ใช่เลือกตั้งซ่อมเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือเท่านั้นที่คว้าชัยชนะให้กับพรรค แม้แต่ภาคใต้ก็สามารถคว้าชัยได้สำเร็จสมใจ ดั่งที่ได้เป็นตัวตั้งตัวตี ออกหน้ากับหัวหน้าพรรคว่าจะต้องสู้ศึกในครั้งนี้

“เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่พี่น้องประชาชนมอบคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ตัวแทนของพรรคเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร” ร.อ.ธรรมนัสกล่าวขอบคุณหลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการช่วงค่ำวันที่ 7 มีนาคม

ทำให้ศึกนี้ พลังประชารัฐได้ ส.ส.ใต้มาเติมอีก 1 คน เป็น 14 คน จากที่มีอยู่เดิม 13 คน

แน่นอนว่าตัวเลขนี้ยอมมีผลต่อการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีในอนาคต ถ้าเทไปหนุนบุคคลใดให้เป็นรัฐมนตรี

ส่วนประชาธิปัตย์นั้น ต้องกลืนเลือด ก้มหน้าก้มตาร่วมรัฐบาลต่อไป และต้องวัดกันใหม่อีกรอบว่าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา และประชุมพรรค แทนแกนนำ กปปส.ที่ต้องโทษจำคุก จะสามารถรั้ง 2 เก้าอี้นี้ไว้ได้หรือไม่

ท่ามกลางเสียงยืนยันทั้งจากปาก ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายจุรินทร์ ว่าโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเดิม???

 

ขณะที่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รอบ 2/3 หรือ ‘ตู่ 2/3’ ในครั้งนี้ ที่ ‘บิ๊กตู่’ ยืนยันว่าจะเกิดขึ้นเร็ว และจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคมนี้

โดยจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีมาทำหน้าที่แทนนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

และตอนนี้ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ออกมาการันตีว่า โผของพรรคพลังประชารัฐถึงมือเป็นที่เรียบร้อย ส่วนจะเป็นใครบ้างนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะยังไม่ได้เปิดดู

แต่มีชื่อหลุดมาก่อนหน้านี้ว่าถึงคิวนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ที่มาจากโควต้านายทุนใหญ่ของพรรค

ส่วนอีกชื่อคือ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว หลานสาวแท้ๆ ของนายเสนาะ เทียนทอง ที่ยอมตัดขาดจากนายเสนาะ และพรรคเพื่อไทย ย้ายสังกัดมาร่วมทีมพลังประชารัฐ ถือเป็นสัญญาใจที่เคยให้ไว้ก่อนย้ายค่าย

ส่วนจะไปนั่งที่ใดกันบ้างนั้น ยังไม่ยืนยันแน่ชัด เพราะจนถึงบัดนี้ ในพรรคพลังประชารัฐยังฝุ่นตลบ ทั้งวิ่ง ทั้งแทงกันเองเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ถึงขนาดปล่อยข่าวตัดขาคู่ต่อสู้ด้วยการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พลาดเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ ก็ยังทำกัน

แต่ที่แน่ๆ ที่มีข่าว ‘3 ช’ – ‘4 ช’ หรือกลุ่ม 4 รัฐมนตรีช่วย วิ่งวุ่นขึ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ อาจจะพลาดหวังทั้งหมด เพราะ ‘ลุงป้อง’ ตัดสินใจให้รอไปก่อน ไม่ว่าจะเอาใบการรันตีผลการเลือกตั้ง หรือใช้ความใกล้ชิดแกนนำปล่อยข่าวหวิดถูกทำร้าย ตอนนี้ก็ยังไม่เป็นผล

 

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องหาคนมาทำหน้าที่แทนนายถาวร เสนเนียม โดยจะต้องมีการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรคเพื่อหาตัวรัฐมนตรี ล่าสุดมีชื่อนายสินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี และนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง โดยนายนริศน่าจะได้รับการสนับสนุนจากนายจุรินทร์ ในขณะที่มี ส.ส.และสมาชิกพรรคบางส่วนในพรรคเห็นว่าควรให้โอกาสนี้แก่นายสินิตย์ ที่เป็นตัวแทนจากกลุ่ม ส.ส.สุราษฎร์ธานี เพราะเป็นผู้ที่มีความอาวุโส และกลุ่ม ส.ส.สุราษฎร์ธานีทั้ง 6 คน สามารถผนึกกำลังกันจนสามารถชนะการเลือกตั้งแบบยกจังหวัด

แต่ก็ยังไม่ชัวร์ว่า ชื่อที่ออกมานั้น จะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะล่าสุดมีความพยายามจากพรรคภูมิใจไทย ที่จะขอแลกเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และให้รัฐมนตรีคนใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์แทน

ซึ่งข้อเสนอนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาของ 2 พรรค

ในขณะศึกอีกด้าน พรรคภูมิใจไทยยังขุ่นเคืองพรรคพลังประชารัฐ ในกรณี ส.ส.ดาวฤกษ์โหวตงดออกเสียงให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

ซึ่งเรื่องนี้รับประกันได้ว่าแค้นฝังหุ่นกันแบบยาวๆ แม้จะโดนบีบให้ขอโทษก็ไม่หาย