เผยแพร่ |
---|
จุดไหน เนื้อหาใดในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ที่รัฐบาลและโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความรู้สึกอ่อน ไหวกระทั่งเกิดอาการอย่างที่เรียกว่า “วิตกจริต”
เป็นประโยคที่ว่า “ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้จิตสำนึก”กระนั้นหรือ
อาจเป็นเช่นนั้น แต่ที่สร้างความสั่นสะเทือนมากกว่ากลับอยู่ที่
“ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปก ครองระบอบประชาธิปไตย
ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลว
ในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติ ธรรมและสิทธิมนุษยชน ทำลายระบอบคุณธรรมในระบอบราชการ
แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม”
ทั้งนี้เพราะว่าที่ญัตตินำเสนอผ่านรูปประโยค “ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ”
เท่ากับเป็นการกล่าวหา แต่เมื่อยกเอารูปประโยคที่ว่า “ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย” เท่ากับเป็นการยืนยัน
ทั้งยังยืนยันไปยัง “ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระ บอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระ มหากษัตริย์กับประชาชน”
นั่นก็คือ “นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง”
โดย “ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมและสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม”
ความละเอียดอ่อนอย่างยิ่งอยู่ที่”ตัวอย่าง”อย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อเขียนเป็น”ญัตติ”ออกมาอย่างคมชัดเช่นนี้ภาระหน้าที่ของพรรค ร่วมฝ่ายค้าน จึงต้องอภิปรายให้เห็นว่าทำไมจึงได้กล่าวหาด้วยความดุเดือดและรุนแรงถึงเพียงนั้น
ความละเอียดอ่อนจึงมิได้อยู่ที่ว่าฝ่ายค้านอภิปรายอย่างไร
หากในที่สุดแล้วฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา จะตอบอย่างไรจึงจะเป็นที่กระจ่างสว่างแก่ใจของประชาชน
“คำตอบ”ต่างหากคือสิ่งที่ทุกคนรอคอยด้วยความระทึก