ต่างประเทศ : ทรัมป์กับเกมยื้ออำนาจ

ล่วงเลยมาสองสัปดาห์แล้วที่โจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ถูกสื่อชั้นนำทุกสำนักที่เกาะติดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามาอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ต่างฟันธงว่าไบเดนเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะเหนือโดนัลด์ ทรัมป์ เจ้าของตำแหน่งเดิมจากพรรครีพับลิกัน

อ้างอิงจากผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งในแต่ละรัฐส่วนใหญ่ออกมาชัดเจนว่าไบเดนได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง หรืออิเล็กโทรัลโหวต ไปตุนอยู่ในกระเป๋าได้แล้วมากกว่า 306 เสียง

ซึ่งเกิน 270 เสียงตามเกณฑ์กำหนดในการจะคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐไปครอง

ส่วนทรัมป์มีคะแนนตามห่างอยู่เพียง 232 เสียงเท่านั้น

แม้ผลการนับคะแนนเสียงในรัฐส่วนหนึ่ง ซึ่งล้วนเป็นรัฐสวิงสเตต ที่ผู้สมัครจากทั้งสองพรรคมีคะแนนสูสีกันมากยังคงมีปัญหาอยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากเช่นกันว่าไบเดนจะคว้าคะแนนอิเล็กโทรัลคอลเลจในรัฐสวิงสเตตที่เหลือส่วนใหญ่ไปครอง

แต่ทรัมป์ยังไร้น้ำใจนักกีฬา โดยยังดิ้นไม่ยอมประกาศรับความพ่ายแพ้ดังที่ควรกระทำ หากแต่ออกมากล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้ง และกำลังใช้รัฐเหล่านี้เป็นสมรภูมิในการเดินเกมต่อสู้เพื่อพยายามเหนี่ยวรั้งอำนาจเอาไว้ในมือตนต่อไป

แม้แทบจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้แล้วก็ตาม

 

สิ่งที่ทรัมป์กำลังกระทำไม่เพียงไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติที่กำลังเผชิญวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดหนักจนมีผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนามากที่สุดในโลกอยู่ในขณะนี้ ที่ควรจะต้องมีรัฐบาลที่เข้มแข็งมารับช่วงต่อแก้ปัญหาสู้วิกฤตภัยที่ชาติบ้านเมืองกำลังเผชิญอยู่โดยเร็ว

หากแต่ทรัมป์ยังทำให้สหรัฐซึ่งเป็นแม่แบบระบอบประชาธิปไตยอันเข้มแข็งต้องแปดเปื้อนมลทินจากคำกล่าวหาลอยๆ และไร้ซึ่งหลักฐานของทรัมป์ว่ามีการโกงการเลือกตั้ง

หลายเสียงวิจารณ์ที่มองดูอาการของทรัมป์ว่าเหมือนพวกขี้แพ้ชวนตี ไม่รู้จักแพ้ รู้จักชนะ คอยฟาดงวงฟาดงากลับด้วยการส่งทีมทนายยื่นฟ้องในรัฐสมรภูมิต่างๆ ที่ทรัมป์กล่าวอ้างมีการโกงเลือกตั้ง

ข้อกล่าวหาของทรัมป์ มีตั้งแต่คะแนนเสียงที่งอกเพิ่มขึ้นมาในฝั่งของไบเดนจนผิดปกติในรัฐสวิงสเตต เช่น รัฐมิชิแกน และรัฐวิสคอนซิน

โดยรูดี้ จูเลียนี ทนายความทรัมป์กล่าวอ้างว่ามีบัตรลงคะแนนเสียงหลายแสนใบถูกขนมายังศูนย์นับคะแนนเสียงเลือกตั้งในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน แต่ไม่มีการแสดงหลักฐานใดที่มีน้ำหนักตามที่กล่าวอ้าง ก่อนศาลจะมีคำสั่งตัดสินว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่น่าเชื่อได้

ขณะที่ผลการนับคะแนนในเมืองใหญ่อย่างในมิลวอกีและดีทรอยต์ที่เป็นฐานเสียงของเดโมแครต ผลการนับคะแนนก็ออกมาทีหลัง นั่นทำให้คะแนนเสียงที่เทให้ไบเดนค่อยๆ ทยอยออกมาสมทบ

การกล่าวหาว่ามีการขัดขวางคณะผู้สังเกตการณ์ของพรรครีพับลิกันในการเข้าถึงพื้นที่สังเกตการณ์การนับคะแนนเสียงเลือกตั้งเพื่อความโปร่งใส ประเด็นนี้ได้มีการตรวจสอบแล้วว่าผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ต่างได้รับอนุญาตให้เข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ที่กำหนดได้ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาด

ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังกล่าวหาว่าระบบการลงคะแนนเสียงโหวตในรัฐสมรภูมิบางรัฐ มีการบิดคะแนนเสียงโหวตจากทรัมป์ไปให้กับไบเดนจำนวนหลายล้านเสียง

คำกล่าวอ้างนี้ของฝ่ายทรัมป์ยังไร้ซึ่งพยานหลักฐานมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างเช่นเคย

