วิเคราะห์ : อสังหาฯในภาวะมืดมนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2563/2564

บรรยากาศส่งท้ายปีเก่า 2563 และต้อนรับปีใหม่ 2564 ขณะนี้คล้ายกับขับรถยนต์ลงภูเขาสูงชันในคืนที่มืดมิด แสงไฟหน้ารถส่องฝ่าหมอกหนาไปพอมองเห็นข้างหน้าไม่ถึง 10 เมตร

เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ทางข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น และเหตุการณ์จะจบลงอย่างไร

ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดรอบสอง

ตูมแรก เริ่มจากแรงงานพม่าในตลาดกลางกุ้งมหาชัย แล้วกระจายไปตามตลาดต่างๆ ที่มีการค้ากุ้งและอาหารทะเล กระจายไปพร้อมกับผู้คนที่ติดเชื้อจังหวัดต่างๆ กว่าครึ่งของประเทศ

ตูมสอง จากบ่อนการพนันในจังหวัดระยอง สะเทือนไปทั้งภาคตะวันออก

กองทัพออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับแรงงานพม่าที่หลบหนีเข้าไทยทางด่านธรรมชาติที่ยาวหลายพันกิโลเมตร

ตำรวจระยองออกมาปฏิเสธว่าระยองไม่มีบ่อนการพนัน มีแต่ที่คนลักลอบเล่นการพนัน

จำนวนคนติดเชื้อภายในประเทศยังมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเดิมทุกวัน จึงยังไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า จะจบยังไง จะจบเมื่อไหร่

หรือจะซ้ำรอย “ล็อกดาวน์” เหมือนต้นปี 2563 ไหม

 

ความขัดแย้งทางการเมืองโดยคนรุ่นใหม่ปะทะโลกทัศน์กับคนสูงวัยที่กุมอำนาจรัฐและครองผลประโยชน์ แม้จะพักยกชั่วคราวช่วงปลายปี แต่ไม่ได้หมายความว่าความขัดแย้งนี้สิ้นสุดลงแต่อย่างใด

ตรงกันข้ามในความเป็นจริงเหมือนกับกำลังสะสมพลังขัดแย้ง ความไม่พึงพอใจมากขึ้นๆ

ซึ่งก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่า จะลงเอยอย่างไร

ดังนั้น กลับมาในเรื่องของการทำธุรกิจทำมาหากินด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็ยังคงอยู่ภายใต้ความไม่แน่นอนใหญ่ 2 เรื่องที่กล่าวมา

และมีทีท่าว่าจะหนักหนามากกว่าเดิมในปี 2564

 

คนทำมาหากิน มีเรื่องต้องทำเรื่องแรก คือประคองให้ธุรกิจอยู่รอดให้ได้ ด้วยการรักษาระดับรายได้ให้ได้ระดับหนึ่ง จัดการให้ต้นทุนสอดคล้องกับรายได้ บวกกับสินเชื่อจากสถาบันการเงินบางส่วน เพื่อข้ามราตรีนี้ไป

ปัญหาใหญ่สุดจากนี้ไป คือปัญหากำลังซื้อของตลาด เพราะคนชั้นกลางชั้นล่างของประเทศนี้กำลังซื้ออ่อนแรงมาก มีหนี้ครัวเรือนสูง

ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ลากยาวกับโควิด-19 มาเป็นปี และกำลังจะเผชิญต่อไปอีกยังไม่รู้เท่าไหร่ อาจครบอีกปี สภาพคล่องทางการเงินร่อยหรอไม่มีเหลือ

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำโครงการที่อยู่อาศัยขาย มีแต่ต้องเจาะหากำลังซื้อที่เหลืออยู่เป็นกระหย่อมๆ ตามทำเลตรอกซอยต่างๆ หรือเจาะหาตามเซ็กเมนต์ที่กำลังซื้อยังแข็งแรง

โชคดีของอสังหาฯ ยังมีอยู่บ้างตรงที่กำลังซื้อลดลงอย่างไร ก็ไม่ร้ายแรงเหลือศูนย์เหมือนธุรกิจท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะยังไงก็มีบ้าง 30%-50% แล้วอัตราดอกเบี้ยก็ยังต่ำแสนต่ำ ทำให้ภาระแบกรับทางการเงินไม่ถึงกับสาหัส

ความหวังข้างหน้ายังมีเสมอ “ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี แสงทองเหนือธรณี จะท้าทายอย่างทระนง” กวีท่านว่าไว้

เก็บไว้เป็นกำลังใจครับ