มุกดา สุวรรณชาติ : ให้มันจบที่รุ่นเรา… ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

มุกดา สุวรรณชาติ

เดินหน้าชน คนละก้าว…ไม่ใช่ถอย

โลกไม่ได้หมุนเร็วขึ้น แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมโลก และเวลาเข้าข้างเยาวชน ใครจะทำอะไรวันนี้ต้องคิดว่าปีหน้าสภาพสังคมจะเปลี่ยนไปแบบไหน และตนเองจะเป็นอย่างไร

แต่ในเกมการเมืองเฉพาะหน้ากำลังแลกกัน

ที่ว่าถอยคนละก้าวนั้นไม่จริง แกนนำราษฎรถูกจับไปขังอยู่ในคุกหลายคน อีกหลายสิบคนมีคดีค้างอยู่

ส่วนธนาธร ปิยบุตร ช่อ และกรรมการอนาคตใหม่ กำลังจะถูกดำเนินคดีอาญา

คดีเก่าของจาตุรนต์ ฉายแสง ที่คัดค้านการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2557 ก็จะขึ้นศาลสัปดาห์หน้า

กฎหมายของเผด็จการที่เขียนไว้ แค่ขยับตัวสู้ ผิดทั้งนั้น ถ้าไม่ชัด ก็ตีความให้ผิดจนได้ การชุมนุมประท้วงใหญ่จึงต้องเกิดขึ้น ฝ่ายประชาชนไม่มีอะไรจะไปต่อรองนอกจากการชุมนุมเรียกร้อง และการเรียกร้องก็ถูกยกระดับเพื่อเปลี่ยนหรือปรับให้เป็นประชาธิปไตย ที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมมากขึ้น

ฝ่ายเยาวชนเสียแค่เบี้ย แต่ผู้กุมอำนาจต้องเลือกว่าจะเสียอะไร ม้า เรือ ขุน

แต่ถ้ามองภาพกว้างและใช้มิติเวลามาเป็นตัวแปรจะพบว่าการต่อสู้ระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายก้าวหน้า อยู่ดีๆ ก็วนเข้ามาถึงฉากสุดท้ายแบบไม่คาดคิด แม้ฉากสุดท้ายไม่เป็นระยะสั้นแบบ 3 เดือน 6 เดือน คงยืดเยื้อเป็น 3 ปี 6 ปี แต่ยังไงก็เป็นฉากสุดท้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้…ให้มันจบที่รุ่นเรา…เรื่องจริง

พิจารณาได้จากหลายปัจจัย

 

1.การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการสื่อสาร ทำให้คนในสังคมข่าวสารข้อมูล ข้อเท็จจริงทั้งในประวัติศาสตร์และในอนาคต ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การค้า สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข เริ่มเห็นคุณค่าของชีวิตตนเอง รู้จักเปรียบเทียบกับสังคมอื่น ประเทศอื่น

การควบคุมและหลอกลวงประชาชน ทำได้ยากขึ้น

รัฐบาลที่มีลักษณะอำนาจนิยม จึงพยายามจะปิดช่องทางการสื่อสารที่เป็น Social Media เพราะควบคุมได้ยากมาก

เมื่อหลอกลวงไม่ได้ผล ก็จะใช้วิธีบังคับ ทำให้เกิดการต่อสู้กันในเรื่องเสรีภาพ

แต่การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้ทำได้ยากขึ้น

ขณะที่เทคโนโลยีเปลี่ยนก้าวหน้ามากขึ้น แต่สันดานความโลภของมนุษย์ไม่เปลี่ยน มนุษย์ยังสามารถพลิกแพลงความสามารถในการสะสมทรัพย์สมบัติ ในยุคปัจจุบัน แม้คนที่รวยจะมีสมบัติมากมาย จนไม่สามารถสะสมเป็นรูปธรรมได้ ไม่ว่าจะสะสมเป็นรูปเงินหรือทองคำ เพราะหาที่เก็บรักษาลำบาก มีค่าใช้จ่าย

วันนี้คนรวยมากทำได้เพียงแค่มองเห็นตัวเลขและข้อมูลในหน้าจอ และรู้ว่าตัวเองมีเงิน มีหุ้น มีที่ดิน เท่านั้นเท่านี้

ต่อให้มีชีวิตไปจนถึงวันตายก็ไม่สามารถเห็นทรัพย์สมบัติตัวเองได้ทั้งหมด ไม่ต้องไปพูดถึงการได้สัมผัสลูบคลำ แต่ผู้คนในโลกก็ยังนิยมสะสมทรัพย์สมบัติกันต่อไป

