ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 ธันวาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
บทบาท รัฐบาล
ประเมิน เยาวชนปลดแอก
ต่ำกว่า ความจริง
ท่ามกลางบทสรุปของสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ว่าการชุมนุมของ “เยาวชนปลดแอก” ที่เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มที่จะฝ่อและแผ่วลงเป็นลำดับ
ความเป็นจริงที่เห็นกับตรงกันข้าม
ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ณ บริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ย่านรัชโยธิน
ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ณ ห้าแยกลาดพร้าว
ไม่เพียงแต่จะได้รับการสกัดขัดขวางจากรัฐบาลถึงขนาดเอาตู้คอนเทนเนอร์ ประสานเข้ากับลวดหนามหีบเพลงและรถฉีดน้ำ หากแต่ยังพร้อมออกหมายเรียก หมายจับเป็นรายวัน
กระนั้น จำนวนผู้เข้าร่วมแทนที่จะลดกลับมีแต่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
ลำพังการชุมนุมของ “เยาวชนปลดแอก” อันพัฒนาเป็น “คณะราษฎร 2563” ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว แต่นี่เริ่มมีการจุดประกายจากเครือข่าย “นักเรียนเลว” พุ่งเป้าเข้าไปยัง “เครื่องแบบ” และอำนาจนิยมในโรงเรียนอีก
จากเดือนกรกฎาคมมายังเดือนธันวาคมจึงยังไม่มีการสิ้นสุด
บทบาท การประเมิน
ต่ำกว่า ความเป็นจริง
แรกที่ “เยาวชนปลดแอก” ปรากฏขึ้น ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเดือนกรกฎาคม น้ำเสียงเยาะหยันประชดประชันก็ดังมาจากฟากของรัฐบาล
ตั้งสมญาว่า “มุ้งมิ้ง” ตั้งสมญาว่า “ฟันน้ำนม” ตั้งสมญาว่า “วูบวาบ”
น้ำเสียงทั้งหมดนี้ 1 สะท้อนให้เห็นว่าเป็นม็อบของเด็กๆ ไร้เดียงสาในทางการเมือง ไม่สามารถมีพลังหรือขยายบทบาทอันก่อให้เกิด “กัมมันตะ” ในทางการเมืองได้ ในอีกด้านหนึ่งจึงเพิ่มมาตรการ “คุกคาม”
เป้าหมายก็เพื่อสกัดขัดขวาง สร้างความลำบาก
แต่เมื่อเกิดปรากฏการณ์ ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ไม่เพียงแต่จำนวนผู้เข้าร่วมจะเพิ่มขึ้นเป็น “เรือนหมื่น”
หากเนื้อหาและข้อเรียกร้องก็เริ่มแตะ “เพดาน” ในทางความคิด
การชุมนุมอีกครั้งของ “เยาวชนปลดแอก” ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 16 สิงหาคม จึงไม่เพียงแต่ทำให้เนื้อหามีลักษณะรวมศูนย์ หากที่สำคัญยังแพร่กระจายออกไปสู่นักเรียน
ทั้งหมดนี้มีรากฐานมาจากการประเมินบทบาทของ “เยาวชนปลดแอก” ผิดพลาด
ผิดพลาด ซ้ำซาก
ผิดพลาด การเมือง
รูปธรรมความผิดพลาดในทางการเมืองของรัฐบาลที่ประเมินบทบาทและความหมายของ “เยาวชนปลดแอก” ต่ำไปกว่าความเป็นจริงปรากฏให้เห็นหลายประการ
1 คือ การไม่ให้ความสนใจ ไม่ยอมรับฟังข้อเสนอ
เห็นได้จากการไม่หยุดคุกคามประชาชนเลยแม้แต่น้อย ระยะหลังยิ่งพุ่งเป้าเข้าสู่กลุ่มบุคคลที่ประเมินว่าเป็น “แกนนำ”
มีการออกหมายเรียก ออกหมายจับและจับกุม
แม้ว่าทาง 1 จะทำเหมือนกับเป็นการรับฟังและนำไปปฏิบัติอย่างกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็ดำเนินไปตามเป้าหมายของตน ไม่ยอมรับฟังความเห็นจากด้านอื่น
รูปธรรมคือการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า “ฉบับประชาชน”
ทั้งๆ ที่รากฐานของการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของ “เยาวชนปลดแอก” และมีประชาชนลงชื่อให้การสนับสนุนมากกว่า 1 แสนรายชื่อ
แต่รัฐบาลก็ประกาศคว่ำกลางสภาอย่างไม่สนใจไยดี
รากฐาน ความผิดพลาด
ยึดติดปริมาณ รูปแบบ
เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวโดยประชาชนหลายหมื่นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมกระทั่งถึงเดือนธันวาคม รัฐบาลก็มองว่าเป็นเสียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ 70 กว่าล้านคนทั่วประเทศ
ทั้งๆ ที่เป็นการชุมนุมของ “มวลชน” เพื่อสำแดงความเป็น “พลเมือง” ผู้มีจิตสำนึก
เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวล่ารายชื่อประชาชนที่ต้องการให้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใต้นาม “ฉบับประชาชน” เพื่อมาแทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่เป็นเผด็จการ
รัฐบาลก็มองว่าจำนวน 100,000 กว่าคนยังเป็นเสียงส่วนน้อย
ทั้งๆ ที่การล่ารายชื่อตามรัฐธรรมนูญมีกระบวนการแสดงตัวอันซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง กระนั้น ก็ยังมีคนกว่า 100,000 คนออกมาสำแดงความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยม
แนวการประเมินเช่นนี้ยังนำมาใช้ในกรณีของ “นักเรียนเลว” ในเรื่องของ “เครื่องแบบ”
ทั้งๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมซึ่งริเริ่มโดย “เยาวชนปลดแอก” ทั้งๆ ที่ไม่ว่าการล่ารายชื่อเพื่อต้องการรัฐธรรมนูญ “ฉบับประชาชน” ทั้งๆ ที่ไม่ว่าการออกมาประท้วงของ “นักเรียนเลว”
คือการส่งสัญญาณในทาง “ความคิด” ในทาง “การเมือง” อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อประเมิน ผิดพลาด
การตัดสินใจ ก็ผิดพลาด
ความผิดพลาดของรัฐบาลในการประเมินบทบาทและความหมายของ “เยาวชนปลดแอก” ผิดพลาดและคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในเดือนกรกฎาคมนั้นเอง
คือเหตุหนึ่งอันทำให้การชุมนุมยังต่อเนื่องมาถึงเดือนธันวาคม
ความผิดพลาดในกระบวนการบริหารจัดการต่อปัญหาการชุมนุมนั้นเองได้ทำให้เกิดการยกระดับของการชุมนุมจาก “เยาวชนปลดแอก” เป็น “คณะราษฎร 2563”
และยกระดับจากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก
ไปยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูป “สถาบัน” นำไปสู่การเคลื่อนขบวนไปยังสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี เคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานทรัพย์สินฯ
ตราบกระทั่งเดือนธันวาคมก็ยังไม่มีคำตอบว่าจะยังมีการชุมนุมอีกหรือไม่