บุกช่วยแรงงานเมียนมา 18 ชีวิต ถูกนายจ้างบังคับทำงานวันละ 18 ชั่วโมง

วันที่ 28 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย ประสานกรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 18 คน มีแรงงานเด็กรวมอยู่ด้วย ถูกกักขังและบังคับใช้แรงงานที่โรงงานทำขนมเยลลี่แห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้กองคดีการค้ามนุษย์ สนธิกำลังร่วมกับ กรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (บก.ตม.1) เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.โชคชัย เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย และผู้อำนวยการเขตลาดพร้าว

ลงพื้นที่ตรวจโรงงานทำขนม ตามอำนาจของพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 98 (2) และ (3) โดยมีมูลนิธิ IJM ร่วมสังเกตการณ์ ที่โรงงานทำขนมเยลลี่ แห่งหนึ่งใน ซอยลาดพร้าว 6 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว

โดยโรงงานทำขนมเยลลี่ เป็นอาคาร 3 ชั้น มีประตูเหล็กปิดด้านหน้า และถูกคล้องกุญแจจากด้านนอก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้เจ้าของสถานที่เปิดประตู แต่ไม่ได้รับการตอบรับ จากนั้น มีแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 4 คน เป็นชาย 3 คน และหญิง 1 คน ปีนหนีออกมาจากชั้น 3

สอบถามแรงงานชาวเมียนมาดังกล่าว ระบุว่า ถูกกักขังและบังคับให้ทำงานตั้งแต่ 07.00-24.00 น. โดยไม่ให้ออกจากโรงงาน ส่วนแรงงานที่เหลืออีก 12 คน ยังอยู่ภายในโรงงาน ต่อมา เจ้าของสถานที่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในโรงงาน

ทราบชื่อเจ้าของสถานที่ คือน.ส.ลักษมล อายุ 22 ปี ผลการตรวจค้นพบแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 18 คน เป็นเด็ก จำนวน 2 คน อายุ 16 ปี และ 17 ปี โดยเจ้าหน้าที่นำตัวแรงงานทั้งหมดไปยังสน.โชคชัย และแจ้งสหวิชาชีพเพื่อดำเนินการคัดแยกเหยื่อต่อไป ส่วนเจ้าของโรงงานอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล

ต่อมาพ.ต.ต.อาริชย์ ทัศน์พันธุ์ รองผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์, ร.ต.อ.หญิง อัศนีย์ รอดน้อย ผู้อำนวยการส่วนคดีการค้ามนุษย์ 1 ได้ประชุมหารือร่วมกับ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ที่ปรึกษารมว.แรงงาน พร้อมด้วย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย,

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดพร้าว, เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.1), กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมการจัดหางาน เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาทั้งหมดข้างต้น

ที่มา เฟซบุ๊กบิ๊กเกรียน