เศรษฐีที่มีจิตใจดีหน่อยก็จะบริจาคให้มูลนิธิด้านการแพทย์ การวิจัย ด้านสังคมสงเคราะห์บริจาคกันทีเป็นหมื่นล้านแสนล้านเพราะคนรวยเหล่านั้นรู้ว่าตายแล้วเอาไปไม่ได้ และเขาก็ไม่มอบให้ลูกหลานมากมายจนเกินไป แต่ให้กับส่วนรวม

ที่จริงสถานการณ์โลกขณะนี้ จะต้องนำทรัพย์สินออกมากู้วิกฤตเพื่อให้สังคมอยู่ได้

แต่ดูเหมือนส่วนใหญ่ของคนรวย คนมีอำนาจกลับทำตรงกันข้าม

คือพยายามรวบรวมทรัพย์สินเข้าไปเก็บไว้เป็นของตนเอง ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้หมุนเวียนให้เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจในยามยากลำบาก

ดังนั้น ความเหลื่อมล้ำจึงขยายตัวต่อไป

ทำให้ความขัดแย้งขยายตามในสงครามไซเบอร์

 

2.ปัจจุบันเศรษฐกิจต้องพึ่งพาการค้าและเศรษฐกิจของโลก

ไม่มีประเทศไหนที่ปิดประเทศแล้วจะอยู่ได้โดยที่ประชาชนไม่ทุกข์ยาก

ตัวอย่างประเทศพม่า ที่ปิดประเทศมา 50 ปี สุดท้ายก็ต้องเปิด

เมื่อเปิดประเทศ การแข่งขันทางการค้าเปลี่ยนมาเป็นระบบโลก มาเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าการซื้อการขายของในแต่ละประเทศ

เราดูตัวอย่างราคาทุเรียน ราคายางพารา ถ้าประเทศจีนไม่ซื้อ ราคาก็จะร่วง จนชาวสวนอยู่ไม่ได้ หรือราคาข้าวที่วันนี้เราต้องแข่งทั้งจีน อเมริกา เวียดนาม

ส่วนการลงทุนก็ต้องพึ่งพาทุนขนาดใหญ่ของต่างประเทศที่จะมาลงทุนด้านอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้ก็ถูกประเทศเพื่อนบ้านช่วงชิงนักลงทุนไปมาก

คนสร้างความรู้ทางวิทยาศาสตร์และสินค้าทันสมัย ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ขึ้นมาเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต กลายเป็นสินค้าที่มีผลประโยชน์มากขึ้นจนต้องต่อสู้แย่งชิงกัน การแย่งผลประโยชน์จึงเกิดขึ้น ทั้งในระดับบริษัท และประเทศต่อประเทศ วันนี้จึงเกิดข้อพิพาทขึ้นเป็นสงครามการค้า

เมื่อเศรษฐกิจโลกผูกพันกัน ผลจากโรคระบาด covid-19 เป็นการตอกย้ำซ้ำเติมความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลสะเทือนทางเศรษฐกิจไปทั่วทั้งโลก

แรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจทำให้การบริหารการปกครองยิ่งยากมากขึ้น

 

3.การรุกของทุนขนาดใหญ่เข้าสู่ท้องถิ่นและชุมชนต่างๆ

ภาพที่เห็นชัดที่สุด ร้านค้าปลีกแบบ 7-11 ซึ่งบุกเข้าไปตามตรอกซอกซอยและชุมชน จนกระทั่งร้านค้า โชห่วย และร้านแผงลอย สู้ไม่ไหว

บุกไปแม้กระทั่งร้านค้าในโรงอาหารของโรงพยาบาล สถานที่ราชการ

การลงทุนขนาดใหญ่และย่อยที่มาจากต่างชาติ โดยเฉพาะทุนจีน ที่มาร่วมธุรกิจก่อสร้างและค้าขาย ผูกติดกับระบบท่องเที่ยวของทัวร์ชาวจีน ตอนนี้พัฒนามามีแผงขายของ ร้านอาหาร และบางส่วนก็มาแย่งการค้าของคนไทยชั้นล่าง เช่น ขายน้ำเต้าหู้

ที่ฟอร์มดีหน่อยก็ลงทุนกับหุ้นส่วนชาวไทยหรือมีคนไทยเป็นนอมินี ที่ร้ายหน่อยก็ใช้บัตรประชาชนไทยปลอม

การเกษตรจะถูกพัฒนาให้มีผลิตผลต่อไร่สูงขึ้น แต่เจ้าของและแรงงานอาจไม่ใช่คนไทย การค้า การลงทุนจะเปลี่ยนไปอยู่ในมือคนต่างชาติมากขึ้นในทุกระดับ