อีกข้อกล่าวหาของทรัมป์ อ้างว่าเครื่องลงคะแนนเสียงที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นของบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาชิกระดับสูงของพรรคเดโมแครตอย่างบิลและฮิลลารี คลินตัน

ซึ่งทางบริษัทที่ถูกพาดพิงยืนยันว่าบริษัทตนไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองใดและไม่มีความสนิทสนมกับนักการเมืองคนใดในพรรคเดโมแครตอย่างที่กล่าวหา

นอกจากนี้ ทีมทรัมป์ยังกล่าวหาว่ามีการใช้ชื่อคนตายมาลงคะแนนเสียง เช่น ในรัฐมิชิแกน ที่ทีมทรัมป์กล่าวอ้างว่ามีชื่อคนตายราว 10,000 รายมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียง

แต่ชุดสอบสวนตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานใดดังการกล่าวอ้าง

 

การเดินหน้าทางกฎหมายต่อสู้ท้าทายในชั้นศาลของทีมทรัมป์แทบจะไม่เป็นผลนัก โดยส่วนใหญ่ศาลไม่รับฟ้องเพราะไร้หลักฐาน ขณะที่การร้องขอให้นับคะแนนเสียงเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่ที่ทรัมป์กล่าวอ้างว่ามีการทุจริต ก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไร เช่น ในรัฐจอร์เจีย ที่ทรัมป์ขอให้นับคะแนนใหม่ ทางการรัฐจอร์เจียก็ให้มีการนับคะแนนใหม่ด้วยมือในบัตรลงคะแนนเสียงจำนวนเกือบ 5 ล้านใบ แต่ไบเดนก็ยังคงมีคะแนนเสียงมากกว่าทรัมป์เป็นหมื่นๆ เสียงอยู่ดี

ส่วนในรัฐมิชิแกน ทีมทรัมป์ก็ต้องล่าถอยที่จะท้าทายทางกฎหมายให้นับคะแนนใหม่ หลังจากไบเดนชนะทรัมป์ไปได้ในรัฐนี้มากกว่า 160,000 เสียง

ประตูแห่งโอกาสที่จะยื้อเก้าอี้ประธานาธิบดีไว้ต่อไปของทรัมป์ดูแทบจะปิดลงหมดเกือบทุกบาน ทำให้ทรัมป์หันมาปรับยุทธวิธีเดินเกมใหม่จากการต่อสู้ทางกฎหมาย มาเป็นการเดินกลเกมทางการเมืองควบคู่ไปด้วย

ภายใต้เป้าหมายเดียวคือการเตะถ่วงกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งในรัฐต่างๆ ที่ไบเดนจะคว้าชัย ให้ล่าช้าออกไปให้ได้นานที่สุด

กลเกมที่ว่า เช่น การสกัดการรับรองผลการนับคะแนนเสียงในแต่ละรัฐ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการยื่นฟ้องศาลหรือการโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันคัดค้านผลการนับคะแนนเสียง

หรือการโน้มน้าวให้สมาชิกสภานิติบัญญัติในรัฐที่พรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากอยู่และไบเดนชนะคะแนนเสียงไปอย่างเฉียดฉิว ให้ปฏิเสธการรับรองผลการนับคะแนนดิบที่ทรัมป์กล่าวหาว่ามีการโกง

 

ซีเอ็นเอ็นชี้ว่านี่เป็นยุทธวิธีใหม่ของทรัมป์ในการปฏิเสธชัยชนะของไบเดน ซึ่งหากมีการรับรองผลการนับคะแนนไม่ทันตามกำหนดภายในวันที่ 8 ธันวาคม ก็อาจจะมีผลต่อการลงคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง (อิเล็กโทรัลคอลเลจ) ที่จะทำหน้าที่ลงคะแนนเสียงตามเจตจำนงของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละรัฐนั้นๆ ที่ตนเองเป็นตัวแทนได้ ซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคมที่จะถึง

อย่างไรก็ดี มีความคืบหน้าล่าสุดว่ารัฐมิชิแกนได้ประกาศรับรองผลการนับคะแนนเป็นทางการที่ไบเดนเป็นฝ่ายกำชัยแล้ว

โดยที่มีรายงานว่าในการโหวตรับรองผล คณะกรรมการตรวจนับคะแนนเสียงแห่งรัฐมิชิแกน ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากพรรคเดโมแครต 2 คน และพรรครีพับลิกัน 2 คน 3 ใน 4 ของคณะกรรมการชุดนี้โหวตรับรอง มีเพียงนอร์แมน ชินเคิล หนึ่งในคณะกรรมการจากพรรครีพับลิกันที่งดออกเสียง หลังจากเขาเคยแนะให้ชะลอการรับรองผลออกไปก่อนโดยอ้างถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหลายร้อยคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งหนึ่ง

ขณะที่ทรัมป์ยอมแบะท่าอย่างเสียไม่ได้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มดำเนินกระบวนการถ่ายโอนอำนาจไปยังว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ได้

เสมือนยอมรับความปราชัยกลายๆ แต่ยังไม่มีการประกาศยอมรับความพ่ายแพ้หลุดออกมาจากปากทรัมป์

โดยที่เจ้าตัวยังยืนกรานที่จะต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป แม้จะรู้คำตอบดีว่าผลสุดท้ายจะเป็นเยี่ยงไร