“ประยุทธ์ -อนุทิน” “ประเดิมฉีดวัคซีนโควิด 28 ก.พ.นี้

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังประเทศไทยได้รับวัคซีนที่ซิโนแวค ประเทศจีน จำนวน 200,000 โดส และวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 117,600 โดสล่าสุดนพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการวัคซีนโควิด -19 ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ว่า คาดการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะมีขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ หลังจากกรมวิทยาศาสาตร์การแพทย์มีการตรวจรับรองรุ่นการผลิต ตรวจสอบประสิทธิภาพของวัคซีนทั้ง 2 บริษัทแล้วเสร็จ โดยสถานที่ที่จะมีการฉีดวัคซีน คือ สถาบันบำราศนราดูร ส่วนเรื่องการฉีดในประชาชนทั่วไป ในแต่ละจังหวัดจะเริ่มวันที่ 1 มีนาคมนี้ ส่วนเรื่องรายละเอียดหรือแผนการฉีดกรมควบคุมจะเป็นผู้ดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการฉีดวัคซีนสำหรับผู้นำประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนนำไปฉีดให้กับประชาชน จะเริ่มในเวลา 07.30 น. ที่ สถาบันบำราศนราดูร โดย พล.อ.ประยุทธ์ แพทย์มีความเห็นว่าควรฉีดวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซเนก้า เป็นเทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์(Viral vector) ตามข้อบ่งชี้ของวัคซีน ขณะที่ นายอนุทิน และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. จะได้รับวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค เทคโนโลยีเชื้อตาย

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยแผนนำเข้าวัคซีน ว่า วัคซีนที่ได้รับจากบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน จำนวน 200,000 โดส ที่ได้รับเมื่อวานนี้(24ก.พ.) เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประเทศไทยได้ตกลงกับบริษัทผู้ผลิตทุกประการ นอกจากนั้นในวันเดียวกัน ประเทศไทย ก็ได้รับวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซเนก้า อีก 117,600 โดส ที่เกิดจากความพยายามเจรจาเพื่อลบข้อครหาว่าเราไม่มีแผนสำรอง

นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนจากบริษัทซิโนแวค จะเข้ามาเพิ่มเติมในเดือน มี.ค. 800,000 โดส และ เม.ย. 1,000,000 โดส รวมเป็น 2 ล้านโดส และต่อไปในเดือน พ.ค.-มิ.ย. วัคซีนจากแอสตร้าฯ ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นล็อตผลิตในประเทศไทย จะทยอยออกมา โดยเดือนแรกๆ จะนำมาฉีดให้ประชาชนประมาณ 5 ล้านโดสต่อเดือน และระยะถัดไปจะขยายเป็น 10 ล้านโดสต่อเดือน จนครบ 61 ล้านโดส ซึ่งเมื่อแยกกลุ่มผู้ที่มีข้อจำกัดในการได้รับวัคซีนออก เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือกลุ่มผู้ที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ จำนวนวัคซีนที่เราจัดหาไว้ก็จะครอบคลุมในกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ควรได้รับวัคซีนในประเทศไทยทุกคน