ด้านอุตสาหกรรม ประเทศไทยจะไม่ใช่ประเทศที่มีจุดเด่นน่าลงทุนทางอุตสาหกรรมในภูมิภาคอีกแล้ว แต่ความเจริญของประเทศเพื่อนบ้านจะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ กระจายออกไปตามประเทศต่างๆ โดยเฉพาะพม่า กัมพูชา และเวียดนาม

แหล่งน้ำมันสุดท้ายในอ่าวไทยถูกขุดขึ้นมาใช้หมดแล้ว ต้องขึ้นบนบก ซึ่งมีไม่มากนักก็จะถูกขุด

การใช้ไฟฟ้าพลังน้ำจากในประเทศไม่พอ ต้องซื้อจากประเทศลาว และต้องใช้พลังแสงอาทิตย์

ที่จริงใน 7-8 ปีมานี้ทั่วโลกพัฒนารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่ประเทศไทยที่เป็นฐานผลิตรถยนต์สำคัญของเอเชียไม่ยอมปรับตัว ไปจมอยู่กับรูปแบบการผลิตเก่า ยอมตามทุนญี่ปุ่น

ซึ่งอาจจะมีผลให้ต่อไปต้องวิ่งตามหลังประเทศอื่นในการผลิตรถไฟฟ้า ทั้งที่เป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันและก๊าซที่ดีที่สุด

ปัจจุบันยังมีนักวิทยาศาสตร์ของไทยพยายามผลิตคิดค้นแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยและสามารถใช้ได้กับรถและโทรศัพท์ได้

แต่ถ้าไม่มีอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าเหล่านั้นในประเทศไทย เทคโนโลยีนี้คงต้องขายต่อให้ต่างชาติ

อนาคตคือช่องทางทำมาหากินของชาวบ้านจะยากขึ้น

 

4.การศึกษาเป็นตัวแปรสำคัญ แต่ไม่ใช่จากระบบโรงเรียน

แม้ว่าระบบการศึกษาจะยังไม่เปลี่ยน แต่พวกเด็กๆ ไม่ได้เรียนแค่ในตำราเรียนอีกแล้ว เพราะทั้งความรู้และประสบการณ์ความคิดเห็นและการวิเคราะห์ จะถูกส่งผ่านระบบสื่อสาร ประวัติศาสตร์ในตำราเรียน ที่โรงเรียนหรือจากกระทรวงให้อ่าน อาจจะไม่เหมือนกับที่เด็กเรียนรู้จากหนังสือและบทความข้างนอกแบบยุคโบราณ

ที่บอกว่าชาวไทยโยกย้ายถิ่นมาจากเทือกเขาอัลไต ก็ไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว

เพราะพวกเขาเห็นวัฒนธรรมที่บ้านเชียง ที่เก่าแก่ถึง 4,000 ปี

ประวัติศาสตร์การเมือง ตั้งแต่พระเจ้าตาก หรือการปฏิวัติ 2475 ถึง 14 ตุลาคม 6 ตุลาคม และการล้อมปราบประชาชนในปี 2553 แม้ไม่ได้เขียนไว้ในตำราเรียน แต่เด็กๆ เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มทั้งภาพและตัวอักษรที่บรรยาย นั่นคือสิ่งที่โกหกไม่ได้

ดังนั้น ความคิดของคนรุ่นใหม่จึงแตกต่างจากรุ่นเก่าในหลายด้าน การโกหกที่ทำติดต่อมานานถูกทำลายลงแล้ว

เด็กที่เราเห็นว่าวันนี้เปลี่ยนไปเร็วแล้ว ปีหน้าจะยิ่งก้าวหน้าเร็วกว่านี้อีก ไปตามสภาพแวดล้อมและการแข่งขันระดับโลก

 

5.การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม

ในการต่อสู้ระหว่างคนกับธรรมชาติ คนรุกทุกแนวรบ ธรรมชาติก็ตั้งรับมาโดยตลอดนานนับร้อยปี บนผืนแผ่นดินมีการทำลายล้าง ป่าไม้ ภูเขา ที่ราบลุ่ม ป่าชายเลน ชายหาด เกาะแก่งต่างๆ คนสามารถบุกรุกลงไปในมหาสมุทร ทะเล และห้วงน้ำต่างๆ ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์และธรรมชาติ เช่น หินผาต่างๆ แม้ใต้พื้นผิวดินก็ถูกขุดเจาะเพื่อหาแร่ธาตุและแหล่งพลังงาน เช่น น้ำมัน อากาศและบรรยากาศก็ถูกทำลายจากการปล่อยมลภาวะ แม้จะมีการเตือนเรื่องสภาวะโลกร้อน แต่การทำลายล้างก็ยังไม่หยุด ประเทศไทยเราเห็นภาพหมู่บ้านป่าแหว่ง ภาพเหมืองทองที่ทลายภูเขาและป่าไม้ไปเป็นจำนวนมาก และอาจจะมีการให้สัมปทานสำรวจเพิ่มอีก 200,000 ไร่ เราจึงพบกับอากาศพิษ และฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว

