ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 ตุลาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | คนของโลก |
เผยแพร่ |
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกพุ่งความสนใจมาที่นายแพทย์ชอน คอนลีย์ นายแพทย์ประจำตัวโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาแถลงอาการล่าสุด หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19
นายแพทย์คอนลีย์ยืนที่โพเดียม พร้อมด้วยคณะแพทย์จำนวนหนึ่งในฉากหลัง แถลงอาการของทรัมป์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ทรัมป์มีอาการไม่น่าเป็นห่วง และทีมแพทย์ยินดีกับพัฒนาการในการต่อสู้กับโรคของทรัมป์เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม นั่นยังคงขัดแย้งกับหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ระบุว่ายังคงมีสัญญาณที่น่ากังวล
การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันดังกล่าวส่งผลให้เกิดการตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใสในการให้ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐ
โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญของประเทศในเวลานี้
แม้เวลานี้ทรัมป์จะเดินทางกลับไปยังทำเนียบขาวแล้ว ทั้งๆ ที่ยังคงมีสถานะผู้ติดเชื้อโควิด-19 และอาจจะแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง
แน่นอนว่าทุกสายตาก็ตั้งคำถามไปที่แพทย์ประจำตัวของชอน คอนลีย์ ด้วยเช่นกันว่าเพราะเหตุใดจึงอนุญาตให้ประธานาธิบดีเดินทางกลับมายังทำเนียบขาวอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังคงเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่
นำไปสู่อีกหนึ่งคำถาม นั่นก็คือนายแพทย์ประจำตัวโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นี้คือใคร?
ชอน คอนลีย์ ทำงานเป็นแพทย์ประจำตัวโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 โดยก่อนหน้านี้นายแพทย์คอนลีย์ไม่ได้ตกเป็นเป้าสายตาจากสาธารณชนมากนัก
เกิดในเมืองดอยเลสทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย นายแพทย์วัย 40 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอเธอดาม ในปี 2002 ก่อนจะศึกษาเฉพาะทางด้านการแพทย์ออสทีโอพาธี ที่วิทยาลัยแพทย์เฉพาะทางออสทีโอพาธี ในรัฐเพนซิลเวเนีย และจบการศึกษาด้านการแพทย์แผนออสทีโอพาธีในปี 2006
แพทย์แผนออสทีโอพาธีเป็นแพทย์ที่จบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์มาก่อนและเรียนต่อเฉพาะทางสายออสทีโอพาธีต่อ แพทย์แผนนี้เป็นการรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเฉพาะอาการใดอาการหนึ่ง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย นอกจากการพิจารณาด้านกายภาพแล้วยังคำนึงถึงสภาพจิตใจ อารมณ์ ความคิด โครงสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก รวมถึงการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมของคนไข้ด้วย
โดยแพทย์แผนออสทีโอพาธีในสหรัฐอเมริกามีสิทธิในการรักษาเหมือนกับแพทย์ทั่วไปที่ได้รับใบอนุญาตสามารถทำงานได้ใน 50 รัฐของสหรัฐ และสามารถสั่งยาได้ตามปกติ
นายแพทย์คอนลีย์เรียนต่อในศูนย์การแพทย์ทหารเรือ ในเมืองปอร์ตสมัธ รัฐเวอร์จิเนีย จากนั้นในปี 2014 ได้เข้าร่วมทีมแพทย์ทหารในฐานะหัวหน้าทีมแพทย์ฉุกเฉินของกองกำลังนาโตในอัฟกานิสถาน และได้รับเหรียญกล้าหาญจากประเทศโรมาเนีย ผลงานช่วยชีวิตนายทหารชาวโรมาเนียที่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดแสวงเครื่องด้วย
คอนลีย์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในทีมแพทย์ประจำทำเนียบขาวในเวลาต่อมา และได้รับการแต่งตั้งเป็นรักษาการแพทย์ประจำตัวประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนมีนาคม 2018
หลังจากทรัมป์เสนอชื่อนายแพทย์ประจำตัวอย่างนายแพทย์รอนนีย์ แจ๊กสัน ให้ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีกิจการทหารผ่านศึก
นายแพทย์คอนลีย์ได้รับการแต่งตั้งเป็นแพทย์ประจำตัวทรัมป์อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2018 หลังจากนายแพทย์แจ๊กสันถอนตัวจากการถูกเสนอชื่อเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นนายแพทย์ที่ไร้จรรยาแพทย์
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 นายแพทย์คอนลีย์เป็นหัวหน้าทีมแพทย์ 11 คน ตรวจร่างกายของประธานาธิบดีทรัมป์ และเป็นคนประกาศว่าประธานาธิบดี “มีสุขภาพที่ดีมากๆ”
“ผมบอกได้เลยว่าเขาจะยังคงมีสุขภาพดีอย่างนี้ต่อไปตลอดช่วงระยะเวลาดำรงตำแหน่ง และหลังจากนั้นต่อไปด้วย” นายแพทย์คอนลีย์ระบุ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจร่างกายที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมงออกมาแต่อย่างใด
นายแพทย์คอนลีย์เป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อทรัมป์ออกมาประกาศว่า ตนได้ใช้ยา “ไฮดร็อกซีคอโลควิน” เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
แม้ว่า “ไฮดร็อกซีคอโลควิน” จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ พิสูจน์ว่าเป็นยาที่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้จริงๆ
และนั่นก็เกิดคำถามพุ่งเป้าไปที่นายแพทย์ประจำตัวของทรัมป์ว่า เป็นผู้สั่งจ่ายยาดังกล่าวให้ทรัมป์ด้วยหรือไม่
ซึ่งจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่มีคำตอบ
เวลานี้ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาทำงานยังทำเนียบขาวพร้อมกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในตัวทั้งๆ ที่เพิ่งตรวจพบเชื้อเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ขณะที่สื่อยังคงจับตาดูบทบาทหน้าที่ของนายแพทย์คอนลีย์ นายแพทย์ทหารเรือ ในฐานะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพประธานาธิบดีสหรัฐผู้นี้ต่อไป พร้อมๆ กับสุขภาพของประธานาธิบดีวัย 74 ปีต่อไปว่าจะรอดพ้นจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้หรือไม่