หวานยิ่งหนัก /ศิลา โคมฉาย

แตกกอ-ต่อยอด

ศิลา โคมฉาย

 

หวานยิ่งหนัก

 

กับอาการเจ็บหัวเข่ารุนแรง ขั้นต้องหิ้วปีกพยุงขณะเดินทาง

เรื่องเกิดฉับพลัน จากอาการปวดตึงหลังข้อพับ เมื่อก่อนหน้าราวสัปดาห์เดียว มาเกิดกล้ามเนื้อเกร็งเป็นก้อนแข็ง เพียงก้าวหนึ่งเหมือนเกิดบิดกระตุก มีเสียงดังได้ยินชัด พลันทรุดลงกอง

ผ่านมือหมอที่เป็นเพื่อน ขณะได้ยาคลายกล้ามเนื้อ แนะท่วงท่ากายภาพเบื้องต้น หมอพูดถึงสิ่งที่ต้องระวัง และข้อปฏิบัติชุดใหญ่ ในนั้นมีต้องลดน้ำหนักตัวลง ลดอาหารแป้ง และน้ำตาล

ที่ฉุกคิด หยิบยกมาเน้นตรงความหวาน อาจด้วยเราเคยเป็นครอบครัวประกาศอิสรภาพเหนือรสหวานมาก่อน ยิ้มเยาะข่าวสารน้ำตาลแพงมาแล้ว ก่อนจะกลับมาตุ้ยนุ้ยอีก

บางทีอาจเป็นด้วยอากาศเมืองใหญ่ที่หนักไปทางร้อนมาก ของหวานเย็นจึงเย็นชื่นใจนัก

หรือจะเป็นด้วยการแปลงองค์ ทรงโฉม ของไอศกรีมน้ำแข็งไสยุคใหม่ ขนมนมเนยผสมพันธุ์กับผลไม้อย่างมีเชิง รวมถึงการเปลี่ยนภาพลักษณ์ชา กาแฟ เป็นเรื่องของระดับรสนิยม ล่อลวงให้เราหลงทาง

ครั้งนั้นรู้ตัว เมื่อต้องโละทิ้งเสื้อผ้ากองพะเนิน วิตกกับน้ำหนักตัว เมื่อเหลียวเห็นใบนัดแพทย์ตามวาระ เคยรับปากกับหมอเป็นดิบเป็นดี จะต้องอยู่ในเกณฑ์ เพราะเลือดปริ่มไปด้วยความเสี่ยงสารพัด

พร้อมจะเดี้ยงได้โดยไม่มีสัญญาณเตือน

เข่าเดี้ยงหิ้วปีกกลับไปถึงคำโบราณว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา ซึ่งรับรู้กันไปแบบเพียงเพื่อรู้ ไม่มีผลอะไรนัก

ปัจจุบัน เขาจึงอัดหนักด้วยคำใหญ่กว่า หวานจะสร้างภาระต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ

เพราะโทษภัยของการบริโภคน้ำตาล จะนำมาซึ่งโรคไม่ติดต่อต่างๆ นานา โดยมีเบาหวาน และโรคอ้วนเป็นธงนำ

และจะว่าไป ถ้าประชากรอมโรค ก็ย่อมส่งผลกระทบไปถึงประเทศ

การต้องใช้คำใหญ่ขนาดนี้ เพราะปริมาณการบริโภคน้ำตาลของคนไทยเราสูงเป็นพิเศษ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้แต่ละบุคคลรับเพียง 6 ช้อนชาต่อวัน เพียงพอเหมาะสมต่อความต้องการของร่างกายแล้ว แต่พี่ไทยล่อไปมากกว่าวันละ 20 ช้อนชา เพราะน้ำตาลมีอยู่ในอาหารคาวหวานเกือบทุกประเภท

แม้แต่การดื่มกาแฟ คนไทยจะเติมน้ำตาลลงไปทอนความขม ส่วนข้างมากจ้วงใส่จนหวานนำ

ฝรั่งมังค่าจึงนินทาคนไทยเสพติดความหวานในรสกาแฟ

มิใช่การลิ้มละเมียดเสน่ห์กรุ่นหอมละมุนแบบผู้มีรสนิยมในกาแฟ

เขาใช้คำว่า เสพติดกับน้ำตาล มิใช่จงใจขู่ให้ขลาดกลัว

หากเพราะผลที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แทบไม่ต่างจากสิ่งเสพติดอื่นไม่ว่าฝิ่น หรือเฮโรอีน ทางการแพทย์ยืนยันแบบนั้น