สำหรับธรรมชาติ ดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรเลย ปล่อยให้คนขุดหลุมฝังตัวเอง เริ่มจากความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่รอดและพัฒนามาเป็นความต้องการมีชีวิตที่สุขสบาย จากนั้นก็ขยายเป็นความโลภ ต้องการสะสม เลยกลายเป็นการแสวงหาทรัพยากรจากทุกมุมโลกขึ้นมาผลิตเป็นสินค้า สร้างความร่ำรวย

อีกสิบปีข้างหน้า ด้านอากาศ ประเทศไทยคงไม่มีฤดูหนาวอีกแล้วตามแผนที่พยากรณ์อากาศโลก ในอนาคตมีเพียงจังหวัดเชียงรายบางส่วนเท่านั้นที่จะมีฤดูหนาว

เรื่องน้ำ การฟื้นป่าเพื่อเป็นแหล่งซับน้ำคงทำไม่ทัน และถ้าไม่มีการพัฒนาโครงการน้ำคงช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งที่จะเกิดทุกปีไม่ได้ ตอนนี้ใครก็อยากให้แก้ไข แต่รัฐไม่มีปัญญา

 

6.สิ่งที่เป็นอุปสรรค คือโครงสร้างอำนาจรัฐ ระบบราชการ กฎหมายและระบบยุติธรรม

ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายในระบอบการปกครองแบบนิติรัฐ กฎหมายจะต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชน

แต่ในระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายลดลง

ที่สำคัญมิใช่เป็นเพราะเนื้อหากฎหมายฉบับนั้นหรือมาตรานั้น แต่เพราะกระบวนการในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปแบบยุติธรรมที่มีมาตรฐาน

หากแต่มีการเลือกบังคับใช้เฉพาะคนเฉพาะกลุ่ม

เมื่อเกิดซ้ำหลายครั้งเข้าประชาชนก็เข้าใจได้ว่า นี่เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายบุคคลหรือกลุ่ม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อเงินทอง การตัดสินคดีหลายคดี ประชาชนบอกล่วงหน้าได้ว่าถ้าเป็นบุคคลนี้จะต้องถูกลงโทษ ถ้าเป็นบุคคลนั้นจะไม่ต้องได้รับโทษ หรือได้รับโทษน้อย ซึ่งแทบไม่เคยมีใครเดาผิดเลย

สภาพบ้านเมืองวันนี้อยู่ในขั้นวิกฤต เป็นแบบที่เรียกว่า…เมืองใดไร้ธรรมอําไพ เมืองนั้นบรรลัย แน่เอย

ในขณะที่เด็กๆ เติบโตมาจากการสั่งสอนว่าจะต้องอยู่ฝ่ายธรรมะ ต้องมีความยุติธรรม ต้องเสียสละ และต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้อง

เด็กทุกคนอยากเล่นบทพระเอก แต่เมื่อทำอย่างนั้นเข้าจริงๆ ผู้ใหญ่กลับรับไม่ได้ ก็พยายามอ้างว่าเด็กถูกชักจูง

แต่ความจริงแล้วผู้ใหญ่ต่างหากที่ถูกชักจูงจนออกนอกกรอบของศีลธรรม ความดีงาม และผลประโยชน์ของชาติ

ปัญญาชน สื่อมวลชน และคนที่มีฐานะนำในสังคม ส่วนใหญ่ก็เพิกเฉย หรือไปหาประโยชน์ร่วมกับผู้มีอำนาจ

ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการยุติธรรมมีมากมาย ตั้งแต่อาจารย์ นักศึกษา กฎหมาย และการเมือง จนถึงข้าราชการ ไปถึงขั้นอัยการ ศาล ทนาย

แต่จะหาคนที่จะคัดค้านและต่อสู้เพื่อหลักกฎหมายที่ถูกต้อง หรือให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปอย่างเที่ยงตรง มีน้อยเต็มที อยุติธรรมจึงเกิดซ้ำซาก

อคติที่เกิดจากผลประโยชน์ เกิดจากความโน้มเอียงเลือกข้างเลือกพวกพ้องของผู้ใหญ่จะมีมากกว่าเด็ก ความกลัวต่ออำนาจก็มีมากกว่า ความคิดที่จะเลือกใช้ชีวิตแบบอยู่เป็น อยู่รอด เฉพาะตัวเองมีมากกว่า

วันนี้เยาวชนจึงเคลื่อนไหวเป็นแนวหน้า กล้าเสี่ยงเพราะเห็นความอยุติธรรมครองเมือง

 

เวลาจะชี้ขาด พวกเขามั่นใจว่าเขาชนะ
จึงพูดว่า ให้มันจบที่รุ่นเรา

การเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ก็มีผลมาจากการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของตัวแปร 6 ข้อที่กล่าวมาแล้ว

เด็กรุ่นใหม่ซึ่งเป็นหนุ่มสาวตอนนี้มีอายุเพียง 10 กว่าปี ถ้าเข้าโรงเรียนมีการศึกษาหน่อย มีโทรศัพท์มือถือ ก็จะพอรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ การเมือง ความยุติธรรม สิ่งแวดล้อม ชีวิตและอาชีพของคนทั้งโลก สิ่งดีๆ ที่ปรากฏในจอก็คือความฝันของพวกเขา และสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ก็คืออุปสรรคขัดขวางที่พวกเขาจะต้องฟันฝ่าไป เด็กเห็นความขัดแย้งของสีเสื้อระหว่างแดง-เหลือง เห็นการรัฐประหาร 2549 มาเรียนรู้ในชีวิตจริงตอนโตขึ้นเมื่อมีรัฐประหาร 2557

เวลานี้ พวกเขามองว่า ตัวแทนของความขัดแย้งที่มีอำนาจอยู่ในเวลานี้เป็นผู้มีอำนาจที่สูงวัย มีความคิดอนุรักษนิยม อายุ 60-70 ปีหรือมากกว่า

เยาวชนเหล่านี้เริ่มสู้มา 3-4 ปีนี้ เป็นการสืบทอดที่ได้จังหวะเพราะกระแสการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดนอำนาจกฎหมายเผด็จการกดจนติดดิน เพียงแต่กระแสการต่อสู้ครั้งใหม่เร็วและแรงมาก

เพราะเวลาอยู่ข้างเขา…อีก 10 ปี พวกนักเรียนอายุ 15 วันนี้ จะอายุ 25 พวกนักศึกษาที่อายุ 20 ก็จะเป็นผู้ใหญ่อายุ 30 กว่า และรุ่นใหญ่ที่สุดก็อายุประมาณ 40 เท่านั้น เป็นกำลังสำคัญของประเทศเพราะคนเหล่านี้ฉลาด มีการศึกษา อยู่ในระดับแนวหน้าเป็นส่วนใหญ่ และจะต้องทำงานใช้หนี้ไปอีกหลายสิบปี

ในขณะที่กลุ่มอนุรักษ์ที่มีอำนาจจะกลายเป็นผู้สูงอายุ 70 กว่าถึง 80 กว่า ใครตายก็โชคดีไป คนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วยังรู้เรื่อง แต่ไม่ยอมปรับความคิด ก็ต้องทนทรมานและรับไม่ได้ต่อสิ่งที่เห็นที่ได้พบในโลกยุคใหม่ เพราะแม้แต่ลูก-หลานในกลุ่มอนุรักษนิยม ก็จะมีแนวคิดที่ทันสมัยตามโลกที่เปลี่ยนไปอย่างแรง ไม่อาจฝืนได้

การเปลี่ยนแปลงจริงๆ ไม่ต้องรอถึง 10 ปี แต่จะมีให้เห็นทุกๆ ปีจากนี้ ถ้าเรามองไปที่การเลือกตั้งจะมีการเลือกตั้งไม่เกิน 3 ปีมีครั้ง ผลการเลือกตั้งฝ่ายก้าวหน้าจะมีคะแนนมากขึ้นทุกครั้ง ชื่อพรรคการเมืองที่คนนิยมอาจจะเปลี่ยนไป แต่แนวทางและนโยบายที่ก้าวหน้าจะได้รับการต้อนรับมากขึ้น

ฝ่ายอนุรักษนิยมที่ยังขัดใจกับลูกในวันนี้ ยังมีโอกาสเห็นความจริงในอนาคต และในที่สุดจะต้องยอมรับว่า โลกกลม ไร้พรมแดน การยืนสองเท้าและยืดตัวตรง เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์