ความหวานจากน้ำตาล ส่งผลให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข เพียงแต่ต้องบริโภคบ่อยครั้ง และต่อเนื่อง แต่กินมากเหลือรับ ก็คือการทยอยนำเอาโรคภัยเข้าสู่ร่างกาย

น้ำตาลถูกลำเลียงลึกเข้าไปย่อยที่ลำไส้เล็กเป็นกลูโคส ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ตับอ่อนหลั่งอินซูลินนำพากลูโคสเข้าสู่เซลล์ เผาผลาญเป็นพลังงาน สมอง หัวใจ กล้ามเนื้อดึงเอาพลังงานไปใช้

น้ำตาลส่วนเกินจากความจำเป็นใช้ คือส่วนที่เสพติดกันเกินขนาด ถูกตับดึงไปเปลี่ยนเป็นไขมัน เมื่อมากเกินไปจะไปสะสมที่กล้ามเนื้อและหน้าท้อง เปิดทางให้สารพัดโรคเรื้อรังมาเยือน

เรื่องหวานๆ อันชวนกังวล มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นปัญหาใหม่และใหญ่เกินรับ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังของประเทศ กระทั่งเกิดเครือข่ายชวนกันเคลื่อนไหว ลดปริมาณน้ำตาลสนองอยาก

โดยเริ่มที่เพรียกหาน้ำตาลซองในชุดกาแฟ มีซองเล็กลง

ผมคิดถึงเรื่องพวกนี้ เพราะครั้งหนึ่งครอบครัวเคยถูกบังคับขับต้อนไปถึงจุดต้องละหวาน

กลายเป็นครอบครัวไร้น้ำตาล

ต่อสู้เพื่อฝ่าผ่านผจญอารมณ์อยากบนปลายลิ้นสุดทรมาน แล้วเราก็ได้รู้ว่า มันเป็นสิ่งเสพติดจริงๆ เมื่อสามารถถอนตัวเลิกหลงรสได้

ภรรยาของผมมีน้ำตาลในเลือดเกินเกณฑ์ปกติ อาการโรคเบาหวานบ่งชี้อยู่ในดวงตา บ่อยครั้งที่เส้นเลือดฝอยตรงหางตาปริแตกคั่งเลือด จำเป็นต้องงดน้ำตาล บางช่วงคลุมไปถึงอาหารจากแป้ง เหลือผลไม้กินได้เพียงฝรั่ง

ลูกสาวคนเล็กมีความผิดปกติทางฮอร์โมน ร่างกายเติบโตเร็วกว่าวัย จำเป็นต้องปรับสภาพ ยาทำให้เกิดผลข้างเคียงหิวง่าย กินจุ พร้อมถูกคุกคามโดยโรคอ้วน จำเป็นต้องเลี่ยงจากน้ำตาล

ผมเลิกดื่มกาแฟในวาระเพื่อนบางคนเลิกเหล้า เพื่อลดทอนความรุงรังในชีวิต ขณะลูกสาวคนโตเธอไม่พิสมัยน้ำตาลมาแต่ไหนแต่ไร อาหารของเธอหนักไปทาง เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หากกรุ่นกลิ่นปลาร้าหอมอวล ก็ยิ่งรัญจวนใจ

เราจึงเป็นครอบครัวสิ้นหวาน

การเมินน้ำตาลระยะแรก สำหรับผมเป็นความทุกข์ ต่อสู้ขับเคี่ยวกับความอยาก ที่พยายามลวงว่า ผมกำลังสูญเสียเสรีภาพบนปลายลิ้น

แต่ธรรมชาติก็สำแดงพลังอัศจรรย์ เมื่อใจตั้งมั่นอดทนจริง สภาพค่อยถูกปรับเปลี่ยนให้ค่อยคลายสิ้นอยาก ยิ่งนานวันน้ำตาลก็เลือนหายไปจากความคิด จะมีหรือไม่มีมันก็ไม่ส่งผลกระทบกับเรา

ที่น่ายินดีคือผมไม่ได้คิดปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เพียงแต่จะกินหรือไม่ ต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับตัวเอง มิใช่รสชาติอันล่อลวง และมีอิทธิพลเหนือคอยบังคับ

สัมผัสถึงเนื้อนัยเสรีภาพ เมื่อก้าวพ้นจากสภาวะต้องเลือก หรือไม่เลือก